ปีนี้จักรพรรดิจาวเหรินอายุสี่สิบห้าปี ทว่าปกติดูแลสุขภาพดี
กอปรกับเซียวปี้เฉิงเป็นรัชทายาท องค์ชายอื่นก็เริ่มมีตำแหน่งงานเป็นของตัวเอง ภาระจึงเบาลงไม่น้อย
แม้นจะกังวลเรื่องลูกเป็นบางครั้ง ทว่าก็ไม่ได้เครียดเหมือนเมื่อก่อน บัดนี้ถือว่าได้ใช้ชีวิตอิสระเสรีดุจเทพเซียนแล้ว
เวลาคนเรารู้สึกผ่อนคลาย หน้าตาก็จะดูอ่อนเยาว์ขึ้น ใบหน้าของเขาจึงอ่อนกว่าอายุจริงหกถึงหกปี
และเขาก็ดูแลรูปร่างได้ดีเยี่ยม ตอนนี้ใส่เสื้อตัวที่นางเตรียมให้กู้ฮั่นม่อแล้วก็พอดีตัว รู้สึกแน่นเล็กน้อยเท่านั้น
“ขอบคุณที่ฮูหยินช่วยข้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
จักรพรรดิจาวเหรินเปลี่ยนเสื้อตัวสะอาดสะอ้านแล้วก็ส่งสายตาให้ฝูกงกงจ่ายเงิน
ฝูกงกงควานหาแขนเสื้อและกระเป๋าบนเสื้ออันว่างเปล่าแล้วก็ต้องพูดด้วยความระมัดระวัง “นายท่าน วันนี้พวกเราออกมาโดยไม่ได้พกเงินติดตัวขอรับ”
ถึงแม้บอกว่าจะออกมาดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ทว่าแค่ตั้งใจจะมาเดินดูบรรยากาศการเรียนการสอนของสำนักศึกษาเท่านั้น ไม่คิดว่าต้องใช้เงิน
“...”
จักรพรรดิจาวเหรินต้องขายหน้าต่อหน้าสาวงามสองครั้งก็หน้าแดงเขียวสลับกัน
แม่นางหลียิ้มพูดเพื่อกู้สถานการณ์ “นายท่านไม่ต้องเกรงใจ ผ้าหยามนี้ไม่มีราคาหรอก ไม่ต้องจ่าย”
จักรพรรดิจาวเหรินกระแอมเสียง เอ่ยด้วยสีหน้าปกติ “งั้นก็ต้องขอบคุณฮูหยินมาก ไม่ทราบว่าฮูหยินชื่อกระไร สำเนียงไม่เหมือนคนเมืองหลวงเลย?”
“ข้าชื่อหลีหว่านเจิง คนหลินอันแห่งเมืองหยุนโจว นายท่านเรียกข้าแม่นางหลีก็พอ เพราะบุตรชายสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ได้ ด้วยความที่รัชทายาทกับพระชายารักใคร่ประชาชน ข้าจึงมีโอกาสเปิดร้านขายหวานสร้างรายได้”
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินก็รู้สึกตกตะลึง
บัณฑิตที่สอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ได้ต้องมีอายุประมาณยี่สิบปี แสดงว่าหญิงแต่งงานแล้วตรงหน้าต้องมีอายุสามสิบกว่าแล้ว
เขาชวนคุยไม่กี่ประโยคก็ทราบว่าแม่นางหลีปีนี้อายุสามสิบเจ็ดปีดังคาด
“สิ่งแวดล้อมมณฑลเจียงหนานเป็นมิตรกับคนจริงๆ”
นางดูแล้วอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น รูปลักษณ์ไม่แพ้นางสนมในวังเลย เป็นความสวยโดยธรรมชาติอันแท้จริง
แม่นางหลีแย้มยิ้ม “ไม่ทราบว่านายท่านเป็นใคร ชื่ออะไร?”
จักรพรรดิจาวเหรินกระแอมเสียงก่อนจะตอบว่า “ข้าแซ่หวง เป็นลูกคนที่เก้าของในบ้าน เจ้าเรียกข้าว่านายท่านเก้าหวงก็พอ”
แม่นางหลีพยักหน้า พูดด้วยความสงสัย “นายท่านเก้าหวงมาเยี่ยมลูกที่สำนักศึกษาชิงอี้รึ?”
