พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 614

หลังจากมั่นใจในการจัดการเรื่องขององค์หญิงหกแล้ว เซียวปี้เฉิงจึงไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัยด้วยตัวเอง

เพียงแต่การไปครั้งนี้ เขาไม่ได้ไปพบจักรพรรดิจาวเหรินโดยตรง แต่ได้แอบไปหาฝูกงกง ขอให้เขาเป็นคนกลางช่วยส่งข่าว

เซียวปี้เฉิงเอ่ยเสียงต่ำว่า “สำหรับเรื่องของโยว่หรง ข้าจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้กงกงฟัง นอกจากนี้ ข้ากับหลิงเอ๋อร์ยังมีขอบเขต ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถล้ำเส้นได้”

นั่นก็คือไม่ว่าองค์หญิงหกจะชื่นชอบชายหนุ่มคนไหน ขอเพียงอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างชัดเจน ก็ไม่สามารถบีบให้อีกฝ่ายเป็นราชบุตรเขยได้

จักรพรรดิจาวเหรินสามารถหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ได้ แต่ไม่สามารถบังคับด้วยอำนาจอย่างเด็ดขาด

“ถ้าหากเสด็จพ่อไม่คัดค้าน พรุ่งนี้ข้ากับหลิงเอ๋อร์จะพาโยว่หรงเข้าไปในสำนักศึกษาด้วยตัวเอง ให้นางคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและกฎระเบียบของสำนักศึกษา”

พรุ่งนี้เป็นการฝึกทหารวันสุดท้ายพอดี ตอนกลางคืนยังมีงานเลี้ยงรอบกองไฟ ต้องทำการแสดงรายงานผลด้วย

หลังจากสิ้นสุดแล้วสำนักศึกษาจะหยุดหนึ่งวัน และจะเริ่มเรียนอย่างเป็นทางการ

ฝูกงกงพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำได้แล้ว จากนั้นก็ทำท่าเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่พูดได้แต่ถามว่า “ทำไมองค์รัชทายาทไม่ทรงไปพูดกับฝ่าบาทเองเล่า”

เซียวปี้เฉิงมองความคิดของเขาออก อธิบายเสียงต่ำว่า “ฝูกงกงไม่ต้องเป็นกังวล ข้าไม่ได้รู้สึกบาดหมางใจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงไม่พบเสด็จพ่อด้วยตนเอง เพียงแต่ข้าเป็นห่วงว่าการเข้าเฝ้าครั้งนี้ เสด็จพ่อจะลำบากใจ หากท่านไปถึงหน้าพระพักตร์ ก็ให้บอกว่าข้าได้ยินว่าพระองค์ไม่สบาย เกรงว่าถ้าเขาเห็นหน้าลูกอกตัญญูแล้วจะยิ่งรู้สึกแย่”

ก่อนหน้านี้พระเจ้าหลวงเพิ่งจะด่าจักรพรรดิจาวเหรินจนร้องไห้เพื่อเขา ตอนนี้เขากลับรีบมาเข้าเฝ้า คาดว่าจักรพรรดิจาวเหรินคงจะรู้สึกไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา

ตอนนี้ตั้งฉายาให้ตนว่าเป็น”ลูกอกตัญญู” เป็นการอำพรางให้จักรพรรดิจาวเหรินไม่รู้สึกกระดากอาย

ฝูกงกงเห็นว่าเขาไม่ได้มีความรู้สึกบาดหมางระหว่างพ่อลูก จึงรู้สึกคลายใจไปเปลาะหนึ่ง เอ่ยอย่างใจดีว่า “องค์รัชทายาทกตัญญู และได้รับความลำบากใจแล้ว”

เซียวปี้เฉิงยิ้มจางๆ ลำบากใจหรือไม่ เขารู้สึกชินชาไปแล้ว

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หัวใจเย็นชามากพอแล้ว จึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว

ไม่นาน จักรพรรดิจาวเหรินที่นั่งอยู่บนตั่งได้ยินสิ่งที่ฝากมาบอก สีหน้านิ่งอึ้งไป

“สองสามีภรรยาเจ้าสามเห็นด้วยจริงหรือ”

เขายังนึกว่าอาศัยการกระทำครั้งนี้ของพระเจ้าหลวง ทั้งสองคนจะยิ่งมีความมั่นใจในการปฏิเสธ กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าสามจะมายอมรับผิดต่อเขาก่อน

หลังจากถูกตำหนิอย่างรุนแรง สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินซีดเซียว และมีความรู้สึกห่อเหี่ยวใจ

ฝูกงกงเอ่ยปลอบใจว่า “องค์หญิงหกเป็นน้องสาวขององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจะไม่สนใจไยดีได้อย่างไร แม้ว่าองค์หญิงจะเคยทำให้พระชายารัชทายาทเกือบจะแท้งลูกมาก่อน แต่ฝ่าบาทลองตรองดูให้ดี หลังจากเกิดเรื่องพระชายารัชทายาทก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืององค์หญิงหกเลยสักครั้งใช่หรือไม่”

“กระหม่อมคิวด่า ที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายไปมาหาสู่กันน้อย ก็เป็นเพราะปกติแล้วมีงานยุ่งมาก แม้แต่พระเจ้าหลวงเองยังมักจะตำหนิพระชายารัชทายาทเสมอ ว่าเย็นชาต่อพวกเด็กๆเกินไป แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปสนใจการเคลื่อนไหวขององค์หญิงเล่า”

จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งเงียบไป อวิ๋นหลิงมีนิสัยเช่นนี้ไม่ผิด

