พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 622

ในใจเซียวปี้เฉิงรู้สึกสงสัยใคร่รู้ เด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้ลับหลังคนอื่น

แต่เขายังคงตบไหล่ลู่ฉีเบาๆ กล่าวปลอบใจสองสามคำ “ผ่อนคลายหน่อย ข้ารับปากเจ้า”

ร่างกายของอีกฝ่ายตึงเกร็ง เป็นผลจากการฝังเข็ม

ลู่ฉีได้รับสัญญาแล้วก็ผ่อนคลายลง กลอกตาเป็นลมไปเพราะความเจ็บปวด

เซียวปี้เฉิงยืนขึ้นพูดกับอวิ๋นหลิง “พูดเพ้อเจ้อตั้งมากมายได้ในคราวเดียว ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรใหญ่โต”

“ตาแก่อย่างข้าเป็นหมอมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ถึงจะไม่เก่งเท่านางหนูหลิงที่ชุบชีวิตได้อย่างกับเซียน แต่เด็กคนนี้ถูกส่งตัวมาทันเวลา จะไม่ตายหรอก”

อู๋อันกงว่าพลางหยิบชามจากโต๊ะข้างๆ ในนั้นมีแมงป่องถูกเหยียบย่ำตายอยู่สองสามตัว

“เจ้าสาม นางหนูหลิง ดูสิ!”

อวิ๋นหลิงสีหน้าตกใจเล็กน้อย “นี่คือพิษที่ต่อยลู่ฉีอย่างนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว! พอเห็นบาดแผลของเจ้าเด็กนั่นแล้ว ข้าก็ให้สือจิ่วพาคนไปลาดตระเวนในตรอกรอบหนึ่ง แล้วพบเจ้าสิ่งนี้”

“แมงป่องชนิดนี้เรียกว่าแมงป่องหยกม่วง เป็นพิษเฉพาะถิ่นของเหมียวเจียง มีพิษร้ายแรงมาก เมื่อครั้งข้าไปเที่ยวแถบเหมียวเจียงสมัยหนุ่มๆ เห็นผู้คนทางเหนือกับทางใต้ใช้พิษมาสู้กัน คนที่ถูกกัดจะตายเพราะพิษในเวลาครึ่งก้านธูป!”

“พวกนี้เป็นเพียงแมงป่องตัวอ่อน ไม่มีพิษมากนัก ด้วยเหตุนี้เด็กอย่างลู่ฉีจึงโชคดี มีชีวิตรอดจนส่งมาถึงมือข้า”

นอกจากนี้ สมัยอู๋อันกงยังหนุ่มเคยศึกษาพิษแมงป่องชนิดนี้พอดี ดังนั้นจึงรู้วิธีรักษา

ตงชิงฟังแล้วรู้สึกหวาดหวั่นไปชั่วขณะ เด็กหัวทึบอย่างลู่ฉีก็เพิ่งเฉียดตายผ่านพญายมไปอย่างนั้นสินะ?

เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เริ่มจริงจัง ก้นบึ้งดวงตาวาบผ่านไอสังหาร

“เหมียวเจียง...เหมียวเจียงอีกแล้ว ก่อนหน้าก็เลี้ยงงูพิษเป็นหลุม ตอนนี้ปล่อยแมงป่องพิษมาต่อยคนอีก”

อวิ๋นหลิงเอ่ยเสียงขึงขัง “พวกเขาพุ่งเป้ามาที่ใคร หรือจะเป็นหยวนโม่”

ทั้งสองมองหน้ากันปราดหนึ่ง ฝากให้ตงชิงดูแลอาการของลู่ฉี จากนั้นจึงหมุนตัวไปยังอีกห้องหนึ่ง

จื่อเถากำลังดูอาการโม่อ๋อง ตรวจสอบตรงนี้ทีตรงโน้นทีอย่างไม่สบายใจ

“เถาเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”

โม่อ๋องสีหน้าอับจนหนทาง หลังจากเห็นอวิ๋นหลิงกับสามี เขาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว

“พี่สาม อาซ้อสาม!”

อวิ๋นหลิงก้าวเข้าไปในห้อง ถามเขาตรงประเด็น “หยวนโม่ ตอนนี้เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นในตรอกได้หรือไม่”

สีหน้าท่าทางของโม่อ๋องฉายแววสับสน มุ่นคิ้วแน่นพลางส่ายหน้า

“ข้าจำไม่ได้จริงๆ ข้าจำได้แค่ว่าจะไปรับเครื่องประดับของเถาเอ๋อร์ที่ร้านหลินหลาง ตอนเที่ยงไปใช้ห้องน้ำที่ตรอก พอฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในจวนอู๋อันกงแล้ว”

เขารู้แล้วว่าลู่ฉีได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี แต่ความทรงจำดูเหมือนจะขาดหายไปช่วงหนึ่ง เพียรพยายามนึกแค่ไหนก็จำไม่ได้

โม่อ๋องพยายามเค้นนึกอย่างหนัก “ข้าแค่รู้สึกรางๆ ว่าตัวเองเหมือนจะไปชนใครบางคนเข้า...แต่จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”

แปลกเหลือเกิน

เซียวปี้เฉิงสีหน้าตกใจเล็กน้อย ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “อีกฝ่ายเป็นคนเหมียวเจียง ข้าได้ยินมาว่าในหมู่พวกเขามีคนใช้วิชามอมเมาเป็น...”

