“ต้องใช้เวลาเดินทางไปที่สำนักศึกษาอีกหนึ่งชั่วยามกว่าๆ เจ้าสามารถอาศัยช่วงเวลานี้ดูคู่มืออีกครั้ง ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ หรือเจอปัญหาในสำนักศึกษา ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากอาจารย์และผู้ดูแลได้”
อวิ๋นหลิงปิดคู่มือลง นำคู่มือทั้งสามเล่มยื่นให้กับองค์หญิงหก
อีกฝ่ายรีบประสานมือขึ้นมารับเอาไว้ เริ่มทำการเปิดอ่านในรถม้าที่โคลงเคลงไปมาอยู่บ้าง
“รบกวนพี่สะใภ้สามแล้ว”
ได้ยินเสียงอ่อนแฝงความขี้ขลาดดังขึ้นมา อวิ๋นหลิงก็รู้สึกทอดถอนใจ นางวิเคราะห์สาวน้อยที่อยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ ท่าทีของอีกฝ่ายแตกต่างจากครึ่งปีก่อนราวฟ้ากับดิน
จำได้ว่าตอนที่เจอองค์หญิงหกครั้งแรก นางยังเป็นสาวน้อยที่มีความร่าเริงจนมีความหยิ่งผยองอยู่บ้าง ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นิสัยของนางค่อนข้างชอบเข้าสังคม
หลังจากตระกูลเฟิงอำนาจถดถอยลง องค์หญิงหกที่ถูกดูแลสั่งสอนอย่างเข้มงวดจากพระพันปี ดูเจียมตัวและรู้ความขึ้นมาก มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นหลายส่วน
ตั้งแต่เสี่ยวเฟิงตายไป สภาพจิตใจของนางก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
สายตาของอวิ๋นหลิงมองไปที่เสื้อผ้าของนาง เอ่ยถามเสียงอบอุ่นว่า “เสื้อผ้าที่เหมาะสมจะถูกส่งไปถึงสำนักศึกษาในอีกสองสามวัน กำลังสั่งให้คนเร่งทำแล้ว”
“ขอบคุณพี่สะใภ้สาม หรงเอ๋อร์ใส่เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
ตอนนี้ องค์หญิงหกสวมใส่ชุดกระโปรงสีน้ำเงินตัดกับสีขาว บนผ้าคาดเอวสีน้ำเงินเข้มปักดอกไม้ที่สวยงามประณีตสี่ดอก
ในสำนักศึกษาชิงอี้ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ลูกศิษย์หรือบุคลากรล้วนมีชุดสำนักศึกษาเหมือนกัน ชุดสีเขียวไม้ไผ่ของอาจารย์ ชุดสีขาวม่วงของนักเรียน ส่วนบุคลากรอื่นๆจะใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก
เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่สามารถสั่งตัดเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่างได้ทันเวลา อวิ๋นหลิงได้แต่หาเสื้อผ้าที่เหลือจากการสั่งตัดครั้งที่แล้ว
ความยาวนั้นพอดี แต่ช่วงลำตัวค่อนข้างกว้าง เหตุผลหลักเป็นเพราะว่าองค์หญิงหกผอมเกินไป
นางที่เดิมทีเป็นเด็กอ้วนกลมได้หายไปแล้ว แก้มทั้งสองข้างผอมตอบ เรือนร่างที่ผอมบางทำให้รู้สึกเป็นหญิงที่อ่อนแออยู่หลายส่วน
อวิ๋นหลิงครุ่นคิด เอ่ยเตือนว่า “หากตอนกลางคืนนอนไม่หลับ สามารถไปซื้อยาได้ที่โรงหมอสำนักศึกษา ในโรงหมอมียามากมายที่ข้าปรุงเอาไว้ เช่นธูปหอมทำให้สดชื่นธูปหอมทำให้นอนหลับเป็นต้นล้วนมีหมด”
ธูปหอมคลายอารมณ์ ปรับปรุงจากส่วนผสมของกลิ่นสลายวิญญาณ รับรองได้ว่าคนที่มีอาการนอนไม่หลับรุนแรงแค่ไหนก็สามารถนอนหลับได้
องค์หญิงหกพยักหน้า เปล่งเสียง”อืม”ออกมาเบาๆ แสดงให้เห็นว่าจำได้แล้ว
อวิ๋นหลิงเองก็เพิ่งจะรู้ก่อนหน้านี้ไม่นาน ว่าองค์หญิงหกเป็นโรคนอนฝันร้าย
เมื่อวานตอนที่นางไปรับองค์หญิงที่อยู่กับพระพันปี แม่นมที่อยู่ข้างกายพระพันปีได้บอกกับนาง บางครั้งองค์หญิงหกจะเข้าสู่ห้วงแห่งฝันร้าย
มักจะร้องว่า”เสด็จแม่อย่าเพคะ”จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ว่ากันว่าหลังจากที่นางเห็นเสี่ยวเฟิงตายไปต่อหน้าต่อตา กลางคืนมักจะฝันเห็นอีกฝ่ายต้องการมาเอาชีวิต ไม่พอใจที่นางไม่ช่วยชีวิตของตนเอาไว้ในตอนนั้น บีบคอของนางเอาไว้ จะลากตัวนางกับรุ่ยอ๋องลงนรกไปด้วยกัน
