พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 661

นับตั้งแต่เสี่ยวเฟิงตายไป จักรพรรดิจาวเหรินก็เสด็จมาวังหลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าประทานพระเมตตาอย่างทั่วถึงโดยแท้

นางสนมที่มีทายาทจะไปพำนักอยู่กับอีกฝ่ายเป็นเวลาสามวันทุกเดือนเป็นประจำ

ในแต่ละวันที่เหลืออยู่ ครึ่งหนึ่งนอนคนเดียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเล่นไพ่

สำหรับหลี่กุ้ยเฟยที่เคย ‘แบ่งกันยึดครอง’ จักรพรรดิจาวเหรินกับอดีตฮองเฮา อาจกล่าวได้ว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเงียบเหงา

แต่ตอนนี้เรื่องราวเปลี่ยนไป นางไม่กล้าสยายกรงเล็บข่วนผู้คนอีกแล้ว จึงมุ่งความสนใจไปยังจักรพรรดิจาวเหริน

เดิมทีคิดว่าจะได้เป็นสนมคนโปรดอย่างแท้จริง แต่โชคชะตากลับพลิกผัน

ในยามราตรีดึกสงัด หลี่กุ้ยเฟยส่องกล้องดูภาพสไลด์เห็นตัวเองก็มีสีหน้าเศร้าอาดูรอยู่หลายส่วน

“แม่นมเหอเยว่ เจ้าว่าข้าแก่ไปจนมองไม่ได้หรือไม่ บัดนี้ฝ่าบาทก็เย็นชาถึงเพียงนี้ เจ้าดูสิว่ากล้องตัวนี้วิเศษแค่ไหน ส่องริ้วรอยตรงหางตาของข้าได้อย่างชัดเจน...”

แม่นมเหอเยว่ปลอบนางว่า “ท่านเอาอะไรมาตรัส เวลานั้นท่านเป็นหญิงงามเลื่องชื่อของเมืองหลวง เหยียบย่ำเฟิงซั่นเย่ว์ไว้ใต้ฝ่าเท้าจนอยู่หมัด เวลานี้เป็นสตรีที่งามเลิศล้ำที่สุดในวังหลัง”

“จะมีประโยชน์อะไร จี้หลิงหวาสวยกว่า ฝ่าบาทยังไม่ปรายตามองนางเลย” หลี่กุ้ยเฟยหัวเราะหยันตนเอง “ไว้ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเริ่มคัดเลือกนางใน จะมีสาวงามวัยละอ่อนเข้าวังมากันเยอะแยะ”

การคัดเลือกนางในนี้ถูกระงับมาหลายปีแล้ว ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องเปิดใหม่อีกครั้ง

แม่นมเหอเยว่ก็ได้แต่เอ่ยว่า “ท่านจะเป็นคนพิเศษในพระทัยของฝ่าบาทตลอดไป”

จักรพรรดิจาวเหรินให้ความสำคัญกับความรัก หลี่กุ้ยเฟยก็รู้ว่าขอเพียงนางไม่สร้างปัญหา ในวังหลังก็จะไม่มีผู้หญิงหน้าไหนที่มีฐานันดรศักดิ์สูงกว่านาง

แต่จะมีประโยชน์อะไร

นางต้องการเป็นฮองเฮา ไม่ใช่เพื่ออำนาจต่ำต้อย แต่นั่นแสดงถึงการเป็นชายาเอกของเขา

เห็นหลี่กุ้ยเฟยอารมณ์ไม่ดี แม่นมเหอเยว่ก็อดจับมือนางมิได้

“ท่านจะเศร้าไปไย ท่านต่อกรกับเสี่ยวเฟิงมาหลายปีเช่นนี้ คือผู้ชนะคนสุดท้ายแล้ว ควรดีใจจึงจะถูก ไม่ว่าชีวิตตอนนี้จะยากลำบากแค่ไหน ยังจะแย่กว่าเดิมได้อีกหรือ”

หลี่กุ้ยเฟยฟังแล้วก็มีกำลังใจขึ้นเล็กน้อย

ใช่แล้ว หญิงอย่างเสี่ยวเฟิงที่ทำให้นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันชิงชังมาครึ่งค่อนชีวิตก็ตายไปแล้วในที่สุด นางควรจะดีใจสิ

ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็จะไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน

ไม่นานหลังจากสงบสติอารมณ์ หลี่กุ้ยเฟยก็กลับมาหยิ่งทะนงตามเดิม

นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ นางมุ่นคิ้วเอ่ยว่า “แม่นมเหอเยว่ไปสืบสูตรลับการตั้งครรภ์ต่อ ให้นางกำนัลจับตาดูพระที่นั่งบำรุงฤทัยอย่างใกล้ชิดอีกสักหน่อย เพื่อป้องกันกลอุบายเจ้าเล่ห์”

เสี่ยวเฟิงตายแล้ว นางจะไม่ยอมให้ใครมาชิงดีชิงเด่นความเป็นที่โปรดปรานไป!

