อวิ๋นหลิงสังเกตดูพวกแม่นางต่อไป “แม่นางตระกูลหลิ่วรู้จักเข้าสังคมมาก”
พวกผู้หญิงชอบจับกลุ่มจับพวกกัน อย่างตอนนี้พวกนางก็มักจะชอบนั่งกับเพื่อนที่พักเรือนเดียวกัน
ทว่าหลิ่วชิงเยี่ยนกลับสามารถตีสนิทกับแม่นางอื่นในช่วงที่ฝึกร่างกายเหมือนทหารได้ ซึ่งเพิ่งจะเริ่มฝึกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เห็นได้ว่ามีความสามารถสูง
ทุกคนรู้สึกเป็นมิตรกับนาง ยกเว้นหรงรั่ว
อวิ๋นหลิงสังเกตเห็นรายละเอียดหนึ่งว่า หลิ่วชิงเยี่ยนจะส่งกระบอกน้ำถึงมือคนอื่นตลอด มีเพียงตอนที่เดินไปอยู่ตรงหน้าหรงรั่ว นางแค่วางไว้ด้านข้างเท่านั้น
ระหว่างพักผ่อน นางก็ไปนั่งด้านข้างสุด ข้างเมิ่งฝูเอ๋อร์
จากใบหน้าเบิกบานของหรงรั่ว เมื่อเห็นหลิ่วชิงเยี่ยนก็ยิ้มค้าง หันหน้าไปคุยกับหลี่เมิงซูต่อ ไม่ได้หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
เซียวปี้เฉิงก็เห็นสิ่งนี้ด้วย กดเสียงต่ำพูดว่า “ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าคุณหนูหลิ่วกับคุณหนูหรงไม่ถูกกันจะเป็นเรื่องจริง”
“ยังไงรึ?” อวิ๋นหลิงเริ่มอยากรู้เรื่องชาวบ้านขึ้นมา
“ระหว่างที่ข้าฝึกพลังจิต บางครั้งก็ได้ยินเสียงนินทาด้วย ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด บอกว่าสาเหตุที่หรงรั่วไม่ไปมาหาสู่กับคู่หมั้น เป็นเพราะหลิ่วชิงเยี่ยน แต่ข้าไม่รู้รายละเอียด”
ตระกูลหรงกับตระกูลหลิ่วมีลูกหลานแต่งงานกัน แม่นางสองคนนี้ต้องพบปะกันเป็นประจำอยู่แล้ว
เซียวปี้เฉิงฉุกคิดบางอย่างได้ก็อุทาน “ตอนพวกเราจัดเรือนพักเอาแต่จับฉลาก ไม่ได้สำรวจอย่างละเอียดก่อน”
หลี่เมิงซูกับเมิ่งฝูเอ๋อร์พักในเรือนฝั่งตะวันออก นั่นหมายถึงแม่นางสองคนนี้ต้องพักด้วยกันที่เรือนฝั่งตะวันตก
เป็นรายละเอียดยิบย่อยที่มองข้ามไป
“ถ้าเกิดพวกนางผิดใจกันขึ้นมาจริงๆ อยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็จะอึดอัดใจ แล้วอาจมีการปะทะกันด้วย”
อวิ๋นหลิงตรึกตรองแล้วกลับเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพวกนางคงไม่ทะเลาะกันหรอก”
“เจ้ามั่นใจเพียงนี้เชียว?” เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้ว
บอกตามตรงเขาปวดหัวกับเรื่องผู้หญิงตีสองหน้าใส่กัน เรื่องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในเรือนหลัง คนตระกูลเซียวนับว่าไม่ไดเรื่องเลย มีข้อดีอย่างเดียวคือยอมฟังคำพูดของภรรยา
กระทั่งผู้ฉลาดหลักแหลมอย่างพระเจ้าหลวงก็รู้สึกยุ่งยากด้วย ดังนั้นจึงยึดคติที่ว่า ยิ่งมีเมียน้อยปัญหาก็ยิ่งน้อยลง
ความจริงก็บอกเซียวปี้เฉิง อย่าได้พัวพันกับสตรีให้มาก หาไม่แล้วจะนำมาซึ่งหายนะได้
กรณีศึกษาที่มีให้เห็นก็อย่างคู่รุ่ยอ๋องกับฉู่อวิ๋นหาน เสียนอ๋องกับซ่งเชว่อวี่
อวิ๋นหลิงเริ่มวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน “อันดับแรก หรงรั่วมีนิสัยเหมือนผู้ชาย ได้ยินว่านางเป็นคนตรงไปตรงมา เกลียดพฤติกรรมชั่วร้ายที่สุด ทั้งยังถูกฟูมฟักเลี้ยงดูอย่างดี จึงเป็นคนตรง ไร้เดียงสา”
“หลิ่วชิงเยี่ยนเป็นลูกอนุ ปกติต้องระมัดระวังตัวทุกอย่าง การกระทำเมื่อครู่ถือว่านางฉลาดมาก นางใจกว้างกว่าหรงรั่ว ถ้าต้องการหักหน้าหรงรั่ว เมื่อครู่นางก็ควรยื่นกระบอกน้ำให้หรงรั่วโดยตรง”
เซียวปี้เฉิงตั้งใจฟังแล้วก็เข้าใจความหมายของอวิ๋นหลิง
“สมมุติว่าถ้าหรงรั่วรับไม่น้ำมา แม่นางอื่นก็จะคิดว่าหรงรั่วคบยาก หลิ่วชิงเยี่ยนอุตส่าห์หวังดีแต่กลับทำให้เสียน้ำใจ”
“แล้วถ้าหรงรั่วต้องรับน้ำมาก็เท่ากับเป็นการตบหน้าหลิ่วชิงเยี่ยน”