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพระพันปีจึงเก็บอีกฝ่ายไว้ข้างกายตลอดมา เพราะอยากจะขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้องค์หญิงหก
แม่นมคนนั้นยังถอนหายใจก่อนจะบอกว่า “พระพันปีทรงบ่นถึงเสี่ยวเฟิงอยู่หลายครั้ง บอกว่าตอนที่นางมีชีวิตอยู่ใจดำอำมหิตทำร้ายคนนับไม่ถ้วน ตอนนี้ตายไปแล้วก็ยังไม่สงบ ยังจะลงมือกับลูกสาวตัวเองอีก”
“ฝ่าบาทไม่รู้เรื่องนี้ องค์หญิงหกไม่ยอมให้พวกเราพูดออกไป เกรงว่าหลังจากฝ่าบาทรู้เข้า จะโกรธเสี่ยวเฟิงที่แม้จะอยู่ต่อหน้ายมบาลแล้วก็ยังไม่รู้จักสำนึกผิด องค์หญิงหกคิดเผื่อแม่บังเกิดเกล้าถึงขนาดนี้ เสี่ยวเฟิงกลับรังควานนางไม่ปล่อย ช่างบาปกรรมจริงๆ”
พระพันปีไม่ได้คิดจะจัดการเรื่องแต่งงานขององค์หญิงหกเร็วเช่นนี้ มักจะคิดว่านางยังอายุน้อย รออีกสามปีอายุก็แค่สิบเก้าปี
ถึงตอนนั้นเสี่ยวเฟิงก็ถูกคนทั่วไปลืมจนเกือบหมดแล้ว ถ้าหากรุ่ยอ๋องสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้ นางย่อมหาคู่แต่งงานที่ดีได้
องค์หญิงหกกัดริมฝีปาก ก่อนหน้านี้นางมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี ลูกศิษย์หญิงเหล่านั้นอาจจะไม่ชื่นชอบนางก็ได้
หลังจากที่เกิดเรื่องกับท่านแม่ เพื่อนรักที่เคยคบหากันล้วนตัดสัมพันธ์ไม่ไปมาหาสู่กับนาง
“พี่สะใภ้สาม......ข้าใช้เส้นสายเข้าไปในสำนักศึกษา พวกอาจารย์จะรู้สึกไม่พอใจหรือไม่”
อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วขึ้น “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าได้ส่งคนไปแจ้งข่าวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เจ้าไปทำงานให้กับสำนักศึกษาชิงอี้ พวกอาจารย์ยังต้องยินดีด้วยซ้ำไป การใช้แรงงานเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่สุดมิใช่หรือ”
เมื่อวานนางได้ให้เฉียวเย่ไปที่สำนักศึกษา บอกกล่าวกับเหล่าผู้ดูแลสำนักศึกษาล่วงหน้าแล้ว
พวกอาจารย์ต่างก็มีทัศนคติเชิงบวกแทบทั้งสิ้น ในเรื่องที่องค์หญิงจะยอมลดตัวมาฝึกฝนตนเองในสำนักศึกษา
แน่นอนว่า นางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องราชบุตรเขย มิเช่นนั้นอาจเป็นภาพอีกแบบหนึ่งไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงหกดูผ่อนคลายลง
อวิ๋นหลิงเอ่ยต่อไปว่า “สรุปแล้วเจ้าไม่ต้องคิดมาก บรรยากาศในสำนักศึกษาผ่อนคลายมาก คืนนี้มีงานเลี้ยงรอบกองไฟ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสำนักศึกษา ข้าจะพาเจ้าไปทำความคุ้นเคยกับสำนักศึกษาเอง”
องค์หญิงหกบิดนิ้วไปมา ก้มหน้าพลางพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณพี่สะใภ้สาม”
“ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย จะขอบคุณทำไม”
ในเมื่อตอบตกลงให้องค์หญิงหกเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว อวิ๋นหลิงจะทำอย่างขอไปทีได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางคนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องเข้าไปหาราชบุตรเขย
สำนักศึกษาชิงอี้ให้ความรู้สึกเป็นสถานที่ชำระล้างจิตใจ หากองค์หญิงหกอยู่ที่นี่ไปสักพัก โรคนอนฝันร้ายก็น่าจะรักษาให้หายดีได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...