พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 644

สีหน้าของฟงอิ๋งอิ๋งแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อาทัว ฆ่านางซะ ลงมือเร็วเข้า!”

แต่ยามนี้หุ่นเชิดที่อยู่ในโอวาทในอดีตกลับไม่ขยับเขยื้อน ร่างกายก็แข็งทื่อและเหม่อลอยอยู่กับที่ราวกับเกิดรากงอกอยู่ใต้ฝ่าเท้า

เซียวปี้เฉิงเห็นโอกาสเหมาะจึงก้าวเข้าไปดึงเสิ่นชิ่นออกมาทันที “ตอนนี้เขาเป็นหุ่นเชิด ไม่มีสติสัมปชัญญะ พวกเจ้าควรอยู่ให้ห่างจากเขาโดยเร็ว!”

อู๋อิ่งติดต่อกับชาวเหมียวมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว รู้ดีถึงความร้ายกาจของหุ่นเชิดมนุษย์พิษของฟงอิ๋งอิ๋ง เขาจึงชูดาบขึ้นหมายจะสังหารตัวปัญหาในภายภาคหน้าให้สิ้นซาก

นายท่านบอกว่าอะไรก็ตามที่คุกคามชีวิตของพระชายาจะต้องกำจัดชนิดถอนรากถอนโคน!

เสิ่นชิ่นเห็นเช่นนี้ก็หน้าถอดสี ออกแรงสลัดตัวหลุดจากเซียวปี้เฉิง รีบวิ่งไปกอดแขนของอู๋อิ่งไว้แน่น

“ไม่ได้...เจ้าฆ่าพี่ชายข้าไม่ได้!”

ภายใต้หน้ากาก อู๋อิ่งมองนางด้วยความวิตกกังวลอยู่หลายส่วน “พระชายา เขาเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว จะไม่ฟังใครนอกจากคำสั่งของฟงอิ๋งอิ๋ง ท่านรีบตามองค์รัชทายาทออกไปโดยเร็วเถิด สถานที่แห่งนี้อันตรายเหลือเกิน ให้กระหม่อมจัดการให้สิ้นซากเถอะ!”

เสิ่นชิ่นน้ำตาไหลอาบแก้ม สะอื้นไห้พูดไม่ออก ก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่หยุด

นางทนมองพี่ชายร่วมอุทรที่สายเลือดเดียวกันตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้

นางสูญเสียเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียเขาเป็นครั้งที่สองได้อีก

ฟงอิ๋งอิ๋งคว้าโอกาส กัดปลายลิ้นเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น รวบรวมสมาธิเพ่งมองไปยังเสิ่นทัว

“อาทัว ข้าอยากให้เจ้าฆ่าพวกเขาทั้งหมด แล้วฆ่าตัวตายซะ!”

เมื่อวิชายันต์ควบคุมวิญญาณที่ฝึกสำเร็จได้สำแดงฤทธา ร่างกายของเสิ่นทัวพลันสั่นสะท้าน สองตาแดงซ่านไปด้วยเส้นเลือดจนกลายเป็นสีแดงเข้มโดยไม่รู้ตัว

“ฆ่า...พวก...ทูเจวีย...ไปตายซะ!”

ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยว ชักดาบเหมียวตาวขึ้นมากวัดแกว่งอย่างดุเดือด

ท่ามกลางแสงจันทร์ซีดขาว อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต

ดูเหมือนเสิ่นทัวจะกลับมาในสนามรบอีก ทุ่งหญ้าสีเขียวไม่มีที่สิ้นสุดถูกอาบย้อมเป็นสีแดงเลือด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางฆ่าทหารทูเจวียที่อยู่รายล้อมได้หมด ฝูงหมาป่าในระยะไกลโพ้นคอยท่าจะกัดแทะซากศพของพวกเขา ส่งเสียงร้องเห่าหอนชวนขนลุกซู่จากที่ไกลแว่วมาเป็นระยะๆ

รูม่านตาของอู๋อิ่งพลันหดลง แล้วผลักเสิ่นชิ่นออกไปในชั่วพริบตา เขายกกระบี่ขึ้นต้านทานการผ่าแสกหน้าอันหฤโหดของ เสิ่นทัว แต่ก็ต้องตกใจกับง่ามนิ้วตรงหัวแม่มือกับนิ้วชี้ที่เจ็บปวดอย่างรุนแรง กระบี่ลอยละลิ่วออกไป เขาก็กลิ้งขลุกๆ หลบประกายคมดาบที่ตรงจุดนั้นทันที

“พระชายา!”

