หลังจากผลักฟงอิ๋งอิ๋งออกไปแล้ว โม่อ๋องก็ยันมือไว้กับกำแพงแล้วอาเจียนออกมา
ทางหนึ่งผู้หญิงโผเข้ากอดเมื่อครู่ ทำให้เขาจิตใจปั่นป่วนอยากอาเจียน อีกทางหนึ่งเวียนศีรษะผิดปกติ ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาอยากอาเจียนเอามากๆ
ขณะนี้เขาปวดขมับกะทันหัน รู้สึกว่าโลกตรงหน้ากำลังหมุนติ้วๆ ราวกับโยกคลอนอย่างรุนแรงบนรถม้าตลอดทั้งวัน และโคลงตัวอยู่บนเรือต่อไปอีกวัน
“โอ๊ย…”
โม่อ๋องร้องครางด้วยความเจ็บปวดทรมานทีหนึ่ง ก่อนทรุดล้มลงกับพื้นด้วยสภาพใกล้สิ้นใจ
จากนั้นฟงอิ๋งอิ๋งก็กลับมาได้สติหลังตื่นตระหนก รู้ว่านี่คือผลสืบเนื่องของวิชายันต์ควบคุมวิญญาณ
นางพึมพำด้วยความหงุดหงิด “ผิดแผนจนได้!”
ไม่คาดคิดว่าโม่อ๋องจะรับมือได้ยากขนาดนี้ โชคดีที่วิชายันต์ควบคุมวิญญาณมีผลสืบเนื่อง โม่อ๋องจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้
ฟงอิ๋งอิ๋งยันกำแพงลุกขึ้นกำลังจะวิ่งหนี แต่กลับอกสั่นขวัญหายกับเสียงตะโกนอันดุดัน
“หน็อย! โจรปล้นสวาทมาจากไหน บังอาจทำร้ายท่านโม่อ๋อง!”
ลู่ฉีรออยู่ที่ร้านหลินหลางพักหนึ่ง เห็นว่าโม่อ๋องชักช้าไม่กลับมา ก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
ว่ากันว่าห้องน้ำสร้างไม่ค่อยดี มีชายขี้เมาคนหนึ่งตกลงไปจมน้ำตายเมื่อสองวันก่อน
เขากลัวว่าโม่อ๋องจะพลาดพลั้งลื่นล้ม หรืออาจมี ‘พรายน้ำ’ กำลังจะเอาชีวิตอยู่ในห้องน้ำ จึงไปตามหาเขาที่ห้องน้ำ
ไม่คาดคิดว่าเดินเข้าตรอกไปครึ่งทางจะได้ยินเสียงล้มดังโครม หันไปก็เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
เห็นหญิงชุดม่วงตรงหน้าคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีขาว ดูท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่เหมือนคนดี เขาชักดาบยาวแล้วพุ่งเข้าไปทันที
“ยอมให้จับโดยละม่อมซะดีๆ!”
ฟงอิ๋งอิ๋งเห็นว่ามีคนมาแค่คนเดียวก็ถอนใจโล่งอก หยิบกล่องไม้เล็กๆ ที่ระบายอากาศได้ออกมาจากอกเสื้อแล้วยิ้มหยัน
“องครักษ์หน้าเหม็นอย่างเจ้ากล้าพูดสามหาวต่อหน้าข้า ไม่รู้จักเจียมตัว!”
นางโยนกล่องใส่ลู่ฉี ฝ่ายหลังใช้ดาบฟันโดยไม่รู้ตัว
กล่องไม้ถูกเปิดออก แมงป่องขนาดเท่านิ้วก้อยสองสามตัวก็หลุดออกมาไต่ตามเนื้อตามตัวลู่ฉี
“ข้ายอมแล้ว!”
ลู่ฉีเห็นแล้วสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง รู้สึกหนาวยะเยือกวูบหนึ่งตรงนั้นเลย กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อยู่กับที่ พยายามสลัดแมงป่องบนร่างกายออกไป
เขากลัวตัวหนอนและงูมากที่สุด ตอนเดินทางไปสำนักศึกษาครั้งที่แล้วเกือบพลาดพลั้งตกลงไปในหลุมงูพิษ จนถึงป่านนี้ยังไม่ลืมเลือนความกลัวที่ขนหัวลุกเช่นนั้นได้เลย
ตอนนี้เขาเกิดเงามืดฝังใจกับแมงป่องที่ไต่ยั้วเยี้ยบนร่างกายเข้าเสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแมงป่องสีดำม่วงคล้ายหยก เขาไม่เคยเห็นมาก่อน รู้สึกขนลุกซู่วูบหนึ่ง
ยิ่งสีสันสดใสมากเท่าไรก็ยิ่งมีพิษมากเท่านั้น!
