พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 580

ลมเย็นพัดโชยมา อากาศในต้นฤดูใบไม้ร่วงเย็นเล็กน้อย

หอพักลูกศิษย์อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าสำนักศึกษามากที่สุด มีการแบ่งหอพักชายหญิงออกจากกัน ตรงกลางนอกจากจะมีทางเดินแล้ว ยังมีสวนหย่อมที่มีบ่อน้ำและภูเขาจำลองที่ประณีตสวยงาม

มีคนหนุ่มสาวเดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย ใบหน้าของทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นประหลาดใจ

หลี่หยวนเส้าอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมา รู้สึกตื่นตะลึงอยู่ลึกๆในใจ

นี่เป็นหอพักลูกศิษย์จริงหรือ

บ้านพักฤดูร้อนของตระกูลหลี่ยังไม่สวยงามเช่นนี้เลย

เขาเดินเป็นเพื่อนหลี่เมิ่งชูอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกตกตะลึง ไม่ช้าก็รู้สึกว่าหิวขึ้นมาแล้ว

เพราะต้องนั่งรถม้า หลี่หยวนเส้าจงใจไม่กินอาหารเช้า เกรงว่าจะอาเจียนตลอดการเดินทาง

เวลานี้ใกล้เที่ยงแล้ว โรงอาหารมีกลิ่นหอมยั่วยวนใจโชยมาไม่ขาดสาย

วันนี้เป็นวันเปิดสำนักศึกษาชิงอี้อย่างเป็นทางการ ผู้ดูแลได้สั่งการทางด้านห้องครัวไว้ล่วงหน้า ต้องทำกับข้าวมื้อแรกให้เต็มโต๊ะ

เหล่าพ่อครัวในสำนักศึกษา ล้วนเป็นพ่อครัวที่เกษียณมาจากห้องเครื่อง ในที่สุดก็หาโอกาสในการได้ทำงานอีกครั้ง ทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มีในการทำงานนี้

เหล่าพ่อครัวมีประสบการณ์ในการทำงานในวังมาอย่างโชกโชน ต่างก็นำลูกศิษย์ของตนเอง ทำอาหารสำหรับห้าร้อยคนอย่างไม่สิ้นเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย

หลี่หยวนเส้าเดินเป็นเพื่อนน้องสาวกว่าครึ่งชั่วยาม และไม่สามารถต้านทานกลิ่นหอมอันยั่วยวนได้ ถูกลากไปกินข้าวที่โรงอาหาร

หลี่เมิ่งชูกวาดตามองไปรอบๆ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ที่นี่ใหญ่จริงๆ โรงอาหารของสำนักศึกษาอื่นๆอีกสามที่รวมกัน เกรงว่าจะใหญ่ไม่เท่าที่นี่”

ไม่ น่าจะพูดว่าร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงก็เทียบกับที่นี่ไม่ได้

อวิ๋นหลิงเป็นคนที่ยินดีทุ่มเทให้กับเรื่องการกินตลอดมา สามารถดูได้จาก การจัดวางให้โรงอาหารให้อยู่ตรงใจกลางของสำนักศึกษาชิงอี้

สิ่งก่อสร้างเดิมของโรงอาหารเป็นที่พักที่อยู่ในหมู่บ้านน้ำพุร้อน หลังจากปรับปรุงแล้วอาคารรอบข้างถูกเปิดออกและเชื่อมกัน กลายเป็นหอสูงที่เชื่อมกันเป็นสี่เหลี่ยม

รวมแล้วมีทั้งหมดสามชั้น ทั้งสี่ด้านโปร่งโล่งไร้สิ่งกีดขวาง มีการแบ่งพื้นที่ตามรสชาติของอาหารภาคเหนือและภาคใต้ ครอบคลุมอาหารหลากหลายมากมาย

แม้แต่ของว่างและน้ำหวานก็ไม่ขาดตกบกพร่อง

หลี่หยวนเส้ายังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “อาหารมากมายเช่นนี้ ยังเป็นฝีของพ่อครัวห้องเครื่อง......เงื่อนไขเช่นนี้ช่างหรูหราเกินไปแล้ว”

อย่าว่าแต่ประชาชนทั่วไปเลย เขาที่เป็นถึงลูกขุนนางผู้มีอำนาจ ก็ใช่ว่าจะสามารถได้ลิ้มลองอาหารจากฝีมือพ่อครัวห้องเครื่องได้ตามใจ

นักเรียนของที่นี่มาร่ำเรียนกันจริงๆ ไม่ใช่มาเป็นฮ่องเต้ใช่หรือไม่

ถึงว่าในข้อสอบรับสมัครลูกศิษย์ของพระชายารัชทายาท เคยถามพวกนักเรียนว่า ถ้าหากได้เป็นฮ่องเต้จะ......