แม่นมเหอเยว่พยักหน้า ปรนนิบัตินางเข้านอนก่อนจะออกมา

……

วันเวลาเงียบสงบมาหลายวัน

ช่วงต้นเดือนสิบเอ็ด อวิ๋นหลิงเริ่มเตรียมแผนการสอน

ทั้งคู่กำลังหารือกัน เสวียนจีก็วิ่งผลุนผลันเข้ามา

“ข้าดัดแปลงทำจักรยานกับรถสามล้อรุ่นที่สองเสร็จแล้ว มันจะแข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างแน่นอน พวกท่านจะว่างเมื่อใด อยากออกไปทดลองขี่นอกเมืองบ้างหรือไม่”

“หากทดสอบขี่ภาคสนามไม่มีปัญหา ก็จะผลิตจำนวนมากได้!”

อวิ๋นหลิงส่ายหน้า “พี่ใหญ่ใกล้จะผ่าตัดให้พี่ใหญ่เสิ่นทัวเดี๋ยวนี้แล้ว ช่วงบ่ายข้าต้องอยู่ช่วยนาง ถ้าเจ้าว่างละก็ ออกไปทดลองขี่นอกเมืองเองแล้วกัน ให้เฟิ่งเหมียนตามเจ้าไปก็ได้”

ดวงตาของเสวียนจีทอประกายวาวโรจน์ ว่าแล้วก็พยักหน้ารับคำราวกับลูกไก่จิกข้าวทันที

นางไม่ได้ออกไปเล่นนอกเมืองมานานแล้ว จึงกลับไปยังหอซื่อฟางทันที บังคับดึงเฟิ่งเหมียนออกมา

คนหนึ่งขี่จักรยาน อีกคนหนึ่งขี่รถสามล้อ การทดลองขี่ก็เสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน

เมื่ออวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงหารือสรุปรายละเอียดการเปิดโรงหมอ และวางแผนจะรายงานต่อจักรพรรดิจาวเหรินเพื่อขอรับการสนับสนุนด้านทรัพยากร ก็พบว่าไปเสียเที่ยวโดยไม่คาดคิด

“ฝูกงกง เสด็จพ่อเล่า”

ฝูกงกงรีบทูล “เมื่อครู่ฝ่าบาทเสวยพระกระยาหารเที่ยงเสร็จก็เสด็จไปเดินย่อยอาหารในสวนหลวง บังเอิญพบราชครูเฟิ่งเหมียนกับแม่นางเสวียนจีขี่รถประเภทนั้นออกจากเมืองไปยังสำนักศึกษา ฝ่าบาททรงสนพระทัยยิ่งนัก จึงให้ราชครูเอาพระองค์ซ้อนท้ายไปด้วย ถือโอกาสเสด็จประพาสเป็นการส่วนพระองค์โดยไม่เปิดเผยตัวตน”

“เสด็จประพาสเป็นการส่วนพระองค์อีกแล้วหรือ” เซียวปี้เฉิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “เหตุใดสองวันนี้เสด็จพ่อจึงชอบออกไปนอกเมือง เมื่อสองวันก่อนก็ไปมาแล้วเที่ยวหนึ่ง”

นอกจากครั้งแรกแล้ว นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่จักรพรรดิจาวเหรินไปสำนักศึกษาในวันนี้ เขาไม่รู้สึกเหนื่อยที่เทียวไปเทียวมาบ้างหรือไร

ฝูกงกงถอนใจ “ก็แค่หลบหน้าหลี่กุ้ยเฟย หมู่นี้พอนางว่างก็มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทตลอดเลย ทั้งสองมักจะโกรธและทะเลาะกันอยู่เสมอ เวลาทะเลาะกัน พระสนมจะหยิบยกเรื่องรับกระบี่แทนจนแท้งลูกในปีนั้นมาพูด ฝ่าบาทมิอาจโต้เถียงได้ ก็ได้แต่หลบหน้าไปเท่านั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