พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 641

กงจื่อโยวเอ่ยอย่างเร่งเร้าว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับนางอีกเลย รีบจับตัวผู้หญิงคนนี้ไปขังคุกรับโทษทัณฑ์ อย่าให้นางได้ออกมาทำร้ายคนอื่นอีก”

เฟิงอิ๋งอิ๋งได้ยินคำพูดประโยคนี้ มองเขาด้วยความเสียใจและความแค้นใจ เอ่ยอย่างโมโหว่า “เสียแรงที่ท่านกับข้ารู้จักกันมาหลายปี ข้ามีความรักให้ท่านเต็มหัวใจ แต่ท่านกลับเย็นชาไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้”

“มีความรักเต็มหัวใจอย่างนั้นหรือ อย่าดูถูกคำเหล่านี้จะดีกว่า เจ้าก็แค่เอาตัวเองเป็นใหญ่ อยากจะให้ช้าเชื่อฟังเจ้าก็เท่านั้น”

กงจื่อโยวรู้สึกเหมือนตัวเองได้ยินเรื่องที่น่าขันที่สุดในโลก บางทีอาจเป็นเพราะฝึกฝนวิชาควบคุมวิญญาณมานาน เขาจึงรู้สึกมาตลอดว่าเฟิงอิ๋งอิ๋งสติไม่ค่อยปกติ เคยรับรู้ได้เพียงความหวาดระแวงและคลุ้มคลั่งราวกับหมกมุ่นในอวิชชา

สำหรับหญิงคนนี้แล้ว เขานับถือแต่อยู่ห่างๆเสมอมา

“มีความรักให้ข้าเต็มหัวใจ แต่อยากจะวางยาพิษให้ข้าตาบอด ตัดขาข้าให้ขาด หรือไม่ก็อยากจะเปลี่ยนข้าให้เป็นหุ่นเชิดที่ไร้สติปัญญา เก็บข้าไว้ข้างกายเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ”

ได้ยินถึงตรงนี้ คนอื่นๆต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจกงจื่อโยวขึ้นมา เจ้าหมอนี่เมื่อก่อนต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆอะไรมาบ้าง

เฟิงอิ๋งอิ๋งกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากจะทำกับท่านเช่นนั้น แต่ใครใช้ให้ท่านไม่เชื่อฟัง ถ้าหากท่านยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ข้าคงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเหล่านั้นกับท่าน”

กงจื่อโยวอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ขึ้นมา “เอาเป็นว่าไมตรีจิตนี้ข้าคงไร้วาสนาจะได้รับ ใครยินดีก็ให้คนนั้นเถอะ”

ดวงตาของเฟิงอิ๋งอิ๋งมีโทสะวาบผ่าน กัดฟันพูดว่า “เหมือนที่ท่านแม่พูดไว้ไม่มีผิด ผู้ชายไม่มีดีสักคน ล้วนชอบล้อเล่นกับความรู้สึก ควรจะเอาไปเลี้ยงแมลงให้หมด”

อวิ๋นหลิงได้ยินถึงตรงนี้ แม้จะเป็นการพบเฟิงอิ๋งอิ๋งครั้งแรก ก็รับรู้ได้ว่าคนคนนี้สมองไม่ปกติ

ทั้งๆที่นางเป็นฝ่ายตามตื๊อกงจื่อโยวฝ่ายเดียวไม่ยอมปล่อย แต่กลับพูดเหมือนถูกผู้ชายสารเลวรังแกอย่างไรอย่างนั้น น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเฟิงอิ๋งอิ๋งคนบ้าจึงจะถูกต้อง

หลังจากที่เฟิงอิ๋งอิ๋งพูดจบแล้ว ก็ล้วงเอานกหวีดที่ทำจากกระดูกรูปร่างพิเศษออกมา ใช้แรงเป่าให้ดัง

เสียงเล็กแหลมของนกหวีดดังก้องไปทั่วทั้งฟ้ายามราตรีที่เงียบสงัด ดังไปถึงตรอกซอกซอยที่อยู่ห่างจากจวนอ๋องจินไปไกลมาก

ไม่ช้า อวิ๋นหลิงก็รับรู้ได้ด้วยพลังจิต มีสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล่องแคล่วว่องไวมากกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ด้วยความเร็ว

……

นอกจวนอ๋องจิน บนถนนจูเชี่ย

ผู้คนข้างถนนกำลังพูดคุยถึงเรื่องงานแต่งงานในวันนี้อย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องจินเลยแม้แต่น้อย

