เซียวปี้เฉิงกับอวิ่นหลิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็มั่นใจมากขึ้นแล้วว่าสำนักศึกษาชิงอี้มีปัญหา
ทั้งในเมืองและชนบทต่างก็มีงูและแมลงรบกวน สำนักศึกษาชิงอี้ที่มีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้านกลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
เซียวปี้เฉิงน้ำเสียงขรึมลงทันที “ผู้ดูแลเจิ้ง หลังจากที่ลูกศิษย์ในสำนักศึกษามาถึงตอนเที่ยง คนทั้งหมดต้องมารับถุงหอมไล่งูก่อนจึงจะเข้าไปข้างในได้ เมื่อมาถึงสำนักศึกษา ให้พวกเขาไปอยู่ที่หอพักลูกศิษย์ก่อน แจ้งเหล่าอาจารย์ว่าให้วางเรื่องการฝึกทหารไว้ก่อน ส่วนจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ ให้รอคำสั่งจากข้า”
เมื่อวานพวกเขาเตรียมผลกำจัดงูและถุงหอมไล่งูกันทั้งคืน เวลากระชั้นชิด วัตถุดิบก็มีจำกัด ทางด้านสำนักศึกษามีพื้นที่ใหญ่มากดูแลไม่ทั่วถึง เขาจำเป็นต้องตรวจสอบบริเวณสำนักศึกษาก่อน ก่อนจะปล่อยให้เหล่านักเรียนเข้าไปได้อย่างวางใจ
แม้ว่าสำนักศึกษาชิงอี้จะปลอดภัยมาก แต่การเตรียมการให้รอบคอบก็ไม่มีข้อเสียอะไร ผู้ดูแลเจิ้งรีบพยักหน้ารับทันที ถ่ายทอดคำสั่งของเซียวปี้เฉิงลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหล่าผู้ดูแลถอยออกไปจนหมด อวิ๋นหลิงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “คลื่นสมองของพวกงูแยกแยะได้ง่ายมาก พวกเราใช้พลังจิตสำรวจรอบๆให้ดี จุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือหอพักอาจารย์ หอพักลูกศิษย์และบริเวณรอบๆสำนักศึกษา”
อาจารย์ในสำนักศึกษาชิงอี้ส่วนใหญ่ล้วนมีอายุมากแล้ว ผู้อาวุโสที่มีหนวดเคราสีขาวมีเกือบครึ่งหนึ่ง หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา คงไม่สามารถอดทนให้ผ่านพ้นไปได้เหมือนรุ่ยอ๋อง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่านตาอวิ๋นหลิง และเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อน บ้างก็เป็นนักเรียนที่เคยสั่งสอนมาก่อน
เนื่องด้วยความชื่นชมที่มีต่อสำนักศึกษาชิงอี้ รวมไปถึงไมตรีที่มีต่อพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อน คนมากมายจึงมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นี่
เสวียนจีตบอกพลางพูดว่า “แม้ว่าสำนักศึกษาจะใหญ่มาก แต่พวกเรามีกันถึงสี่คน ถ้าใช้เวลาหนึ่งวัน ตรวจสอบบริเวณรอบๆน่าจะทัน”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ทั้งสี่คนต่างก็แยกย้ายไปขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกัน
กงจื่อโยวไม่มีพลังจิต จึงตามติดอยู่ข้างกายหลงเย่ “แม้ว่าข้าจะไม่มีพลังจิต อย่างน้อยข้าก็ยังมีความสามารถในการดูแลบ้านติดตัวอยู่”
เพราะสาเหตุที่ถูกพิษเย็น เขาไม่สะดวกที่จะฝึกฝนวิทยายุทธ์ตั้งแต่เด็ก แต่การใช้อาวุธลับนั้นถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธภพ
วันนี้ตอนออกเดินทาง เขาได้พกเดชขนนกยูงออกมาด้วยเป็นการเฉพาะ
คนทั้งหมดแยกย้ายกันเป็นสี่ทางเพื่อสำรวจสำนักศึกษา ไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยง หน้าประตูสำนักศึกษาเริ่มมีนักเรียนไม่น้อยมารวมตัวกันแล้ว
นักเรียนบางคนนั่งอยู่บนรถม้า บ้างก็นั่งเกวียน ยังมีนักเรียนรูปร่างอ้วนคนหนึ่งขี่ลามาเรียน ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นไม่น้อย
เฟิงอู๋จีลงมาจากรถม้าคันหนึ่ง กู้ฮั่นม่อตามติดมาทางด้านหลัง
“วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก ทำให้ข้าประหยัดเงินนั่งเกวียนไปได้”
เฟิงอู๋จียิ้มพลางพูดว่า “ตอนนี้เข้ามาในสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องประหยัดเงินแค่นั้นแล้ว”