ที่หลี่หยวนเส้าไม่รู้ก็คือ ชั้นสามของโรงอาหารยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ

ที่นั่นอวิ๋นหลิงตั้งใจเก็บเอาไว้เพื่อทำเป็นห้องหม้อไฟเล็ก เพียงแต่หม้อดินที่สั่งทำไว้ยังไม่เสร็จ ยังต้องรออีกสองเดือน

หลี่เมิ่งชูเป็นคนชื่นชอบการกิน ดวงตาเป็นประกายวาววับขึ้นมา “ข้ายังไม่เคยเห็นวิธีการตักอาหารเช่นนี้มาก่อน ช่างแปลกใหม่และน่าสนใจจริงๆ ท่านพี่ไปกับข้าเถอะ”

อวิ๋นหลิงทำตามวิธีการตักอาหารเหมือนโรงอาหารในมหาวิทยาลัย ผสมผสานกับระบบอาหารจานด่วน เหล่านักเรียนอยากจะกินอะไรก็ตักสิ่งนั้น มีข้อกำหนดเดียวคือห้ามสิ้นเปลือง

โรงอาหารก็มีจานอาหารให้ใช้โดยเฉพาะ คำนึงถึงกระบวนการเทคโนโลยีในยุคสมัยที่มีอย่างจำกัด นางใช้ไม้ในการทำเป็นอุปกรณ์ทานอาหาร

อาหารไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะนักเรียนและอาจารย์เท่านั้น คนนอกต้องคิดค่าใช้จ่ายตามน้ำหนัก

แต่วันนี้เป็นวันแรก อวิ๋นหลิงไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย ด้วยเหตุนี้หลี่หยวนเส้าอาศัยประโยชน์จากน้องสาว กินอาหารกลางวันโดยไม่ต้องเสียเงินไปหนึ่งมื้อ

คนที่นั่งตรงข้ามตักน้ำแกงกลับมาแล้ว

ดันเป็นศัตรูที่ไม่อยากเจอหน้า เป็นเฟิงอู๋จีกับกู้ฮั่นม่อนั่นเอง

“ฮึ”

โต๊ะรอบๆข้างก็นั่งเต็มแล้ว หลี่หยวนเส้าได้แต่เบือนหน้าหนี ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ

คาดไม่ถึงว่าจะเจอสองพี่น้องหลี่เมิ่งชู เฟิงอู๋จีสีหน้านิ่งอึ้ง จู่ๆก็หยุดบทสนทนาที่กำลังพูดคุยกับกู้ฮั่นม่อ

เขานิ่งลงโดยไม่พูดไม่จาสักคด ในโรงอาหารที่แสนจะคึกคัก โต๊ะตัวนี้กลับจมสู่ความเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด

กู้ฮั่นม่อเป็นฝ่ายทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาก่อน “ช่างบังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับคุณหนูรองหลี่อีก”

หลี่เมิ่งชูกับกู้ฮั่นม่อไม่ได้สนิทกัน แต่ก็นับว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี

นางยังรู้สึกเลื่อมใสอีกฝ่ายมาก ชายหนุ่มที่ร่ำเรียนในเมืองหลวงตัวคนเดียว หลายปีก่อนหน้านี้ถูกราชบัณฑิตใหญ่ที่เกษียณอายุแล้วแนะนำมา จึงได้เข้าไปศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาเป่ยลู่

ตอนนั้นกู้ฮั่นม่ออายุเพียงสิบหกปี ก็สอบคัดเลือกจนได้เป็นซิ่วไฉแล้ว

คุณสมบัติของอีกฝ่ายอยู่เหนือพี่ชายด้วยซ้ำ ปีก่อนเขาเข้าร่วมการชอบระดับชนบท เหมือนกับอาจารย์อีกมากมาย หลี่เมิ่งชูเคยคาดเดาเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถสอบได้อันดับที่หนึ่ง

แต่ผลปรากฏทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง กู้ฮั่นม่อกลับสอบไม่ผ่าน ไม่มีชื่อบนกระดานประกาศผลสอบ

หลี่เมิ่งชูออกมาจากสำนักศึกษาเป่ยลู่นานแล้ว ไม่รู้ถึงสายสนกลในของสำนักศึกษา ได้ยินเพียงคนอื่นเอ่ยถึงอย่างคลุมเครือในบางคราก็เท่านั้น บอกว่ากู้ฮั่นม่อนั้นถูกคนอื่นเข้ามาแทนที่

หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร ถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเป่ยลู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