อวิ๋นหลิงยิ้มเอ่ยกับเขา ชมว่า “ไม่เลว ไม่เลว พัฒนาขึ้นเยอะเลย”
นางสอนสามีมาดี
“ดังนั้นข้าถึงบอกว่าความสัมพันธ์ของพวกนางไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยหลิ่วชิงเยี่ยนก็ทายได้ว่าหรงรั่วไม่รับกระบอกน้ำ จึงวางไว้ด้านข้าง”
“ถ้าหรงรั่วเกลียดหลิ่วชิงเยี่ยนก็ต้องหาว่าอีกฝ่ายตอแหล เตือนให้เมิ่งซูระวังตัว แต่หรงรั่วแค่ทำตัวเฉยชา ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ไม่ได้เข้าแทรกตอนที่เมิ่งชูกับหลิ่วชิงเยี่ยนคุยกันด้วย”
จักรพรรดิจาวเหรินรู้ว่าพวกเขาจะมาก็เตรียมอาหารเต็มโต๊ะ เห็นพวกเขามาถึงก็รีบโบกมือเรียก
“เจ้าสาม นังหนูหลิง พวกเจ้ากลับมาได้ถูกจังหวะมาก ข้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้า มานั่งกินไปด้วยคุยไปด้วยสิ”
อวิ๋นหลิงก็หิวแล้ว หย่อนกายนั่งลงแล้วใช้ตะเกียบคีบอาหาร “เสด็จพ่อมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือ? ถึงเรียกพวกเราทั้งตั้งสองงคน?”
“จะคุยเรื่องสำคัญ แต่ไม่รีบหรอก” จักรพรรดิจาวเหรินยิ้มแล้วถาม “ข้าอยากให้เด็กคนหนึ่งเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ สะดวกให้เขาเป็นกรณีพิเศษไหม?”
เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วมุ่น พูดเสียงขรึม “เสด็จพ่อ ไม่ว่าผู้ใดที่คิดจะเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาชิงอี้ก็ต้องสอบเข้ากันทั้งนั้น ใช้สิทธิพิเศษไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบนี้อยู่ในการคาดเดาของจักรพรรดิจาวเหริน จึงได้แต่ถอนหายใจ “ข้าไม่ใช่จะให้นางเป็นบัณฑิตหรอก เจ้าดูให้หน่อยว่ามีงานอะไรในสำนักศึกษาให้นางทำบ้าง?”
อวิ๋นหลิงวางตะเกียบลง “เสด็จพ่อพูดตรงๆจะดีกว่า อย่าชักแม่น้ำทั้งห้ามาคุยเลย หาไม่แล้วหม่อมฉันกับปี้เฉิงไม่มีทางปล่อยเข้าไปหรอกเพคะ”
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินพลันเผยสีหน้าจนปัญญา ได้แต่บอกต้นสายปลายเหตุ
“คือแบบนี้ ปีนี้หรงเอ๋อร์อายุสิบหกปี ไม่ใช่เด็กแล้ว เป็นช่วงที่ควรแต่งออกเรือนได้แล้ว พวกเจ้าสองผัวเมียก็รู้ว่าเพราะตระกูลเฟิงกับเรื่องรุ่ยอ๋อง จึงส่งผลกระทบต่อนางอย่างหนัก ตอนนี้หาคนแต่งด้วยยาก”
หรงเอ๋อรืที่กล่าวถึงคือองค์หญิงหก เซียวโยว่หรง
จักรพรรดิจาวเหรินเผยสีหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจ “เมื่อก่อนหรงเอ๋อร์ยโสไปหน่อย แต่นิสัยก็ไม่ถึงกับแย่ ตอนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วด้วย ข้าไม่อยากหาคู่ครองแบบสุ่มๆให้นาง แล้วไม่อยากให้นางแต่งกับลูกขุนนางด้วย นางจะได้ไม่ลำบากเพราะครอบครัวสามีต้องการแก้เผ็ดตระกูลเฟิง”
“สถานการณ์ของพี่ใหญ่เจ้า ข้าว่าคงต้องรออีกสามปีห้าปีถึงจะสร้างชื่อเสียงได้ ข้าอยากให้เขาฝึกประสบการณ์เยอะๆ เพราะดังนั้นพี่ใหญ่เช่นเขาก็ช่วยหรงเอ๋อร์ไม่ได้เช่นกัน”
“หรงเอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิง หาลูกเขยโดดเด่นเชื่อฟังก็พอ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าบัณฑิตในสำนักศึกษาชิงอี้ต้องมีผู้ที่ตรงตามคุณสมบัตินี้แน่ ชายหนุ่มลูกชาวบ้านยากจนที่มากไปด้วยความสามารถคู่ควรที่สุด แบบนี้หรงเอ๋อร์ก็สามารถควบคุมบ้านสามีได้แล้ว”
จักรพรรดิจาวเหรินอยากให้องค์หญิงหกอยู่ในสำนักศึกษาชิงอี้สองปี ดูว่าจะหาลูกเขยที่เหมาะสมหลังจากพิจารณาดูนิสัยใจคอแล้วหรือไม่
อวิ๋นหลิงได้ยินแล้วก็ไม่เห็นเดียวทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...