พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 633

ดวงตาคู่งามมองรอบ ๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงไม้ปัดฝุ่นตรงร้านแผงลอยริมถนน

อวิ๋นหลิงเลือกอันที่เห็นว่าแข็งแรงที่สุดมา จากนั้นก็ฟาดใส่จางอวี้ซูสุดแรงเหวี่ยง ฟาดไปด้วย ด่าสั่งสอนไปด้วย

“ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่นักใช่ไหม ชอบระรานไปทั่ว ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นดีนัก”

“สามหาวถึงขั้นทำชั่วต่อหน้าคนอื่น กล้าหาเรื่องคนของสำนักศึกษาชิงอี้รึ?”

“ใครอนุญาตให้เจ้าทำลายข้าวของในร้านอาหาร เจ้าคิดว่าเป็นถ้วยสุนัขบ้านของเจ้าหรือ? รู้ความลำบากของชาวนาไหม ข้าวแต่ละเม็ดต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ เจ้าคงกินดีจนเลี่ยนสิท่า จึงอยากไปกินข้าวแดงในคุก”

“เสียแรงที่เป็นถึงหลานชายสายหลักของอาลักษณ์พิธีการ ไยตระกูลสูงศักดิ์ถึงเลี้ยงเจ้าเป็นคนแบบนี้ได้ คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเจ้าเป็นโจรภูเขาได้”

“อาลักษณ์กรมพิธีการสั่งสอนลูกหลานไม่เป็น วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ”

ไม้ปัดฝุ่นฟาดใส่ตัวจางอวี้ซูแบบไม่ยั้ง เขาร้องคร่ำครวญไม่หยุด เอามือบังหัว

ประชาชนเกลียดแค้นคุณชายจองหองมานาน จึงพากันยืนล้อมประตูร้านอาหารอย่างมิดชิด ไม่เหลือช่องให้จางอวี้ซูวิ่งหนี

มีปวงชนแสดงความเห็นด้วย

“พระชายาสั่งสอนได้ดีพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้ทำตัวอันธพาลเป็นประจำ สมควรโดนสั่งสอนตั้งนานแล้ว”

“ถูกต้อง ปกติใช้อำนาจที่ปู่ตัวเองเป็นอาลักษณ์กรมพิธีการ แล้วยังประจบประแจงตระกูลหลี่ จับกลุ่มเป็นเพื่อนกัน จึงได้โอหังปานนี้”

“ใช่แล้ว ไอ้นี่กล้าทำร้ายร่างกายรุ่ยอ๋องที่ห้องสมุดเมืองหลวงด้วย ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา”

ปวงชนชี้หน้าวิจารณ์ไม่เลิก ล้วนเกลียดแค้นจางอวี้ซูมานานแล้ว

ในเมืองหลวงมีคุณชายเสเพลที่เที่ยวรังแกคนอ่อนแอไปทั่วมากมาย ทว่าจางอวี้ซูกลับจัดอยู่ในพวกจองหองเหนือใครๆ

ถึงแม้เขาจะไม่ได้หน้าเนื้อใจเสืออย่างเฟิงจิ่นเฉิง ทำชั่วลับหลังสารพัด ชวนให้ผู้อื่นเกรี้ยวกราด

ทว่าด้วยนิสัยยโสโอหังของเขา ย่อมเป็นที่เกลียดชังอันดับหนึ่งอยู่แล้ว

ปกติประชาชนแม้จะไม่ชอบใจกับพฤติกรรมพวกนี้ทว่าก็ได้แต่ดู ไม่กล้าตำหนิ บัดนี้เห็นรัชทายาทกับพระชายาสั่งสอนเองกับมือ ปวงชนจึงเริ่มระบายความแค้นเคืองออกมา

ด้านในร้านอาหาร เซียวปี้เฉิงรีบสอบถามอาการของเฟิงอู๋จีเป็นอันดับแรก

“เป็นอะไรไหม?”

เฟิงอู๋จีจัดแจงเสื้อผ้าอันยุ่งเหยิง ส่ายหน้ากล่าว “ขอบพระทัยรัชทายาทที่เป็นห่วง ลูกศิษย์แค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวปี้เฉิงรู้ว่าแผลของเขาแค่ดูแล้วน่ากลัว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงก็โล่งอก

สมองเป็นส่วนสำคัญ ถ้าจางอวี้ซูทำร้ายคนของเขาจนสมองมีปัญหา เขาก็จะเล่นงานอีกฝ่ายให้เป็นด้วยเช่นกัน

ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยเพื่อสอบถามต้นเหตุ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอกประตูร้านอาหาร

