อวิ๋นหลิงเห็นสีหน้าของเสิ่นชิ่น
ถึงแม้น้ำเสียงเสิ่นชิ่นจะเย็นชา ทว่าตอนที่พูดมือกำแนบแน่น นัยน์ตาเผยความเจ็บปวด
ไม่ว่าจะความผูกพันระหว่างสามีภรรยา หรือความเจ็บปวดของการโดนหลอก โดนทรยศ ล้วนเป็นรอยแผลที่ไมอาจสลัดทิ้งทิ้งได้
อวิ๋นหลิงจึงต้องเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เอาเรื่องนั๋วเอ๋อร์มาเบี่ยงเบนความสนใจของเสิ่นชิ่น
สองสามีภรรยานั่งในเรือนหลังเล็กครึ่งวัน เมื่อเห็นว่าตะวันใกล้ลับขอบฟ้า จึงปฏิเสธคำชวนกินข้าวเย็นของเสิ่นชิ่นอย่างถนอมน้ำใจ และเดินทางกลับพระราชวัง
รถม้าหรูหราเคลื่อนขบวนบนท้องอย่างมั่นคง เสียงกีบเท้าม้าดังกึก ๆ
อวิ๋นหลิงแหวกม่านดูทิวทัศน์ด้านนอก ก่อนจะอุทานว่า “ช่างต้าโจวทำงานเร็วมาก เพิ่งจะผ่านมาครึ่งเดือน แต่ซ่อมถนนจูเชี่ยและถนนสายอื่นๆได้กว่าครึ่งแล้ว”
เซียวปี้เฉิงส่งยิ้มให้นาง “ถนนใหญ่ที่เหลือสองสายก็คาดว่าจะซ่อมเสร็จภายในสิ้นเดือน”
กรมโยธากำลังซ่อมบำรุงถนนอย่างหนัก พยายามทำงานให้ได้มากๆก่อนฤดูหนาวจะมาเยือน เพราะตอนนั้นจะมีหิมะโปรยปราย ไม่เอื้ออำนวยต่อการซ่อมแซมถนนหนทาง
เขาทำตามคำแนะนำของพวกพี่น้องอวิ๋นหลิง สั่งให้คนงานทาสีขาวแถบใหญ่บนถนนเพื่อแบ่งซีกหนึ่งเป็นทางไป อีกซีกหนึ่งเป็นทางกลับ
ส่วนริมถนนทางสองทางนอกจากจะเป็นทางเท้าแล้ว ยังมีพื้นที่ว่างให้ประชาชนนำสินค้าไปวางขายด้วย ยามนี้ดูแลเป็นระเบียบเรียบร้อย สบายตายิ่ง
ชวนให้อวิ๋นหลิงรู้สึกได้กลับไปอยู่ในโลกอนาคต ตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่ได้ทำทางม้าลายกับติดตั้งสัญญาณไฟจราจรแล้ว
นางปล่อยม่านลงแล้วพิงไหล่เซียวปี้เฉิง ก่อนจะหลับตาพริ้ม
ไม่นานด้านนอกก็มีเสียงม้าคำรามดังก้องกะทันหัน รถม้าโคลงเคลงสองสามทีถึงจะหยุดนิ่ง
เซียวปี้เฉิงแหวกม่านออกแล้วขมวดคิ้วมุ่น “เกิดอะไรขึ้น?”
ทหารที่ทำหน้าที่เป็นสารถีกล่าว “ทูลรัชทายาท เมื่อครู่หน้าประตูร้านอาหารเทพเซียนมีคนทะเลาะวิวาทกัน ลูกค้าตกใจวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น รถม้าของพวกเราเกือบไปชนประชาชนที่เดินผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นหลิงได้ยินประโยคนี้ก็ชะเง้อไปดูเหตุการณ์
ก่อนจะเห็นประชาชนมุงดูจริง และยังมีเด็กหญิงตกใจจนสะดุดล้ม นั่งร้องไห้ฟูมฟายบนพื้น
พวกเขาสองสามีภรรยาเห็นแล้วก็รีบลงจากรถม้า เซียวปี้เฉิงเอ่ย “ถนนด้านหน้าไปไม่ได้แล้ว ข้าลงไปดูก่อน”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า เห็นข้างถนนมีร้านขายถังหูลู่ จึงซื้อรสชาติต่างๆมาสามไม้ แล้วเดินไปหาเด็กผู้หญิงที่อายุประมาณสี่ห้าขวบไป
ทว่ากลับเห็นมีชายหนุ่มเสื้อสีเทามาพยุงเด็กผู้หญิงขึ้นแล้ว
“เด็กนอย ล้มเจ็บไหม? พี่เอาถังหูลู่ให้เป็นการขอโทษ” อวิ๋นหลิงยื่นถังหูลู่ไป เด็กหญิงหยุดร้องทันควัน
อวิ๋นหลิงถึงสังเกตพบว่าชายเสื้อสีเทาแต่งกายแปลก ๆ
อีกฝ่ายใส่เสื้อไต้ซือ ทว่ากลับมีเส้นผมยาวดกดำที่รวบเป็นหางม้า
บนคอห้อยลูกประคำขนาดพอดี บนคาดเอวด้วยแส้หางม้า
นางเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายก็ต้องอึ้ง
ทุกอิริยาบถของไต้ซือน่ายำเกรง ท่าทางสง่าผ่าเผย ราวกับเทพเซียนไม่มีผิดเพี้ยน
หว่างคิ้วของเขามีไฝสีแดงชาด ชวนให้รู้สึกว่าเจอผู้โดดเด่นเหนือผู้อื่น
“ท่าน...ท่านคือใคร?”
