พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 635

เมืองหลวงมีความคึกคักสักระยะหนึ่ง

ข่าวเรื่องจางอวี้ซูโดนกระทืบแพร่กระฉ่อนไปทั่ว พวกประชาชนที่รู้ว่าราชสำนักจะรับเรื่องร้องเรียกก็พากันไปแจ้ง ธรณีประตูเกือบจะพังมิพังแหล่

ศาลต้าหลี่ใช้คนในการสอบสวนคดีของจางอวี้ซูทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลาติดต่อกันหลายวันถึงจะปิดคดีได้

เขาไม่ได้ก่อคดีใหญ่หลวงแบบฆ่ารังฟันแทง ทว่าเรื่องความอันธพาลพูดสามวันสามคืนก็ไม่หมด

อาทิเช่น ถ้าแทรกแถวตอนซื้อของแล้วโดนเจ้าของร้านตำหนิก็จะพังข้าวของ เวลาอารมณ์เสียก็จะมาระบายใส่เสี่ยวเอ้อร์ในโรงสุรา โดยการให้เสี่ยวเอ้อร์เลียนแบบเสียงสุนัข และสร้างข่าวลือเสียๆหายๆให้กับชายที่หล่อกว่า หรือไปเที่ยวหอคณิกาแล้วไม่จ่ายเงินเป็นต้น

หากร้ายแรงหน่อยก็เห็นจะมีตอนหลังเมาแอ๋แล้วปะทะกับคุณชายจวนอื่น ทำให้สิ่งของในร้านค้าเสียหาย และยังทุบตีคนอื่นจนฟันหักอีกด้วย

คดีพวกนี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มากสุดก็แค่จ่ายค่าทำขวัญ

เมื่อสะสมทุกคนดีก็ต้องกินข้าวแดงในคุกเป็นเวลาเกือบสามเดือน ส่วนเงินชดใช้สูงถึงสามหมื่นเก้าพันกว่าตำลึง

เมื่อศาลต้าหลี่รายงานผลการสรุปคดีในท้องพระโรง อาลักษณ์กรมพิธีก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ใบหน้าอันเหี่ยวย่นซีดเผือด

“กระหม่อมสั่งสอนไม่ดี ผิดต่อฝ่าบาท...”

เขาตะโกนพูดด้วยความเจ็บปวด ครั้งนี้ไม่ทันวิ่งไปชนเสา แค่เริ่มพูดไม่กี่พยางค์ก็ตาเหลือกตาพองหมดสติไป

จักรพรรดิจาวเหรินหน้าบึ้งตึง โบกมือเอ่ย “หามออกไป ถ้าร่างราชโองการสั่งลงโทษเสร็จก็ส่งไปให้อาลักษณ์จางที่จวน”

เขาตื่นตระหนกและเกรี้ยวกราดยิ่ง เป็นถึงหลานชายอาลักษณ์กรมพิธี แต่กลับทำเรื่องงามหน้าพวกนี้

เขาเคยได้ยินชื่อจางอวี้ซูมาก่อน อีกฝ่ายเคยรังแกรุ่ยอ๋อง บอกว่าเป็นคนยโสโอหัง

ยามนี้มีคนซ้ำเติมรุ่ยอ๋องกันเยอะ จางอวี้ซูคือหนึ่งในนั้น จักรพรรดิจาวเหรินแค้นอยู่ในใจ ทว่าไม่ได้สนใจมากนัก

ในความทรงจำ อาลักษณ์กรมพิธีเป็นคนยึดมั่นในจารีตประเพณี ปากพูดแต่คุณธรรมไม่หยุด

ถึงแม้เขาจะฟังจนรำคาญหู ทว่าก็ไม่ได้มีอคติต่อตระกูลจาง ไม่คิดว่าจะเหมือนพวกเสนาบดีเฟิงกับเสนาบดีหลี่

คำว่า เสนาบดีเฟิงกับเสนาบดีมีความหมายเปรียบเปรยในแคว้นต้าโจวว่าเป็น คุณชายคุณหนูที่ยโสโอหัง ชอบใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่น

จักรพรรดิจาวเหรินนั่งเก้าอี้บัลลังก์มานาน ลืมวิถีชีวิตที่ชาวบ้านต้องพบเจอหมดแล้ว ความเข้าใจต่าง ๆ ยังคงหยุดอยู่ที่เหตุการณ์สิบกว่าปีก่อน

ตอนเป็นรัชทายาทกับตอนขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ เขาก็ออกไปสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นประจำ แต่พออายุเยอะขึ้น ร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวย จึงไม่ค่อยได้ออกไป

หากเรื่องของจางอวี้ซูไม่เอิกเกริก เขาก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำชั่วถึงเพียงนี้

จักรพรรดิจาวเหรินคิดในใจ ตอนนี้เจ้าสามกับภรรยาช่วยดูแลงานปกครอง จึงมีเวลาว่างขึ้น งั้นก็ออกไปดูหน่อยดีกว่า