พวกเขาสามคนมองออกไปก็เห็นขนไม้ปัดฝุ่นลอยฟุ้งกลางอากาศ ไม้ปัดฝุ่นในมืออวิ๋นหลิงทุบตีอีกฝ่ายจนขนหายหมดเกลี้ยง

จางอวี้ซูร้องโอดครวญไม่หยุด นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ปวงชนมุงดูอย่างสะใจ

“พระชายาอย่าตีอีกเลย...อ๊าก กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว...อ๊าก”

“โปรดออมมือด้วย โปรดให้อภัยด้วย อ๊าก”

จางอวี้ซูหายเมาทันที ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลแล้วขอร้องอวิ๋นหลิง ข้ารับใช้ทั้งสองคนของเขานั่งตัวสั่นอีกมุมหนึ่ง ไม่กล้าหายใจเสียงดัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปช่วยเจ้านาย

“พระชายาอย่าเชื่อเขา ถ้าเขาปรับปรุงตัวได้จริง ข้าจะกินอุจจาระให้ดู”

“พระชายาตีต่อไปอย่าหยุดพ่ะย่ะค่ะ ไอ้นี่ทำชั่วมานักต่อนัก เมื่อก่อนพี่ชายข้าทำงานในโรงน้ำชา เขาไม่พอใจที่พี่ชายข้าชงน้ำชาร้อนเกิน จึงสาดน้ำร้อนใส่หน้าพี่ชายข้า พี่ชายข้าต้องหน้าบวมอยู่นาน ตอนนี้ยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย”

“เขามาด่าพวกเราก่อน ข้ากับเมิ่งชูไม่อยากสนใจเขา เตรียมจะเปลี่ยนร้านอาหาร แต่เขากลับไล่ตามหลังมา แล้วเอาไหสุราทุบหัวข้า ทั้งยังปรักปรำเมิ่งชูอีก ลูกศิษย์ทนดูต่อไปไม่ได้ จึงลงมือกับเขา...”

เฟิงอู๋จีตอบตามความเป็นจริง สีหน้าเผยความรู้สึกผิด ยอมรับความผิดแต่โดยดี

“ลูกศิษย์ทำให้พระชายาผิดหวังแล้ว โปรดลงโทษด้วย”

“อยู่ดีๆไยข้าต้องลงโทษเจ้า?”

เฟิงอู๋จีชะงักงัน มองเสื้อสำนักศึกษาที่ขาดลุ่ย “กฎของสำนักศึกษากำหนดว่า บัณฑิตสำนักศึกษาชิงอี้ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดี คิดก่อนทำ ห้ามชกต่อยหรือทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น”

ทว่าวันนี้เขากลับใส่เสื้อสำนักศึกษา ใช้สถานะบัณฑิตสำนักศึกษาชิงอี้ชกต่อยกับคนอื่น ถือเป็นการแหกกฎสำนักศึกษา

อวิ๋นหลิงได้ยินก็ตำหนิอีกฝ่าย “ข้าตั้งกฎนี้เพื่อใช้ในสำนักศึกษา ไม่อยากให้มีการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมเรียน แต่กับคนแบบนี้ไยเจ้าต้องรู้สึกผิดด้วย?”

“ต่อไปเจอคนประเภทนี้ก็สู้ให้ถึงที่สุด กระทบคนชั่วๆเต็มที่ แล้วข้าจะให้ศาลต้าหลี่มองธงผู้กล้าให้พวกเจ้า”

“จำไว้ บัณฑิตสำนักศึกษาชิงอี้จะโดนผู้อื่นรังแกด้านนอกไม่ได้ หาไม่แล้วจะทำลายภาพลักษณ์ของสำนักศึกษาอย่างแท้จริง คนอื่นจะคิดว่าพวกเรารังแกง่าย”

“เจ้านี่เสียแรงที่มีหน้าตาดุเป็นอาวุธ” อวิ๋นหลิงว่าแล้วก็จิ้มหัวของเขา

เด็กคนนี้หน้าตาดุเป็นอาวุธ ควรเป็นอันธพาลประจำสำนักศึกษาถึงจะถูก แต่เหตุใดจึงโดนรังแกเป็นประจำ?

แม้นางกำลังโกรธขึ้ง ทว่าน้ำเสียงตำหนิเจือความห่วงใย เฟิงอู๋จีรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มารดาเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก เป็นครั้งแรกที่มีคนห่วงใยแบบนี้

เฟิงอู๋จีมองอวิ๋นหลิงหันไปหาผ้าพันแผล ก็เอามือบังหน้าแล้วแย้มยิ้ม

เขาคิดว่าชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืมว่า วันนี้พระชายาบันดาลโทสะครั้งใหญ่เพื่อเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