อวิ๋นหลิงจัดตั้ง”ระบบรถสำนักศึกษา” ทุกวันเสาร์จะมีขบวนรถม้าที่เดินทางไปกลับในเมือง
ในขบวนจะมีรถม้าทั้งสิ้นสิบคัน รถม้าทุกคันจะมีม้าจำนวนสามตัว รถม้าขนาดใหญ่สามารถจุคนได้ถึงเก้าคน จะเดินทางตามเวลาที่กำหนด จากสำนักศึกษาไปยังเมืองหลวงสามรอบ
อาศัยป้ายแขวนเอว ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาชิงอี้สามารถนั่งรถม้าได้โดยไม่ต้องเสียเงิน
คุณชายในตระกูลที่ร่ำรวยมีรถม้าจากจวนของตนเองมารับส่ง นี่เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าลูกศิษย์ที่มีฐานะยากจนเป็นหลัก
ทั้งสองลงจากรถม้า เห็นว่าด้านหน้าต่อแถวกันยาวเหยียด ต่างก็กำลังรอรับถุงหอมไล่งู
เฟิงอู๋จีอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “สองสามีภรรยารัชทายาทช่างรักใคร่ไพร่ฟ้าราวกับลูกจริงๆ ยังเตรียมยาไล่งูไว้ให้พวกเราโดยเฉพาะ ช่วงนี้ในเมืองมีงูรบกวนหนักมาก เมื่อวานข้าได้รู้ข่าวจากท่านพ่อว่า องค์รุ่ยอ๋องถูกงูพิษทำร้าย เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด”
กู้ฮั่นม่อหันไปมองรอบๆตัวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฤดูร้อนปีนี้ผิดปกติอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าอยู่วัดหานซาน ก็จับงูจากบริเวณใกล้เคียงได้ไม่น้อย เพียงแต่งูเหล่านั้นตัวเล็กมาก ดูแล้วเหมือนเพิ่งฟักออกมาจากไข่ ปีก่อนๆที่จับได้ตัวใหญ่กว่านี้มาก”
เฟิงอู๋จีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าจับงูเป็นด้วยหรือ”
ยังมีอะไรที่เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนนี้ทำไม่ได้บ้าง
หลี่เมิ่งชูพูดขึ้น รีบเอาขวดยาเล็กๆที่พกติดตัวเอาไว้ออกมา ยื่นให้กับหลี่หยวนเส้าดม อีกฝ่ายจึงยับยั้งอาการอยากจะอาเจียนเอาไว้ได้
เมื่อเห็นหลี่เมิ่งเอ๋อร์ เฟิงอู๋จีก็หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย เผลอยื่นมือไปจับถุงผ้าสีเขียวที่พกติดตัวเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
ด้านในมีทับกระดาษรูปแมวตัวหนึ่งที่เขาแกะสลักด้วยมือตนเอง เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณที่เขาเตรียมไว้ให้หลี่เมิ่งชู เพียงแต่เมื่อเห็นเงาร่างของหลี่หยวนเส้า เขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปหาอย่างหุนหันพลันแล่น
หลังจากที่เหล่าลูกศิษย์ได้รับถุงหอมไล่งูแล้ว ต่างก็ทยอยเข้าสู่สำนักศึกษา
สีหน้าของหลี่หยวนเส้าดีขึ้นมาบ้างแล้ว สั่งให้คนย้ายกล่องที่นำมาเข้าไปด้านใน วันนี้สำนักศึกษาชิงอี้ได้เปิดให้ญาติของนักเรียนได้เข้าไปเยี่ยมชม และอนุญาตให้บ่าวรับใช้เข้าไปช่วยจัดวางสัมภาระ
“ของเหล่านี้ประเดี๋ยวให้พวกบ่าวไพร่เก็บให้ พี่จะไปเดินดูสำนักศึกษาเป็นเพื่อนเจ้า ทำความคุ้นเคยกับที่นี่”
หลี่เมิ่งชูเอ่ยปลอบใจพลางขอร้อง “ท่านพี่ไปหาสถานที่พักผ่อนเถอะ ข้าไปคนเดียวก็ได้”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้ ที่นี่สร้างอยู่ในสถานที่ทุรกันดาร ใช้เวลาในการสร้างแค่สองเดือนเท่านั้น ไม่ไปดูด้วยตาตนเอง พี่จะวางใจให้เจ้าเรียนที่นี่ได้อย่างไร”
สำนักศึกษาเป่ยลู่มีชื่อเสียง และเงื่อนไขในการเรียนที่ดีที่สุดในเมืองหลวง
ด้วยวิธีการรับสมัครนักเรียน สำนักศึกษาชิงอี้เสนอสวัสดิการที่ดีมาก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าสภาพแท้จริงไม่ดี
และไม่รู้ว่าน้องสาวจะต้องลำบากแค่ไหนถ้าอยู่ที่นี่
หลี่หยวนเส้ารับถุงหอม เข้าไปในสำนักศึกษาด้วยความกังวลเต็มหัวใจ ไม่ช้าก็ต้องอ้าปากตาค้าง
สถานที่ที่ราวกับเมืองเล็กๆที่แสนจะหรูหรา แต่กลับบอกกับเขาว่าเป็นแค่สถานศึกษา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...