อวิ๋นหลิงเอ่ยเสียงเข้ม “ลองถามหลงเย่กับเศรษฐีหนุ่ม พวกเขารู้สถานการณ์ที่นั่นดีที่สุด”

นางเพิ่งใช้พลังจิตสำรวจดูจึงรู้ว่าไม่มีหนอนพิษกู่อยู่ในร่างกายของโม่อ๋อง

เซียวปี้เฉิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“ขณะสบตานางโดยไม่ทันตั้งตัว ความคิดของข้าก็คล้ายจะหยุดกึก เสียงของนางก็เป็นเอกลักษณ์มาก ข้ารู้สึกเหมือนอดไม่ได้ที่จะทำตามที่นางพูด…”

โม่อ๋องยังคงจำดวงตาที่เต็มไปด้วยหมอกขุ่นมัวคู่นั้นได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ เห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่น้ำตาคลอเบ้าแทบจะรินไหล เขาก็รู้สึกราวกับเถาเอ๋อร์กำลังร่ำไห้ รู้สึกปวดใจอย่างอดมิได้

หลงเย่ใช้ความคิด “แค่พบหน้ากันครั้งเดียวก็สามารถทำเช่นนี้ได้ เท่าที่ข้ารู้ มีเพียงตระกูลฟงในหนานเจียงที่ทำได้ ตระกูลฟงอ้างว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายของเทพธิดาหนี่วา เดิมทีราชวงศ์ของเหมียวเจียง ชาวเหมียวเจียงไม่น้อยสามารถฝึกฝนวิชามอมเมาได้ แต่มีเพียงคนตระกูลฟงเท่านั้นที่รู้วิชายันต์ควบคุมวิญญาณแบบดั้งเดิมที่สุด!”

หลิงเฟยผู้ที่หลอกและควบคุมฮ้องเต้แคว้นถังใต้มานานกว่าสิบปี ศัตรูตัวฉกาจของนางก็คือลูกสาวตระกูลฟงที่ฝึกวิชายันต์ควบคุมวิญญาณผู้นี้

หลิงซูอดก้าวเข้าไปไม่ได้ “ท่านโม่อ๋องได้กลิ่นหอมจางๆ ก่อนจะเข้าใกล้อีกฝ่าย ไม่รู้สึกว่าหอมหวานหรือ”

เขาเกิดมามีประสาทรับกลิ่นที่ต่างจากคนทั่วไป รู้สึกไวเป็นพิเศษ ได้กลิ่นที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยบนร่างของโม่อ๋องแล้ว

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” โม่อ๋องดูประหลาดใจ

“เพราะข้าได้กลิ่นหอมของดอกลำโพงที่ติดตัวท่านอยู่”

หลิงซูยืนตัวตรง มองไปทางกงจื่อโยวทำท่าร้อนใจเหมือนมีอะไรจะพูด “ปลูกดอกลำโพง เลี้ยงแมงป่องหยกม่วง และรู้จักวิชายันต์ควบคุมวิญญาณ หญิงผู้นั้นคือ...ฟงอิ๋งอิ๋งใช่หรือไม่ ไล่ตามท่านไปจนถึงแคว้นซีโจวเลย?”

กงจื่อโยวได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าพลันเหยเก “เจ้าปากเสียเลิกพล่ามส่งเดชได้แล้ว!”

สิ้นเสียง เขาก็ปราดมองหลงเย่อย่างตกประหม่า

สีหน้าท่าทางของหลงเย่ยังคงเหมือนเดิม เสียงก็อ่อนโยนและนุ่มนวล “เศรษฐีหนุ่ม ท่านข่มขู่หลิงซูทำไม เขาพูดถูกนี่นา คนเดียวที่ตรงตามเงื่อนไขทั้งสามข้อนี้เลยก็คือน้องอิ๋งอิ๋งของท่าน”

น้ำเสียงของนางเป็นไปตามปกติ ทว่ากลับทำให้กงจื่อโยวรู้สึกกระสับกระส่าย ขนลุกซู่ไปทั้งแผ่นหลัง

อวิ๋นหลิงหรี่ตาลง เงี่ยหูฟังอย่างรวดเร็ว

หืม? ดูเหมือนจะเจอจุดไต้ตำตอเข้าเสียแล้ว?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