เซียวปี้เฉิงย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือ

เขาพูดกับเสนาบดีขวาหลี่อย่างห่วงใยว่า “จางอวี้ซูกล้าทำผิดอย่างเปิดเผย เพราะเห็นว่าอาลักษณ์กรมพิธีการกับใต้เท้าเสนาบดีขวาสนิทกัน ประชาชนล้วนบอกว่าเวลาเขาทำผิดก็มักจะเอาตระกูลหลี่มาขู่ ใต้เทาเสนาบดีขวาต้องรักษาชื่อเสียงตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้คนต่ำทรามทำให้มัวหมอง”

เสนาบดีขวาหลี่สีหน้าย่ำแย่ ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตอบว่า “ขอบพระทัยรัชทายาทที่บอก กระหม่อมไม่รู้ว่าเขาจะทำลายชื่อเสียงตระกูลหลี่ ตอนนี้เขายังตำหนิหลานสาวกระหม่อมต่อหน้าผู้คน มันเกินไปจริงๆ”

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าตระกูลจางเลียแข้งเลียขาเสนาบดีขวา

เสนาบดีขวาอยากปลีกตัวเองออกจากปัญหาครั้งใหญ่นี้ จะได้ไม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย ทว่าจักรพรรดิจาวเหรินยังคงลงโทษเขา

“จางอวี้ซูอ้างชื่อตระกูลหลี่โอหัง ต่อให้เจ้าไม่รู้เรื่องด้วย แต่เจ้าห้ามไม่ได้ก็ถือว่ามีความผิด งั้นลงโทษด้วยการหักเบี้ยหวัดสามเดือนแล้วกัน”

ตอนที่หลี่หยวนเส้าเดินทางกลับเมืองหลวงแล้วผ่านวัดหานซาน เขาก็หยุดพักผ่อนชั่วครู่

ท่านปู่รู้จักนิสัยเขาดี จึงสั่งห้ามไม่ให้เขาไปหาหลี่เมิ่งเอ๋อร์ และไม่อนุญาตให้นำสิ่งของไปให้ด้วย เขาจึงได้แต่ไหว้วานให้คนอื่นถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

เมื่อรู้ว่าช่วงนี้หลี่เมิ่งเอ๋อร์สบายดี เขาจึงจะกลับไปอย่างวางใจ

หลังผ่านมรสุมครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของลูกหลานตระกุลเฟิงตระกูลหลี่เริ่มดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ แม้ตอนเจอหน้ากันยังคงถกเถียงกันไม่เลิก ทว่าก็ไม่คิดจะเล่นงานอีกฝ่ายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ทว่าตระกูลจางกับตระกูลหลี่กับแตกแยกกันอย่างเลี้ยงไม่ได้

เสนาบดีหลี่ถอนหายใจด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ไอ้เด็กคนนี้ไม่ได้เรื่องเลย ตาเฒ่าจางสั่งสอนยังไงน่ะ? ทำให้ข้าต้องขายหน้าครั้งใหญ่ไปด้วย แล้วยังด่าเมิ่งชูว่าเป็นหญิงสำส่อนต่อหน้าคนอื่น ควรตัดลิ้นเขาทิ้งซะเลย”

อาลักษณ์กรมพิธีการหน้าซีดขาว “หน็อยแน่ ตระกูลหลี่ ข้าทำงานรับใช้เขามาหลายปี แต่ตอนนี้ไม่คิดจะค้ำจุนกันเลย ทั้งยังหันมาเหยียบซ้ำอีก ข้าดูคนผิดไปจริงๆ”

มารดาของจางอวี้ซูก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล

“หลี่หยวนเส้า ใจร้ายเกินไปแล้ว ปกติอวี้ซูเคารพเขา นึกถึงแต่เขา แต่เขากลับไปหักขาอวี้ซูในคุก”

“อวี้ซูไม่ควรสบประมาทหลี่เมิ่งชู แต่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายถอนหมั้นก่อน อวี้ซูเป็นฝ่ายชอกช้ำระกำใจก่อน แต่พวกเขากลับทำกันได้ลงคอ”

การถอนหมั้นของทั้งสองตระกูลก็เป็นเรื่องไม่น่ายินดีปรีดาอยู่แล้ว

แต่ตอนนั้นเสนาบดีหลี่โยนความผิดให้รัชทายาทกับอวิ๋นหลิง พวกเขาจึงไม่สะดวกที่จะตำหนิ แค่พูดระบายความไม่พอใจไม่กี่ประโยคเท่านั้น

ทว่าหลี่หยวนเส้าไปทำร้ายร่างกายจางอวี้ซู พวกเขาทั้งสองตระกูลถือว่าแตกแยกกันอย่างสมบูรณ์แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