อวิ๋นหลิงรู้สึกอีกฝ่ายอ่อนโยน รู้สึกถูกชะตาและอยากพึ่งพา จึงเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว
ไต้ซือเสื้อสีเทาส่งยิ้มอ่อนโยนให้นาง ไฝหว่างคิ้วสดใสดุจบุปผา
ด้านในห้องโถงชั้นหนึ่ง ใบหน้าจางอวี้ซูบวมเป่ง ด้านข้างยังมีข้ารับใช้ที่บาดเจ็บสองคนด้วย
เขาจ้องหลี่เมิ่งชูด้วยสายตาโหดเหี้ยม ความเกลียดชังในนัยน์ตาเด่นชัด
“มิน่าล่ะเจ้าถึงแอบไปสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ ทั้งยังยืนกรานจะถอนหมั้น ที่แท้ก็เพื่อลูกอนุภรรยาที่ไม่มีหน้ามีตา”
มุมตรงข้ามเขา เฟิงอู๋จียืนพิงเสา หางคิ้วมีเลือดซึมออกมา หลี่เมิ่งชูกำลังเอาผ้าเช็ดแผลของเขาด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจ
นางได้ยินประโยคนี้ก็มองจางอวี้ซูด้วยความโมโห ทั้งยังตวาดใส่อีกฝ่ายว่า “อย่ามาพูดมั่วๆ อย่าเอาความคิดโสมมของเจ้ามาตัดสินคนบริสุทธิ์”
จางอวี้ซูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนบริสุทธิ์? ชายกับหญิงนัดเจอในร้านอาหารสองต่อสอง ทั้งยังมอบของให้กันและกัน บอกใครใครจะเชื่อ”
เฟิงอู๋จีมองเขาด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “เจ้าไม่ชอบหน้าข้าก็มาลงที่ข้า ไยต้องทำลายชื่อเสียงของสตรีด้วย หาได้ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกไม่”
วันนี้เป็นวันหยุด บัณฑิตของสำนักศึกษาชิงอี้กลับบ้านที่เมืองหลวงไม่น้อย เขาก็คิดจะกลับมาอยู่กับบิดา และถือโอกาสซื้อของใช้จำเป็น
ถึงแม้สำนักศึกษาชิงอี้จะมีตลอดเล็กๆ ทว่าในเมืองหลวงมีของครบครัน แล้วร้านหนังสือก็ยังมีสินค้าใหม่ที่อวิ๋นหลิงวางขาย ตอนที่เฟิงอู๋จีมาจ่ายตลาดบังเอิญเจอหลี่เมิ่งชูพอดี
พวกเขาสองคนเจอกันก็ย่อมต้องชวนกันไปซื้อของด้วยกัน และถือโอกาสกินข้าวเย็นด้วยกัน
หลี่เมิ่งชูชอบของที่มีลายดอกไม้ เฟิงอู๋จีเห็นว่านางมีบุญคุณต่อตน จึงมอบของให้นาง
หลี่เมิ่งชูไม่อยากรับมาฟรีๆ จึงเอาของตัวเองแลกกับเขา ทว่าจางอวี้ซูที่เดินตะลอนไปทั่วมาเห็นเข้า
เขารู้ว่าหลี่เมิ่งชูเคยเขียนจดหมายเพื่อช่วยอีกฝ่าย จึงบันดาลโทสะ เกิดปากเสียงกัน
เฟิงอู๋จีทนฟังเขาปรักปรำหลี่เมิ่งชูไม่ได้ จึงลงไม้ลงมือ
จางอวี้ซูได้ยินประโยคนี้ก็หัวเราะเยาะ “เหอะ ตอนนี้เปลี่ยนมาเรียกแม่นางหลี่แล้วเหรอ? เมื่อครู่เห็นเรียกสนิทปากว่าเมิ่งซู ไม่ใช่สนิทชิดเชื้อมากหรอกหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...