หลังจากที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ในวังก็ส่งรถม้ามารับหลี่เมิ่งเอ๋อร์เข้าไปในพระราชวัง
มองเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ พระราชวังที่มีกำแพงสีแดงกระเบื้องสีเขียว ในใจหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกต่อต้านอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผสมกับความไม่พอใจเล็กน้อย
ทุกครั้งที่เข้าวัง นางก็ไม่เคยเจอเรื่องดีงามเลย ราวกับสถานที่แห่งนี้ไม่ถูกกับนาง
อวิ๋นหลิงกับสามีไม่อยากเจอห่านหัวโตตัวนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะจะส่งผลกับอารมณ์ จึงจัดอีกฝ่ายให้อยู่ในวังที่ว่างเปล่าทันที และมอบหมายให้แม่นมผู้เฒ่าสองสามคนไปสอนมารยาทให้อีกฝ่าย
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้พบกัน แต่อวิ๋นหลิงก็ส่งคนไปจับตาดูหลี่เมิ่งเอ๋อร์ และติดตามทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
“ห่านหัวโตคงรู้จุดประสงค์ที่นางเข้าวังมาแล้ว ข้าคิดว่านางเป็นคนหยิ่งยโสจะไม่ยอมลงเอยเช่นนี้”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นก็จริง นางอาจมีแผนลับอะไรบางอย่าง ให้คนอื่นจับตาดูนางไว้จะดีกว่า”
อีกฝ่ายจะอยู่ในวังจนกว่าจะแต่งงานอย่างเป็นทางการ ใครจะล่วงรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จึงต้องเฝ้าระวังไว้
นางกำนัลที่ปรนนิบัติจะมารายงานสถานการณ์ที่ตำหนักบูรพาทุกคืน หลายวันนี้นางก็ทำตัวตามปกติ
“แม่นางหลี่ค่อนข้างเงียบ เป็นมิตรและเข้ากับพวกบ่าวได้ดี ไม่เอาแต่ใจและปรนนิบัติยากอย่างที่ข่าวลือพูดถึงเลย”
อวิ๋นหลิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “หรือว่าอยู่วัดหานซานสองเดือน จะบรรลุไปแล้วหรือ”
นางกำนัลครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “แต่พูดแล้วก็มีเรื่องชวนให้ปวดหัวอยู่เหมือนกัน นั่นคือแม่นางหลี่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร หากห้องครัวทำอาหารมันเยิ้มจะท้องไส้ปั่นป่วน”
หากมีปลาอยู่บนโต๊ะ หลี่เมิ่งเอ๋อร์จะไม่แตะเลย นางชอบมะเขือเทศรสหวานอมเปรี้ยวเหลือแสน
นั่นเป็นพันธุ์ที่อวิ๋นหลิงเคยปลูกและปรับปรุงพันธุ์มาก่อน ขอเพียงอากาศไม่ร้อนหรือหนาวเกินไปก็จะปลูกได้ตลอดทั้งปี
พระเจ้าหลวงชอบกินผลไม้สีแดงนี้ ทางห้องเครื่องหลวงจึงจ้างชาวบ้านมาปลูก ตอนนี้เป็นอาหารบนโต๊ะเสวยที่พบได้ทั่วไปในพระราชวัง
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็พึมพำว่า “คงจะไม่ใช่เพราะกินเจในวัดมากเกินไปกระมัง”
ฟังดูเป็นเรื่องปกติ แต่อวิ๋นหลิงมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ด้วยชาติกำเนิดของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ จะคุ้นเคยกับอาหารเจและข่มกลั้นอาหารหรูหราราคาแพงอันโอชะไปได้อย่างไร
“ยามปกตินางทำอะไร แล้วพูดคุยอะไรกับพวกเจ้าบ้าง”
นางกำนัลตอบอย่างพาซื่อ “โดยทั่วไปแล้วในวังจะฝึกบรรเลงพิณและงานเย็บปักถักร้อย แต่สองวันนี้แม่นางหลี่เอาแต่ถามถึงองค์ชายหก บอกว่านางไม่เก่งงานเย็บปักถักร้อย คิดจะหาโอกาสไปขอคำแนะนำกับองค์ชายหกสักหน่อย”
ได้ยินเช่นนี้ เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน เขาโบกมือให้นางกำนัลออกไป และกระซิบกับอวิ๋นหลิง
“ห่านตัวนี้ผิดปกติไปมาก นางเคยดูถูกน้องหกมาก่อน ตอนเข้าวังมาก็ไม่เล่นกับน้องหกเลย ซ้ำยังพูดจาเยาะเย้ยว่าเขาเป็นหนุ่มตุ้งติ้ง”
ดังคำกล่าวที่ว่าเรื่องผิดปกติจะต้องมีอะไรแปลกๆ แน่นอน
ทั้งคู่ขบคิดก็รู้สึกว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์สงบเสงี่ยมเจียมตัวนั้นดูเหลวไหล ราวกับกำลังวางแผนการครั้งใหญ่ไว้ ก็ให้คนจับตาดูอย่างใกล้ชิดมากขึ้นอย่างอดมิได้
ยามเย็นโพล้เพล้ เซียวปี้เฉิงฝึกพลังจิตในสวนหลวงตามปกติ