พระชายารัชทายาทของผู้อื่น ปกติจะเดินสายสานความสัมพันธ์ไปทั่ว วันนี้ไปดื่มชากับเหล่าฮูหยินของขุนนางใหญ่ที่โรงน้ำชา พรุ่งนี้ก็เรียนเชิญเหล่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆช่วยกันจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้

แต่นางกลับเอาแต่ตั้งใจอยู่กับงานของราชสำนักและฎีกา มิเช่นนั้นก็ทำงานของสำนักศึกษาและห้องสมุด

“พวกรัชทายาทย่อมต้องปฏิบัติต่อพี่น้องรุ่ยอ๋องอย่างจริงใจแน่นอน คืนนั้นตอนที่องค์รุ่ยอ๋องถูกงูพิษกัด พวกเขาเร่งเดินทางกันทั้งคืนเพื่อไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงโดยไม่กล้าเสียเวลาหยุดพักเลยแม้แต่น้อย”

“ตอนนี้ตอบตกลงฝ่าบาทเรื่องการส่งองค์หญิงไปที่สำนักศึกษา พระชายารัชทายาทได้ไปช่วยเตรียมชุดของสำนักศึกษาและของใช้ส่วนตัวตั้งแต่เช้าแล้ว”

หลังจากสั่งการเสร็จ พระเจ้าหลวงก็หันไปหยอกล้อเด็กน้อยอ้วนกลมทั้งสอง ไม่ช้าตำหนักฉางหนิงก็มีเสียงหัวเราะของหนึ่งคนแก่และเด็กสองคนดังประสานขึ้นมา

......

ช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น รถม้าหลายคันเคลื่อนออกจากเมืองหลวง

“นี่เป็นคู่มือสำนักศึกษาของสำนักศึกษาชิงอี้ ด้านในได้ระบุระเบียบข้อกำหนดที่มีต่อทุกคนในสำนักศึกษาชิงอี้ไว้อย่างชัดเจน แบ่งเป็นฉบับอาจารย์ ฉบับลูกศิษย์และฉบับบุคลากรทางการศึกษา ที่เจ้าต้องจำให้ขึ้นใจคือเนื้อหาในฉบับบุคลากรทางการศึกษา”

“นี่เป็นแผนที่ของสำนักศึกษาชิงอี้ ข้างในมีแผนที่ทั้งหมดของสำนักศึกษาชิงอี้ การใช้งานและประโยชน์ของแต่ละอาคารรวมไปถึงเวลาเปิดทำการเป็นต้น ล้วนถูกแนะนำไว้อย่างละเอียดทั้งหมด”

“เล่มสุดท้ายเป็นคู่มือชีวิตประจำวัน หลังจากนี้เจ้าต้องอาศัยอยู่ในสำนักศึกษาเป็นระยะเวลานาน ปัญหาที่จะพบเจอในสำนักศึกษา ส่วนใหญ่แล้วจะหาคำตอบได้จากคู่มือชีวิตประจำวันเล่มนี้ รวมทั้งหมดแต่ไม่จำกัดเพียงแค่การเปลี่ยนหอพัก การทำความอุ่น น้ำและการจ่ายค่าใช้จ่ายเป็นต้น”

“ห้องสมุดของสำนักศึกษาชิงอี้ไม่ใหญ่ ตอนนี้มีเพียงอาคารสองหลังที่เปิดทำการ ทุกช่วงเช้าของวันจันทร์จะปิดทำการเพื่อซ่อมแซมทำความสะอาด เวลาทำการปกติคือช่วงเช้าเก้าโมงจนถึงช่วงค่ำเก้าโมง......อืม......น่าจะเป็นช่วงปลายยามเฉินจนถึงช่วงต้นยามไห้ อย่างไรก็ตามในสำนักศึกษาจะมีเสียงนาฬิกาคอยแจ้งเตือน”

“เพราะเวลาทำงานยาวนานถึงสิบสองชั่วโมง......รวมทั้งสิ้นหกชั่วยาม ดังนั้นพนักงานจะทำงานเป็นกะ ครึ่งวันเปลี่ยนหนึ่งกะ”

หากเฉลี่ยแล้ว จะได้ทำงานวันละหกชั่วโมง ภารกิจก็ค่อนข้างสบาย

แม้ว่าอวิ๋นหลิงจะชอบเอาเปรียบให้คนอื่นทำงานให้ตนเองเปล่าๆ แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้แล้วค่อนข้างทำออกมาเข้ากับธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ส่งเสริมให้ทำงานนอกเวลาและทำงานเก้าโมงเช้าถึงสามทุ่มเป็นเวลาหกวันต่อสัปดาห์

“แต่ห้องสมุดค่อนข้างพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือว่าวันหยุดช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนรวมไปถึงเทศกาลต่างๆก็ต้องเปิดทำการ หากใกล้ช่วงสอบปลายภาคเรียน จะยืดเวลาปิดออกไปเป็นช่วงยามจื่อ”

“ช่วงสุดสัปดาห์ ทุกสองสัปดาห์จะได้พักสองวัน ดังนั้นคาดว่าเจ้าคงจะได้กลับเมืองหลวงทุกครึ่งเดือน จำได้หรือไม่”

อวิ๋นหลิงมองไปยังร่างของหญิงสาวร่างผอมบางที่นั่งโคลงเคลงไปมาอย่างไม่เป็นสุข อีกฝ่ายนั่งกุมนิ้วไว้แน่น พยักหน้าอย่างเป็นกังวล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