พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 660

เสื้อที่จักรพรรดิจาวเหรินสวมใส่นอกจากมีกลิ่นจ้าวเจียเท่านั้น ยังมีกลิ่นอ่อนของตำราหอมด้วยเล็กน้อย

ตำราหอมที่ว่าก็คืออีหรุดนั่นเอง

พืชอีหรุดมีกลิ่นฉุน ขับไล่แมลงได้ พวกบัณฑิตนิยมใช้อีหรุดเพื่อกันไม่ให้แมลงกัดแทะหนังสือ

หนังสือที่มีพืชอีหรุดหนีบใส่ เมื่อเปิดอ่านจะส่งกลิ่นหอมจาง ๆ จึงเรียกว่าตำราหอม กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้นักการอ่านโดยปริยาย

บัดนี้คนจำนวนมากชอบใช้เป็นกลิ่นน้ำหอมเสื้อผ้า ทว่ามีเพียงสตรีที่มีความละเอียดอ่อนกว่า มีการผสมดอกไม้ด้วย

แม่นางหลีรักการอ่าน ชอบใช้อีหรุดเป็นกลิ่นน้ำหอมเสื้อผ้า

นางเป็นคนพิถีพิถัน แม้จะยากจน ทว่าก็ชอบเก็บดอกไม้ป่ามาผสมกับอีหรุดมาติดกับเสื้อ

เสื้อผ้าใหม่ของบุตรชายย่อมต้องแต้มกลิ่นนี้อยู่แล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินจมูกไม่ได้ดีขนาดนั้น ไม่ได้กลิ่นอย่างอื่น เพียงหาวด้วยความเหนื่อยล้า

“ดึกแล้ว ข้าอยากเข้านอนเร็วๆ พรุ่งนี้ยังต้องประชุมเช้าอีก เจ้าก็รีบพักผ่อนเถิด”

เขาอายุปูนนี้แล้ว แต่วันนี้ต้องนั่งรถม้าถึงสามชั่วยาม ถือว่าหนักเอาการทีเดียว

เมื่อถึงวัยกลางคน การนอนหลับถือว่าทั่วไป ถ้าไม่ใช่วันที่กำหนดต้องเลือกป้ายชื่อพระสนมมาปรนนิบัติ จักรพรรดิจาวเหรินก็จะไม่นอนกับพระสนมในวังหลัง

พระสนมหลี่ถามว่าไม่ตายใจ “วันนี้ฝ่าบาทไปไหนมาแน่เพคะ?”

“ก็ข้าบอกแล้วไงว่าไปสำรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แล้วไปเยี่ยมหรงเอ๋อร์ที่สำนักศึกษาชิงอี้”

“เจอแค่องค์หญิงหกจริงๆเหรอเพคะ?”

องค์หญิงหกอายุยังน้อย ไม่ชอบใช้กลิ่นคุณภาพต่ำแบบนี้หรอก เมื่อก่อนองค์หญิงหกใช้กลิ่นดอกโบตั่นที่มีราคาสูงลิ่ว

จักรพรรดิจาวเหรินอยู่ในอาการเหนื่อยล้า เมื่อนางถามเยี่ยงนี้ก็หงุดหงิดใจ สูญเสียความอดทนทันที

“อันนี้ยังต้องถามอีกหรือ? ข้าไปสำรวจความเป็นอยู่ของประชาชน ย่อมต้องเจอหน้ามากหน้าหลายตาอยู่แล้ว”

เขาไม่อยากเอ่ยถึงแม่นางหลี ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด

แต่ถ้าอธิบายถึงที่มาของอาภรณ์ชุดนี้ เช่นนั้นก็เท่ากับเปิดเรื่องที่เขาหกล้มแล้วไปโดนขี้ไก่สิ?

“ฝ่าบาทผิดนัดก่อน หม่อมฉันแค่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่ฝ่าบาทกลับตำหนิหม่อมฉัน”

พระสนมหลี่โดนเบี้ยวนัดก็รู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว

บัดนี้ยังโดนดุอีก จึงรีบทิ้งเสื้อตัวนอกในมือทิ้งแล้วเดินออกไปด้วยความฉุนเฉียว

จักรพรรดิจาวเหรินชี้แผ่นหลังนางแล้วบ่นกระปอดกระปอดกับฝูกงกง “เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ ข้าพูดนิดหน่อยก็เริ่มชักสีหน้าใส่แล้ว”

ฝูกงกงหัวเราะคิกคัก ช่วยเขาถอดเสื้อ “พระสนมหลี่ก็เป็นคนแบบนี้มาหลายปีแล้ว พระองค์ก็รู้ดี และเป็นเพราะพระองค์ตามใจจนเคยตัวด้วยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินเตรียมอาบน้ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง “แต่อายุก็สี่สิบกว่าปีแล้ว จะทำตัวงอแงเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบไม่ได้แล้ว ข้าต้องเอาใจนางจนเกือบจะลมชักแล้ว”

เขาให้ท้ายพระสนมหลี่จนกลายเป็นนิสัยแบบนี้จริง ทว่าเขาไม่ชอบ

ฝูกงกงรีบคล้อยตาม ทว่าในใจกลับบ่นว่า

ถึงแม้จะเป็นเยี่ยงนี้ ทว่าทั่วทั้งวังหลังก็ไม่มีผู้ใดห่วงใยจักรพรรดิจาวเหรินเท่าพระสนมหลี่แล้ว

เหลียงเฟยอ่อนแอและชอบเก็บตัว ส่วนสนมลี่ผินสุขุมรอบคอบ ทว่าพวกนางสองคนล้วนใส่ใจลูกชายตัวเองเท่านั้น

พระสนมยศต่ำ ไร้บุตรที่เหลือล้วนอยากปลีกตัวออกห่าง

พวกนางอยู่ในพระราชวังมาหลายปี ชีวิตจืดชืดทำให้ไม่ตั้งความหวังไว้กับจักรพรรดิจาวเหรินแล้ว

เวลารวมตัวกันปลูกดอกไม้ และจับกลุ่มคุยกัน ทุกคนก็มักจะบ่นที่จักรพรรดิจาวเหรินพลิกป้ายชื่อตัวเอง บ่นว่าปรนนิบัติเขาแล้วยุ่งยาก

“พระที่นั่งบำรุงฤทัยมีนางกำนัลกับขันที ข้าอายุขนาดนี้แล้ว ฝ่าบาทยังให้ปรนนิบัติเขาอีก เวลาเขาอาบน้ำข้าต้องถูหลังจนมือเป็นระวิง”

“ตอนฝ่าบาทนอนก็กรนเสียงดังมาก ทำให้หลังคาบ้านแตกได้เลย ทุกครั้งที่ข้าต้องไปนอนกับฝ่าบาท ข้านอนไม่หลับทั้งคืน”

“อย่างพี่สาวยังน้อยไป ตอนที่ข้าถูกเรียกตัว ฝ่าบาทไม่ล้างเท้าก็ขึ้นเตียงนอนเลย”

“เห้อ! ยังไงก็สู้ตอนหนุ่มไม่ได้ ครั้งก่อนร่วมรักไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็จบแล้ว ข้ายังไม่หนำใจเลย”

“มีน้ำยาแค่นี้ แต่ปีหน้าฝ่าบาทยังต้องคัดเลือกพระสนมอีก...”

บรรดาพระสนมเหล่านี้ไม่ได้อิจฉาริษยา ทางกลับกันยังนึกสงสารสตรีที่ถูกคัดเลือกด้วย

ไม่รู้ว่าดรุณีน้อยคนใดจะซวยกันแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