จักรพรรดิจาวเหรินส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าเป็นคนสนับสนุนงบประมาณสร้างสำนักศึกษาชิงอี้ วันนี้ว่างจึงมาดู”
“ที่แท้ก็เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณนี่เอง แสดงว่าข้ามีแหล่งพักพิงได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากท่านบางส่วนด้วย”
แม่นางหลีรู้จักสำนึกบุญคุณ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นผู้บริจาคสำนักศึกษา จึงลุกขึ้นแล้วนำเต้าหู้อัลมอนต์ที่ยังเหลือสองถ้วยให้เขากับฝูกงกงชิม
จักรพรรดิจาวเหรินกับฝูกงกงล้วนเผยประกายแสงแห่งความประหลาดใจ
“ฝีมือการทำของแม่นางหลีเหมือนในวังเลย”
“ท่านปู่ของข้าเคยทำงานในห้องเครื่อง ไม่คิดว่าท่านชิมคำเดียวก็รู้เลยว่าเป็นรสชาติในวัง”
“ข้าเคยชิมในโรงอาหารของสำนักศึกษาแล้วรู้สึกแปลกใจ”
เขาคุ้นคเยกับรสชาตินี้มาก ตอนเด็กกินแบบนี้เป็นประจำ
แม่นางหลีอธิบายก็ทำให้จักรพรรดิจาวเหรินนึกถึงวัยเยาว์ ตอนนั้นในวังมีพ่อครัวแซ่หลีจริง ซึ่งเต้าหู้อัลมอนด์เป็นฝีมือขึ้นชื่อของอีกฝ่าย ยากจะหาคนเทียบได้
“ที่ตลาดมีร้านซักรีดอยู่ แต่ข้าไม่ได้จ้างคนอื่นซัก ข้าว่างจึงซักเอง”
องค์หญิงหกส่งยิ้มให้พวกเขา นางมาอยู่ในสำนักศึกษาชิงอี้ครึ่งเดือนแล้ว ท่าทางสดใสขึ้นเยอะ และยังพูดเยอะขึ้นด้วย
จากนั้นองค์หญิงก็วางแมวดำลง แล้วหยิบผ้าเช็ดมือลายปักจากตะกร้าออกมา
“ถ้ากลับเมืองหลวง ช่วยถามพี่ใหญ่ให้หน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้สุขภาพเขาดีขึ้นหรือยัง ข้าอยู่ที่นี่ก็เป็นห่วงเขาตลอดเวลา”
“เวลาว่างๆ นอกจากอ่านหนังสือแล้วข้ายังเย็บผ้าเช็ดมือด้วย ผ้าเช็ดมือคู่รักนี้ให้พี่ใหญ่กับพี่ฉาน ส่วนมังกรกับหงส์คู่นี้ให้พี่สามกับพี่สะใภ้สาม”
องค์หญิงหกมองลายเบี้ยวหดของผ้าเช็ดมือก็พูดด้วยความเขินอาย “ข้าห่างหายจากงานเย็บปักถักร้อยมานาน จึงทำได้ไม่ดีพอ พวกท่านอย่าได้รังเกียจเลย เอากลับไปเป็นผ้าเช็ดโต๊ะก็ยังดี จะได้ไม่เปลืองผ้า”
อวิ๋นหลิงรับฟังองค์หญิงหกอย่างอดทน รู้สึกว่านิสัยแม่สาวน้อยคนนี้เปลี่ยนไปไม่น้อย
กลับไปเป็นคนสดใสร่าเริงเหมือนตอนเจอกันใหม่ๆ ทว่าก็กลายเป็นคนมีมารยาท รู้ความขึ้นเยอะ
อวิ๋นหลิงยิ้มแล้วรับผ้าเช็ดมือพวกนั้นมา “เย็บเก่งกว่าข้าอีก ถ้าของเจ้าต้องเอาไปเช็ดโต๊ะ งั้นของข้าแค่เอาไปเช็ดก้นก็คงสู้กระดาษหยาบๆไม่ได้แล้ว”
นางช่ำชองเพียงการฝังเข็ม ส่วนงานเย็บปักถักร้อยขอยอมแพ้
องค์หญิงหกหัวเราะกับคำพูดของนางอยู่นาน ผ่านไปสักพักจึงจะหยุดหัวเราะ
นางได้ยินเสียงระฆังแจ้งบอกเวลากินข้าวเย็นก็ลุกขึ้น “พี่สาม พี่สะใภ้สามไปทำธุระของตัวเองต่อเถอะ ถ้าไปกินข้าวเย็นแล้วต้องมีอยู่เฝ้าห้องสมุดตอนเย็นต่อ ไม่อยู่คุยกับพวกท่านแล้ว”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถ้ากินข้าวเย็นเสร็จพวกเขาก็ควรกลับเมืองหลวงแล้ว
พวกเขาสามคนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องสมุด เซียวปี้เฉิงเดินอยู่ด้านหลังด้วยคำถามคาใจ
เสด็จพ่อบอกว่าจะมาเยี่ยมองค์หญิงหกไม่ใช่รึ? ไยจึงไม่เห็นหน้าตลอดทั้งบ่าย? หรือหลงทางในสำนักศึกษา?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...