พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 625

หลิงซูเหลือบมองกงจื่อโยวอย่างเห็นอกเห็นใจ

ภรรยาของเจ้าสำนักน้อยดูอ่อนโยนและละเอียดอ่อน แต่ใจดำกว่าฟงอิ๋งอิ๋งอยู่หลายส่วน

แต่ใครจะยอมให้เกิดขึ้นกับเขาเล่า

อวิ๋นหลิงทำหน้าจริงจัง พูดอย่างห่วงใย “ไยเจ้าไม่มาอยู่ในวังกับข้า เพื่อป้องกันไม่ให้นางคลุ้มคลั่งมาหาเจ้า”

แม้ว่าหลงเย่จะออกจากวังเดิมทีก็เพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู แต่นางก็ไม่นึกว่าจะมีคนรักกงจื่อโยวอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้

“วางใจได้ นางไม่ใช่คู่ปรับของข้า” หลงเย่หัวเราะเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้ข้ายังแปลกใจ ทั้งที่ย้ายเข้าไปอยู่ในจวนจินอ๋องแล้วแท้ๆ ทำไมพวกคนเหมียวเจียงยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย”

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าไม่ใช่เหมียวเจียงไม่อยากแก้แค้น แต่ไม่กล้าจะยั่วยุฟงอิ๋งอิ๋งง่ายๆ ก็ได้แต่ทำอุบายเล็กๆ น้อยๆ ลับหลังเท่านั้น

ดูเหมือนหลิงซูจะนึกถึงเหตุการณ์ตลกๆ ในอดีตได้จึงเล่าว่า “พระชายารัชทายาทอย่ากังวลไป หญิงชั่วร้ายคนนั้นไม่เคยเล่นงานเอาเปรียบองค์หญิงได้เลย ต่อให้นางกระเหี้ยนกระหือรือจะแก้แค้น ก็ทำได้เพียงลูกน้องของเจ้าสำนักน้อย”

ตอนฟงอิ๋งอิ๋งเห็นเขาทำท่าทางกรุ้มกริ่มกับหลงเย่ เข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นพวกหลงหยางชายรักชาย จึงไม่ค่อยพุ่งเป้าไปที่นางนัก แต่หลงเย่ก็แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายทุกครั้งไป

กงจื่อโยว “...”

เข้าใจแล้ว เขาเป็นแค่เศษสวะผู้สวยงาม

อวิ๋นหลิงคิดว่าบัดนี้พลังจิตของหลงเย่ฟื้นคืนแล้ว และพัฒนาขึ้นทุกวัน ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

สองสามีภรรยาพักค้างคืนที่จวนจินอ๋อง

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองถูกประกายสีทองปลุกให้ตื่นขึ้น

เมื่อคืนมืดสนิทจนไม่ได้สังเกต หลังรุ่งสาง อวิ๋นหลิงพบว่าการตกแต่งและลวดลายผนังจำนวนมากในห้องรับแขกของจวนจินอ๋องนั้นเคลือบทองทั้งหมด

ทันทีที่แสงตะวันสาดส่องจากภายนอกเข้ามา ในห้องก็สว่างไสวราวกับเปิดสปอตไลท์

อวิ๋นหลิงกลัวว่าจะแยงตาจนตาบอด ก็รู้สึกว่าไม่อยากได้เงินทองขึ้นมาเสียอย่างนั้น รีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

หลงเย่รีบทักทายพวกเขา “พวกเจ้าตื่นแล้วหรือ พ่อครัวเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว ยากนักจะได้มาเยี่ยมเยียน อย่าเพิ่งรีบไปว่าราชการช่วงเช้าเลย”

หลายคนนั่งอยู่ในห้องโถงด้านข้างที่ยังตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องเรือนชิ้นโปรดของกงจื่อโยว

ตะเกียบงาช้างสีขาวน้ำนม ชามมรกตสีเขียวสดใส โต๊ะแปดเซียนสีแดงเข้ม และที่นั่งสีทองอร่าม

เซียวปี้เฉิงกวาดตามองที่โต๊ะ อดกล่าวไม่ได้ว่า “พวกเจ้ากินเก่งจริงๆ”

กงจื่อโยวดูภาคภูมิใจ “แน่นอน ข้าเป็นนักชิมอาหาร ในจวนเตรียมพ่อครัวเป็นพิเศษถึงหกคน สี่คนเป็นพ่อครัวหลวงจากแคว้นต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่ อีกสองคนมาจากตะวันตกและญี่ปุ่น มาดูกันว่าพวกท่านจะชอบรสชาติแบบไหน”

ขนมปังปิ้ง ปลาร้า ข้าวปั้นสาหร่าย เสี่ยวหลงเปา ช็อกโกแลตร้อน นมถั่วเหลือง...