เขาตะโกนอย่างรีบร้อน ก็เห็นเงาร่างสีเขียวไม้ไผ่โยนเสิ่นชิ่นลงไปกับพื้น แล้วกอดนางกลิ้งหลุนๆ ไปหลายตลบ ทิ้งร่องรอยโลหิตปานบุปผาอันสวยหยาดเยิ้มไว้บนพื้น

ไม่ไกลนัก พวกอวิ๋นหลิงก็มาถึงที่นี่หลังจากล่าช้ามานาน

นางหายใจแรงเล็กน้อย หยิบหน้าไม้ชั่วคราวเล็งไปยังเสิ่นทัว ในนั้นมีเข็มยาสลบสามสิบเล่มที่เพิ่งใส่ไปเมื่อครู่นี้

ถึงแม้จะถูกจัดให้อยู่ในองค์กรเมื่อชาติที่แล้ว แต่ศัตรูอย่างเสิ่นทัวยังคงเป็นเป้าหมายที่ยากรับมือเหลือแสน

เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่คาดคิด พวกนางจึงปรับกลยุทธ์ต่อสู้อย่างรวดเร็วตามประสบการณ์ภารกิจที่ผ่านมา

“พี่ใหญ่ ไหวหรือเปล่า”

เสิ่นทัวเคลื่อนที่เร็วเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปนัก ด้วยระดับความแรงของปืนคาบศิลาในปัจจุบัน ถ้าอยากจะโจมตีเป้าหมายให้ตรงจุดโดยไม่ได้ล็อกเป้าไว้ก็ไม่ง่ายเลย

ที่สำคัญอีกฝ่ายไม่สนใจเลยว่าจะถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เอาแต่ซัดเข็มยาสลบอย่างเดียว

หลงเย่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “น่าจะควบคุมเขาได้สักสองวินาที”

พลังจิตของนางเพิ่งฟื้นคืนมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ถ้าบังคับให้ใช้ความสามารถพิเศษละก็ การควบคุมคู่ต่อสู้สองวินาทีก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดของนางแล้ว

“เร็ว เริ่มกันเลย! ปี้เฉิงหลบไป!”

สิ้นคำ นัยน์ตางามพิสุทธิ์ของหลงเย่พลันแดงก่ำ ส่วนเสิ่นทัวในระยะไกลยืนนิ่งแข็งทื่ออยู่ที่เดิมราวกับสมองปิดตัวลง

ขณะที่เซียวปี้เฉิงร่วมมือเบี่ยงตัวหลบ อวิ๋นหลิงก็ระดมยิงเข็มยาสลบหลายเข็มจากหน้าไม้ในมือ ภายในสองวินาที เข็มยาสลบเจ็ดแปดเล่มก็แทงเข้าไปในร่างกายของเสิ่นทัว ร่างของฝ่ายหลังก็กระตุกหลายครั้งทันที

ทำทั้งหมดนี้เสร็จ หลงเย่ก็ทรุดล้มทับตัวกงจื่อโยว ความเจ็บปวดแสบร้อนในหัวทำให้ใบหน้าของนางซีดเซียว การมองเห็นก็พร่ามัว น้ำตาเริ่มไหลรินอย่างควบคุมไม่ได้

กงจื่อโยวตกใจจนหัวใจร้าวราน “หลงเอ๋อร์ หลงเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“...ไม่เป็นไร แค่ผลข้างเคียงจากการบังคับใช้ความสามารถพิเศษ จะตาบอดไปชั่วขณะหนึ่ง” หลงเย่ข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบายพูดปลอบโยนเขา

น้ำตาบนใบหน้าของนางปลิวเหือดแห้งไปตามสายลมยามค่ำคืน นางอ้าปากแต่พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว สุดท้ายเบื้องหน้าก็มืดลง ก่อนจะหมดสติไป

เซียวปี้เฉิงประคองนางไว้โดยไม่รู้ตัว จากนั้นเห็นใบหน้าของชายสวมชุดสีเขียวไม้ไผ่ เขาก็หน้าถอดสี

“พี่รอง! หลิงเอ๋อร์...ห้ามเลือดเร็วเข้า!”