เสิ่นชิ่นพร้อมด้วยท่านป้าเฉียวและจั๋วเอ๋อร์ กำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงริมถนนที่จัดขึ้นบริเวณหัวมุมถนน คืนนี้ไม่ต้องทำอาหารค่ำแล้ว

มือของจั๋วเอ๋อร์ถือลูกอมมงคลเอาไว้ กระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหน้า

เวลานี้เอง ได้ยินเสียงนกหวีดดังขึ้นมาแต่ไกล ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคาบ้านที่อยู่ข้างๆ ลงสู่พื้นตรงหน้าอย่างมั่นคง

เด็กน้อยเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ตกใจจนล้มลงกับพื้น ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว

“ท่านย่า ท่านย่า มีปีศาจ......”

แต่ชายหนุ่มไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว แต่มุ่งตรงไปยังจวนอ๋องจินด้วยใบหน้านิ่งเฉยอย่างรวดเร็ว

เสิ่นชิ่นได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ก็หันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ พบว่าเป็นชายหนุ่มสวมชุดสีดำทั้งตัวสวมหมวดโดยมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้กึ่งหนึ่ง ร่างกายเต็มไปด้วยไอสังหาร

เสี้ยววินาทีที่เดินสวนกัน นางเห็นใบหน้าใต้หมวกนั้นอย่างชัดเจน ม่านตาหดลง

เลือดในร่างกายสูบไหลเวียนกลับ

เซียวปี้เฉิงมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจนตั้งแต่แวบแรก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเคยเป็นทหารของแคว้นต้าโจวหรือเปล่า เขาจึงรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้นอยู่หลายส่วนอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะมองวิเคราะห์อย่างละเอียด ลักษณะของอีกฝ่ายดูเป็นชายหนุ่มที่ทรงพลังมาก เพียงแต่สีผิวเหมือนกับผีดิบที่อยู่ในหนังเก่าๆ ใต้แสงจันทร์ขาวนวลผิวของเขาเปล่งสีเขียวจางๆออกมาอย่างผิดปกติ

“นี่คือหุ่นเชิดมนุษย์มีพิษคนนั้นหรือ”

กงจื่อโยวพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ถูกต้อง พวกท่านต้องระวังตัวให้ดี เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีแรงมหาศาล เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าพิษอะไรก็ทำอันตรายมันไม่ได้ แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็สามารถต่อสู้ต่อไปได้ นอกจากนี้เลือดในร่างกายของเขาเป็นพิษ อย่าให้สัมผัสปากจมูกและบาดแผลเด็ดขาด”

หุ่นเชิดมนุษย์มีพิษคนนี้เป็นไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเฟิงอิ๋งอิ๋ง สาวกประกาศิตป้ายแดงทั้งสี่ของสำนักทิงเสวี่ยลงมือพร้อมกัน ยังไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ภายในเวลาครึ่งก้านธูป

ดวงตาของหลงเย่จ้องเขม็ง เอ่ยเสียงต่ำว่า “น้องสาม หุ่นเชิดคนนี้แทบจะไม่มีสติสัมปชัญญะแล้ว เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใช้พลังจิตกลับไม่สามารถทำให้ตายได้ เจ้ายิงหัวมันให้กระจุยไปเลย”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ยกปืนคาบศิลาขึ้นมาทันที เล็งไปยังศีรษะของชายหนุ่มที่เป็นหุ่นเชิดมนุษย์อย่างแม่นยำ

เห็นดังนั้น เฟิงอิ๋งอิ๋งก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า มองนางด้วยความหวาดระแวง

ของสิ่งนี้นี่เอง ที่เมื่อครู่ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของนางสองคนสูญเสียพลังในการเคลื่อนไหวทันที

“อาทัว ฆ่าพวกมันให้หมด คุ้มครองข้าไปจากที่นี่”

ได้ยินเสียงเรียกขาน สมองของเซียวปี้เฉิงเหมือนมีประกายไฟวาบผ่าน นึกขึ้นได้ทันทีว่าความรู้สึกคุ้นเคยต่อใบหน้านี้มาจากไหน

สายตาเหลือบไปเห็นท่าทางของอวิ๋นหลิง เขารีบเอามือผลักปืนคาบศิลาออกไปอย่างรวดเร็ว

“หลิงเอ๋อร์เดี๋ยวก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