อาหารเช้าจัดวางเต็มโต๊ะ ตกแต่งหรูหรา ชวนให้คนเข้าใจผิดนึกว่าจัดโต๊ะจีนหลวงที่มีทั้งอาหารแมนจูและอาหารฮั่น

เซียวปี้เฉิงรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างผู้คนอย่างลึกซึ้ง เขาคิดว่าสิ่งที่ชาวโลกพูดนั้นถูกต้อง

การเป็นว่าที่ฮ่องเต้หรือขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะฮ่องเต้ ขณะที่พิชิตใต้หล้าได้ ก็จะมีบางสิ่งที่ไม่อาจหาได้เช่นกัน

แต่บางครั้งก็ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นเงินทอง...

พวกเขาขยับตะเกียบ แต่กงจื่อโยวกินเสี่ยวหลงเปาไปสองสามชิ้นแล้ว กินไปครึ่งชามก็เลิกกิน

“พวกท่านกินต่อไปเถอะ ข้าจะลดน้ำหนัก อีกไม่กี่เดือนข้าก็จะแต่งงาน จึงต้องควบคุมร่างกายให้ดี”

ร่างกายของหลงเย่อ่อนแอถึงเพียงนั้น ถ้าเขาอ้วนฉุเกินไป แล้วกดทับนางในคืนแต่งงานจะทำอย่างไร

เมื่อคืนนี้สองสามีภรรยาไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำเมื่อกลับถึงเมืองหลวง พอได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เกรงใจ จัดการอาหารเช้าเต็มโต๊ะราวกับลมสลาตัน

ทั้งสองคนพึมพำไม่รู้ว่าพูดอะไรกันอยู่ เมื่อตงชิงกลับมาที่ห้อง ลู่ฉีแทบรอไม่ไหวเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“เจ้าฟักเขียว อู๋อันกงพูดว่าอะไรนะ หากพักนี้ข้าเดินเหินไม่สะดวก เจ้าต้องช่วยข้าส่งของขวัญแต่งงานไปที่จวนโม่อ๋อง”

หญิงสาวที่ชมชอบแต่ก่อนกำลังจะแต่งงาน เขาก็ควรไปอวยพร ความรักข้างเดียวที่มาถึงทางตันก็เหมือนหมอกควันในอดีตที่พลิ้วลอยผ่านไปจะไม่มีวันหวนกลับ

ตงชิงรู้สึกอึดอัดใจ นึกถึงเรื่องที่ลู่ฉีว่านางเป็นกระดานซักผ้าแบนๆ ในวันนี้ เพลิงโทสะในใจก็พวยพุ่งออกมา

ทั้งได้ยินเขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘แม่นางจื่อเถา’ แต่เรียกตัวนางว่า ‘เจ้าฟักเขียว’ ไฟเกรี้ยวกราดนี้ก็ปะทุสูงขึ้นไปอีก

ตงชิงระงับความโกรธแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าอู๋อันกงบอกว่า เจ้ายังมีเวลาอยู่อีกสามเดือน ต้องทะนุถนอมวันเวลาที่เหลืออยู่ไว้ให้ดี!”

ลู่ฉีตกตะลึงทันที มองหลังคาด้วยความสิ้นหวัง ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีอะไรผิดปกติกับตงชิงไปครู่หนึ่ง

เขารู้ว่าเมื่อคืนนี้องค์รัชทายาทกับพระชายาตรัสเช่นนั้นก็เพื่อตั้งใจจะปลอบโยนเขา

คิดว่าตัวเองจะจากโลกนี้ไปในไม่ช้า ลู่ฉีรู้สึกเศร้าเสียใจเหลือแสน

หลังจากถูกหามกลับไปถึงตำหนักบูรพา เมื่อไม่มีใครอยู่ เขาก็จับมือของตงชิงทันที

“เจ้าทำอะไร!”

ดวงตาไร้แววของลู่ฉีทอประกายเจิดจ้า ทันใดนั้นก็แน่นแน่ “เจ้าฟักเขียว เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่”

“อะ อะไรนะ” ตงชิงตกใจสะดุ้งโหยง

“ท่านพ่อท่านแม่ข้ากำลังจะมาเดือนหน้า ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าอยากให้ท่านแม่มีความสุข ทำให้ท่านทั้งสองสมปรารถนา”

“เจ้าอย่ากลัวไปเลย ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เจ้าแค่แต่งงานปลอมๆ กับข้า เป็นคู่รักจอมปลอมสักระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากข้าตายไป จะแบ่งมรดกบางส่วนให้เจ้าเพื่อตอบแทนน้ำใจนี้...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