ชีวิตผ่านไปอย่างสงบสุขหลายวัน
งานวันพิธีมงคลสมรสระหว่างโม่อ๋องกับจื่อเถา ถนนจูเชี่ยประดับประดาไปด้วยของตกแต่งสีแดง ขบวนส่งเจ้าสาวเป่าปี่ตีกลองยาวเหยียบสุดลูกหูลูกตา
คู่นี้เจออุปสรรคนานัปการ ผ่านบททดสอบเสี่ยงตายกับความเคี่ยวเข็ญของเหลียงเฟย สุดท้ายก็ได้ครองคู่กัน
อวิ๋นหลิงตามขบวนเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูจวนโม่อ๋อง ก็ได้เจอกับสตรีที่ไม่ได้เจอกันนาน
“อาชิ่น!” อวิ๋นหลิงรีบเดินเข้าไปหาแล้วกุมมือเสิ่นชิ่น”ไม่เจอกันนาน ช่วงนี้สบายดีไหม?”
เสิ่นชิ่นสวมอาภรณ์ฤดูใบไม้ผิลสีเขียวอ่อน ใช้ปิ่นปักผมไม้ที่แสนจะธรรมดา ใบหน้ายังคงมีความหนักแน่นเหมือนวันวาน
นางยิ้มแล้วตบมืออวิ๋นหลิง “ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ปกติก็ช่วยเถ้าแก่ดูแลร้านหนังสือ และปลูกดอกไม้ต้นหญ้าเพื่อฆ่าเวลากับชุนหยา”
อวิ๋นหลิงควงแขนนาง “เดี๋ยวจะเริ่มพิธีสมรสของหยวนโม่แล้ว ไยยังยืนหน้าประตูอีก?”
เสิ่นชิ่นกลับยิ้มส่ายหน้า “ข้าไม่เข้าไปแล้ว ข้าเป็นผู้มีความผิดติดตัว เข้าไปก็เสียบรรยากาศมงคลหมด ยิ่งช่วงนี้จั๋วเอ๋อร์เป็นหวัด ข้าต้องกลับไปช่วยท่านป้าเฉียวเลี้ยงเด็ก รบกวนเจ้าช่วยข้าอวยพรพวกเขาหน่อยนะ”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า เสิ่นชิ่นเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อนางบอกว่าไม่เข้าไป จึงไม่ได้ฝืนใจ
อวิ๋นหลิงมองเสิ่นชิ่นเดินกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ
หลังจากจวนเสียนอ๋องโดนรื้อ เสิ่นชิ่นกับสาวใช้ที่ชื่อชุนหยาพักอยู่ในเรือนหลังเล็ก ๆ แห่งนี้ และไปทำงานรับจ้างในร้านหนังสือ
ระหว่างก่อตั้งสำนักศึกษาชิงอี้ อวิ๋นหลิงหาเวลาไปหาเสิ่นชิ่น แล้วชวนให้มาทำงานในสำนักศึกษา
เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ที่นางเชื่อใจ ทั้งยังฉลาดหลักแหลม มอบอำนาจให้อีกฝ่ายดูแลสำนักศึกษาได้อย่างสบายใจ
ทว่าเสิ่นชิ่นกลับปฏิเสธคำชักชวนของอวิ๋นหลิงว่าต้องดูแลท่านป้าเฉียวกับจั๋วเอ๋อร์
ท่านป้าเฉียวเป็นมารดาของข้ารับใช้ที่ชื่อเฉียวเย่ ส่วนมารดาของจั๋วเอ๋อร์อำลาจากโลกไปแล้ว
เซียวปี้เฉิงเคยบอกว่าปีนี้บุตรชายของเฉียวเย่อายุสี่ขวบแล้ว เป็นเด็กพิการมีหกนิ้ว
ตระกูลเฉียวมีเฉียวเย่เป็นเสาหลัก จึงไม่ขาดแคลนเงินทองสำหรับใช้สอย ทว่าเพระจั๋วเอ๋อร์เป็นเด็กพิการ จึงโดนผู้อื่นมองด้วยสายตาแปลกๆอย่างเลี่ยงไม่ได้
เซียวปี้เฉิงย้ายจากจวนจิ้งอ๋องไปยังตำหนักบูรพาแล้วก็มองเงินก้อนให้กับผู้ที่ทำงานกับเขามานาน เมื่อเฉียวเย่ได้รับเงินก็รวมกับเงินเก็บแล้วซื้อจวนใหม่ให้ครอบครัว ซึ่งอยู่ตรงข้ามเรือนหลังเล็กของเสิ่นชิ่นพอดี
หลังจากทั้งสองจวนทำความรู้จักกันก็เริ่มสนิทชิดเชื้อ จั๋วเอ๋อร์ไม่มีมารดา และเสิ่นชิ่นก็ได้เจอนั๋วเอ๋อร์เดือนละครั้งเท่านั้น จึงมอบความรักให้กับจั๋วเอ๋อร์อย่างเต็มที่
เซียวปี้เฉิงเห็นอวิ๋นหลิงยืนนิ่งหน้าประตูแบบไม่ขยับตัว จึงเดินเข้าไปแล้วเอาจัดแจงเสื้อของนาง
“พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว ทำไมยังยืนเหม่อลอยแถวนี้? ถึงแม้ยังไม่ถึงเดือนสิบ แต่ช่วงนี้ตอนกลางคืนจะหนาว ต้องใส่เสื้อกันหนาว”
อวิ๋นหลิงถอนหายใจยาว ๆ “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดว่าเมื่อไหร่จะสร้างโรงเรียนอนุบาลเสร็จ?”
“เหตุใดถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มิใช่อยู่ในแผนการสามปีข้างหน้าหรอกหรือ?” เซียวปี้เฉิงจับเส้นผมที่โดนกระแสลมพัดจนยุ่งเหยิงไปด้านหลังหู
“ถูกต้อง แต่สำนักศึกษาชิงอี้ดำเนินได้อย่างราบรื่น ดังนั้นข้าจึงอยากให้แล้วเสร็จก่อนเดือนเก้าของปีหน้า”
อวิ๋นหลิงทอดสายตามองไกลออกมา พร้อมกับเล่าเรื่องที่เจอเสิ่นชิ่นให้เขาฟัง
“เวลาข้าเจอหน้าอาชิ่นทีไร ข้าก็รู้สึกเสียใจแทนนางเหลือเกิน”
“ปีหน้านั๋วเอ๋อร์ก็อายุครบสามขวบแล้ว ถ้าพวกเราสร้างโรงเรียนอนุบาลเสร็จ อาชิ่นก็จะได้เจอหน้านั๋วเอ๋อร์ แล้วจั๋วเอ๋อร์ก็ได้ไปเรียนด้วย”
เซียวปี้เฉิงเผยความอ่อนโยนบนใบหน้า กุมมืออวิ๋นหลิงไว้แล้วเอ่ย “ได้ เจ้าอยากสร้างเสร็จปีหน้าก็ปีหน้า ข้าจะเสนอเรื่องนี้ ต้องทำได้แน่”
เมื่อนางอยากทำ งั้นเขาเหนื่อยเพิ่มอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร
อวิ๋นหลิงซาบซึ้งใจ จากนั้นก็หอมแก้มเขา
“ดีจัง”
นางกำลังคิดหาหนทางก้าวต่อไป ลูกน้องก็รายงานว่าเจอเบาะแสของเสียนอ๋องที่โดนปลดออกจากยศแล้ว
บุรุษผู้นี้มีความทะเยอทะยาน เฟิงอิ๋งอิ๋งเชื่อว่าหากชักจูงเขามาร่วมมือกับชาวเหมียวเจียงได้ ก็จะปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น
เพียงแต่เสียนอ๋องเป็นคนที่ฟังอะไรไม่เข้าหู เมื่อครู่นางหว่านล้อมอยู่นาน ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน
เสียนอ๋องนั่งบนเก้าอี้ มองทิศทางที่เสิ่นชิ่นจากไป ไม่เคยมองเฟิงอิ๋งอิ๋งดีๆสักครั้ง
“ข้าไม่มียศเป็นอ๋องแล้ว เจ้ามาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าก็ไร้ประโยชน์”
เฟิงอิ๋งอิ๋งเดินอ้อมไปยืนด้านหน้าเสียนอ๋องแล้วสบตาเขาด้วยรอยยิ้ม
“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร ท่านอ๋องไม่อยากกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งหรือ? เอาของที่สมควรเป็นของตนกลับคืนมา พวกเราชาวเหมียวมากความสามารถ เก่งทั้งด้านพิษกู๋และวิชาสะกดจิต สามารถช่วยให้ท่านช่วงชิงบัลลังก์ได้”
นางมองสำรวจเสียนอ๋องแล้วใช้วิชาควบคุมจิตวิญญาณเขาเงียบ ๆ
ทว่ากลับเห็นแววตาเสียนอ๋องมีแต่ความเย็นชา “อย่าเอาลูกไม้ตื้นๆของชาวเหมียวมาใช้กับข้า”
เขาคลุกคลีกับชาวทูเจวียหลายปี ย่อมรู้ข้อมูลของชาวเหมียวเจียงด้วย เพราะฮูหยินเหลียนติดต่อทางนี้อย่างใกล้ชิด
เฟิงอิ๋งอิ๋งท้อแท้ใจ วิชาสะกดจิตไม่มีผลใด ๆ ต่อเขา
เสียนอ๋องสมเป็นที่เป็นเจ้าจิ้งจอกที่แสร้งโง่มาหลายปีจริง ๆ สภาพจิตใจเข้มแข็งจนไม่อาจดูถูกได้
“ท่านเสียนอ๋องเก่งกาจจริงแท้” เฟิงอิ๋งอิ๋งแย้มยิ้ม เปลี่ยนมาเกลี้ยกล่อมแทน “ถึงไม่อยากนั่งเก้าอี้มังกร แต่พระชายาเสียนอ๋องเล่า? ท่านไม่อยากให้กลับมาอยู่ข้างกายหรือ?”
สิ้นเสียงก็เห็นแววตาเสียนอ๋องเข้มขรึมขึ้นมา ก่อนจะมองนางด้วยแววตาเย็นยะเยือก
“อย่าคิดดึงนางมาอยู่ในแผน หาไม่แล้วก็อย่าหวังมีชีวิตออกจากเมืองหลวงเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...