หากไม่มีงานอื่นมาประวิงเวลา เขาจะฝึกหอกทุกเช้า และนั่งสมาธิทุกคืน
บัดนี้ระยะการตรวจจับพลังจิตของเขาไปไกลมากขึ้น ตำหนักหลิวอวิ๋นที่หลี่เมิ่งเอ๋อร์พำนักอยู่ก็เกือบจะรวมอยู่ในนั้นด้วย
เขาลองปล่อยพลังจิตเข้าไปยังตำหนักหลิวอวิ๋น ตั้งใจจะฟังเรื่องซุบซิบหลังอาหารเย็นในยามราตรีจนติดเป็นนิสัย
แต่ทว่าการตรวจสอบนี้กลับทำให้เซียวปี้เฉิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาโพลง รีบกลับไปที่ตำหนัก
“หลิงเอ๋อร์ นอกจากตั้งครรภ์แล้ว จะสัมผัสถึงสัญญาณชีพสองชีวิตในร่างกายคนคนเดียวกันได้หรือไม่”
อวิ๋นหลิงกำลังดูสมุดบัญชีและนับเงิน ฟังแล้วก็ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ปกติไม่มีเรื่องเช่นนั้น เหตุใดจู่ๆ จึงถามเรื่องนี้ล่ะ”
เฉพาะคนตั้งครรภ์เท่านั้นที่ในร่างกายจะมีสัญญาณชีพหลายอย่าง หากตั้งครรภ์แฝดหลายคน ก็จะไม่ใช่แค่สองสัญญาณ
จู่ๆ สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็แปลกไป “...ข้าเพิ่งสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติในทิศทางของตำหนักหลิวอวิ๋น”
มุมปากของหลี่เมิ่งเอ๋อร์แข็งทื่อ สัญชาตญาณในใจรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางถือผ้าเช็ดหน้าไปถวายพระพร
“เมิ่งเอ๋อร์ถวายพระพรองค์รัชทายาทและพระชายา”
อวิ๋นหลิงเพ่งมอง เห็นว่าศีรษะของหลี่เมิ่งเอ๋อร์เริ่มล้านแล้วหลังจากไม่ได้เจอกันมานานกว่าสองเดือน
อาจเป็นเพราะอาหารการกินและที่พักในวัดไม่ดี นางจึงผ่ายผอมไปมากจนเกือบจะหมดเค้าความงาม แนวไรผมร่นเถิกขึ้นไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเซนติเมตร
นางมีคางแหลมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้โหนกแก้มยกขึ้นเล็กน้อย หน้าผากก็กลมเกลี้ยงหมดจด ชวนให้นึกถึงภูตงูในการ์ตูนเด็กที่เกิดจากน้ำเต้าโดยไม่มีสาเหตุ
แต่ตอนนี้หลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ได้ดูดีเหมือนภูตงู ใบหน้าน้อยซีดเหลือง ดูไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน
เห็นอวิ๋นหลิงมองประเมินนางอย่างอธิบายไม่ถูก หัวใจของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็เต้นกระหน่ำรัว
นางเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง ไม่มีความเย่อหยิ่งและความมั่นใจอย่างที่เคยมีเลย “ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ท่านทั้งสองก็มาเยี่ยมตำหนักหลิวอวิ๋น มีอะไรจะสั่งหรือเพคะ”
อวิ๋นหลิงได้สติกลับมา ใช้พลังจิตยืนยันให้แน่ใจอีกครั้งว่าคนที่ท้องคือหลี่เมิ่งเอ๋อร์จริงๆ
นางเผยอริมฝีปากแดงเบาๆ เอ่ยเนิบช้า “วันนี้นางกำนัลรายงานว่าหมู่นี้เจ้าไม่ค่อยอยากอาหาร กินอาหารของห้องเครื่องหลวงไม่ลงด้วยซ้ำ จึงพาหมอหลวงมาตรวจเจ้าเป็นพิเศษ”
ได้ยินคำว่า ‘หมอหลวง’ ใบหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์พลันซีดขาว
“ไม่...ไม่ต้อง ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉัน...หม่อมฉันแค่อยู่วัดหานซานนานเกินไป ยังปรับตัวไม่ชินกับอาหารในวังอยู่สักระยะหนึ่ง ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรอกเพคะ”
เซียวปี้เฉิงกลับใบหน้าหม่นทะมึน กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นถึงองค์หญิงที่เสด็จพ่อเลือกให้ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ก็ให้หมอหลวงตรวจวินิจฉัยสักหน่อย แล้วสั่งยารักษา!”
หมอหลวงรับคำสั่ง ก้าวขึ้นไปด้วยความเคารพ รอให้นางยื่นมือออกมา
ริมฝีปากของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ซีดเผือด อดก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ตกใจจนสองขาอ่อนยวบ
ขณะนี้ในใจนางเหลือเพียงความคิดเดียว จบแล้ว มันจบลงแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...