เขาออกแรงเหยียบย่ำแมงป่องสีม่วงสองตัวจนตายคาเท้า ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บบั้นท้ายแปลบๆ ร้องโหยหวนทันที
ฟงอิ๋งอิ๋งยิ้มเผล่อย่างเย็นชา “สมน้ำหน้ายุ่งเรื่องชาวบ้าน จงถนอมชีวิตอีกครึ่งชั่วยามที่เหลือไว้ให้ดีเถอะ ตอนนี้เหล่าเทพเซียนก็ช่วยชีวิตเจ้าไม่ได้หรอก”
แมงป่องเป็นพิษร้ายอันดับหนึ่งจากพิษทั้งห้าชนิด นางคงเพาะสายพันธุ์นั้นเอง แค่ครึ่งชั่วยามก็ปลิดชีวิตสุนัขของอีกฝ่ายได้
โม่อ๋องจะจำเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้ รอองครักษ์เจ้าปัญหาคนนี้ตายไป ก็จะไม่มีใครล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ลู่ฉีทนความเจ็บปวดและบดขยี้แมงป่องตัวสุดท้ายจนตาย เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในตรอก
บางทีเสียงกรีดร้องเมื่อครู่อาจดึงดูดความสนใจของผู้คนบนท้องถนน เสียงฝีเท้าก็เริ่มทยอยเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ
“ท่านโม่อ๋อง!”
“องครักษ์ลู่...”
……
อวิ๋นหลิงกับสามีรีบรุดไปยังจวนอู๋อันกงโดยเร็วที่สุด ใช้เวลาประมาณสามสิบนาที
เซียวปี้เฉิงรีบก้าวเข้าไปทักทาย “อาจารย์ปู่ พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
ลู่ฉีหลั่งน้ำตาอุ่นๆ ออกมาสองสาย เอ่ยพูดอย่างสิ้นหวังและอ่อนแรง
“โปรดอภัยที่ลู่ฉีไร้ความสามารถ...เกรงว่าภายภาคหน้าจะไม่อาจอยู่ข้างกายพระองค์ได้...”
เซียวปี้เฉิงรีบปลอบใจเขา “พูดอะไรโง่ๆ อู๋อันกงกับหลิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่แล้ว ต่อให้เป็นพญายมก็พรากเอาชีวิตเจ้าไปไม่ได้!”
“พระองค์โปรดหยุดตรัสเถิด ตรัสเช่นนี้ทำให้กระหม่อมลำบากใจ...”
ลู่ฉีอยากจะสลบไป แต่มีหลายเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาต้องรักษาสติไว้บ้าง
หวนนึกถึงคำพูดของหญิงสาวคลุมหน้า เขารู้สึกสุดแสนสิ้นหวัง
ครึ่งชั่วยามคงจะผ่านไปแล้ว เทพเซียนต้าหลัวเสด็จมาเองก็ยากจะยื้อชีวิตเขาได้!
ลู่ฉีดวงตาแดงก่ำ ข่มความเจ็บจับมือของเซียวปี้เฉิงไว้แน่น น้ำตาคลอเบ้า
“ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว พระองค์ไม่ต้องปลอบใจลู่ฉี กระหม่อมทนได้ทุกอย่าง แต่ช่วงกำลังจะตาย ในใจยังมีห่วงอยู่ โปรดรับปากกระหม่อม ช่วยให้สมความปรารถนาด้วยเถิด”
“นี่จะพูดอะไรกันแน่...ได้ๆๆ ข้ารับปากเจ้าก็ได้”
เซียวปี้เฉิงฟังคำพูดเหลวไหลนี้แล้วสีหน้าดูจนใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นลู่ฉีพูดคล่องขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขารู้ว่าเด็กโง่คนนี้อาจจะยังไม่ได้สติเต็มที่ เห็นอีกฝ่ายจ้องมองอย่างเหม่อลอย เขาก็ได้แต่พูดปลอบใจเพียงไม่กี่คำ
“ท่านพ่อท่านแม่ของกระหม่อมจะมาถึงเมืองหลวงเดือนหน้า ลูกชายอกตัญญูอย่างกระหม่อมไม่เอาไหน พระองค์โปรดดูแลผู้เฒ่าสองคนเพื่อเห็นแก่บุญคุณความเป็นนายบ่าวเมื่อครั้งอดีต…”
“ชาตินี้กระหม่อมคงไม่มีวาสนาได้แต่งภรรยา ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดาย...เมื่อข้าถูกฝังลงดิน โปรดเผาภาพเหมือนน้องสาวคนงามสักสองสามภาพให้ข้าทุกเทศกาลเชงเม้งได้หรือไม่ กระหม่อมชอบสะโพกโหนกนูนอวบอึ่ม...ไม่ใช่กระดานซักผ้าแบนๆ อย่างตงชิง...”
ได้ยินเช่นนี้ ตงชิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าพลันเขียวคล้ำ ความกังวลร้อนใจแต่เดิมก็กลายเป็นการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที
ลู่ฉีไม่รู้ตัวเลย พูดไปตามจิตใต้สำนึก “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง พระองค์ต้องสัญญากับกระหม่อม ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นผีอยู่ในยมโลกกระหม่อมก็จะไม่สบายใจ”
“มีกล่องอยู่ในห้องลับใต้เตียงของกระหม่อม อย่าให้ใครเปิด โปรดเผาทิ้งให้ด้วย…อย่าให้ใครพบเห็นเป็นอันขาด…”
เขาจะถีบสองขาจนตายก็ไม่สลักสำคัญ แต่ความเป็นชายบริสุทธิ์จะต้องคงอยู่ในโลกนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...