อวิ๋นหลิงโยนดาบเหมียวตาวทิ้งไป ทั้งคู่ก็รีบถอดอาภรณ์ท่อนบนของเสียนอ๋องออก หยิบเข็มเงินที่เหน็บตรงสายรัดเอวออกมาแทงเข้าจุดชีพจรหลายจุด

แผ่นหลังของเสียนอ๋องมีบาดแผลถูกแทงสองแผลที่ไหล่และแขน ผิวหนังปริแตกฉีกขาด มีเลือดสดไหลออกมาไม่ขาดสาย เหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผาก

“เขาเจ็บปวดแสนสาหัส ข้าจะฉีดยาสลบให้เขา รีบพาเขากลับจวนโดยเร็ว” อวิ๋นหลิงหยิบเข็มยาสลบออกมาจากหน้าไม้ ฝังตรงผิวหนังของเสียนอ๋องเบาๆ แล้วเรียกพวกเขาให้จัดการสถานที่เกิดเหตุทันที

เฟิ่งเหมียนซ้อนท้ายเสวียนจี ในที่สุดก็ถีบรถสามล้อกลับมาจนได้ ปิดท้ายด้วยองครักษ์ของจวนอ๋องและทหารองครักษ์

เยี่ยเจ๋อเฟิงกระโดดลงจากหลังม้า รีบก้าวเข้ามาทูลว่า “รัชทายาท กองกำลังเหมียวเจียงที่เหลือในเมืองถูกจับตัวมาทั้งหมดแล้ว! มีคนลอบช่วยพวกเราวางกับดักล่อศัตรูอยู่เบื้องหลัง คือเสียน...คือคนขององค์ชายรอง”

พูดจบ เขาก็เห็นเสียนอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติไป รวมถึงเสิ่นชิ่นที่สองตาปิดสนิทและใบหน้าซีดขาวอยู่ข้างๆ

เยี่ยเจ๋อเฟิงดูตกใจ “พระองค์ นี่...”

“เจ๋อเฟิง รีบส่งคนไปเชิญอู๋อันกงเดี๋ยวนี้! เจ้าไปปิดตาของฟงอิ๋งอิ๋งไว้ ขังนางไว้ในคุกพร้อมกับคนอื่นๆ ที่เหลือ รอถูกควบคุมตัวและทรมาน แล้วสั่งเฉียวเย่ให้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้กับทางวังหลวงไปตามความเป็นจริง!”

เยี่ยเจ๋อเฟิงได้สติกลับมา พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม และปฏิบัติตามพระบัญชาทันที

ไม่สะดวกจะเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บสาหัส เซียวปี้เฉิงจึงให้วางคนไว้ในจวนจินอ๋องบริเวณใกล้ๆ กันทันที

คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนนอนไม่หลับ แต่โชคดีที่พวกอวิ๋นหลิง หลิงซู และอู๋อันกงต่างร่วมไม้ร่วมมือกัน ในที่สุดก็จัดการผู้บาดเจ็บทั้งหมดจนเรียบร้อย

สุดท้ายก็ผ่านพ้นภัยพิบัติเหมียวเจียงที่สถานการณ์น่ากลัวครานี้ไปได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ

หลังจากคืนที่วุ่นวายและเหนื่อยล้า ในที่สุดท้องฟ้าก็ขาวปลอดเหมือนท้องปลา

บนชั้นก้อนเมฆสะท้อนให้เห็นประกายรุ่งอรุณอันอบอุ่น ส่องแสงเบาๆ บนดวงหน้าของอวิ๋นหลิง นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ยามนี้หัวใจก็สงบลงอย่างสมบูรณ์ได้เสียที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