ท้องนภายามรัตติกาลมืดมิด แสงจันทร์สลัวราง
ในพระที่นั่งบำรุงฤทัยมีกลิ่นหอมลอยอ้อยอิ่ง บนโต๊ะวางเต้าหู้อัลมอนด์ที่ดูเนียนนุ่มและสวยงามราวกับหยกขาวอยู่ชามหนึ่ง
แต่จักรพรรดิจาวเหรินกัดเพียงไม่กี่คำแล้วผลักออกไปอย่างหมดความสนใจ
“ไม่อร่อยเท่าของแม่นางหลีทำเลย ให้คนยกออกไปเถอะ”
ฝูกงกงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “แต่ก่อนฝ่าบาทไม่ชอบขนมหวาน แล้วเหตุใดหมู่นี้จึงทรงจู้จี้จุกจิกกับของว่างของห้องเครื่องหลวง”
“เฮ้อ ผ่านช่วงเวลายากลำบากมาโชกโชน คนเราก็จะชอบของหวาน”
“…”
ฝูกงกงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง นี่คือคำพูดของพระเจ้าหลวง เขาคิดว่าจักรพรรดิจาวเหรินตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนเติบใหญ่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากตรากตรำเลยนี่นา
เขาเป็นคนสุดท้อง ตอนเกิดมานั้นพระเจ้าหลวงก็เป็นฮ่องเต้แล้ว
“กระหม่อมรู้สึกว่าช่วงนี้พระองค์ดูกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก”
ไม่ได้ไปว่าราชกิจช่วงเช้าด้วยซ้ำ วิ่งไปสำนักศึกษาชิงอี้ตลอดทั้งวัน ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาสละราชสมบัติแล้ว
จักรพรรดิจาวเหรินถอนพระทัย “นั่นมันอยู่นอกวัง แต่พอกลับเข้าวัง ข้าก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย”
การเมืองเป็นเรื่องรอง แต่เป็นเพราะเขาทนหลี่กุ้ยเฟยที่มาพัวพันไม่ได้จริงๆ นับวันจะยิ่งเจ้าอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ
อวิ๋นหลิงกล่าวว่านี่เรียกว่าวัยหมดประจำเดือนจะเกิดกับผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยนี้
แต่จักรพรรดิจาวเหรินไม่เห็นด้วย แม่นางหลีอายุน้อยกว่าหลี่กุ้ยเฟยเพียงสามปี เหตุใดนางจึงดูอ่อนโยนและเป็นกันเองได้เล่า
แม้ตัวเขาจะเป็นฮ่องเต้ แต่ครึ่งค่อนชีวิตนี้ก็มีความกังวล ความกลุ้มใจ และความเสียใจไม่น้อย
ในบรรดาผู้คนมากมาย แม่นางหลีเป็นคนเดียวที่ยินดีรับฟังอย่างอดทน ทั้งยังให้คำแนะนำและปลอบโยนเขาหลายครั้ง
เมื่ออยู่กับแม่นางหลี จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความอ่อนโยนและเงียบสงบ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสงบมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากกลับวัง ไม่อยากเผชิญหน้ากับหลี่กุ้ยเฟย
หลังจากให้คนเอาเต้าหู้อัลมอนด์ออกไป จักรพรรดิจาวเหรินก็อยากจะพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ไปสำนักศึกษาชิงอี้แต่เช้า
แต่เพิ่งจะถอดเสื้อตัวนอกออก นางกำนัลก็เข้ามารายงานว่าเฉียวเย่ที่รออยู่นอกตำหนักจะขอเข้าเฝ้า
จักรพรรดิจาวเหรินขมวดคิ้วพลางตรัสว่า “ให้เขาเข้ามา”
เฉียวเย่เป็นคนของตำหนักบูรพา จะไม่มาพบเขาเพียงลำพังเว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญ
หลังจากนางกำนัลพาเฉียวเย่เข้ามา เขาก็ไล่นางกำนัลออกไป แล้วกระซิบสองสามคำที่หน้าเตียงจักรพรรดิจาวเหรินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจ้าว่าอะไรนะ! เป็นเรื่องนี้จริงหรือ”
จักรพรรดิจาวเหรินตกพระทัยจนแทบจะกลิ้งตกเตียง เสียงอันดังลั่นก็ทะลุหลังคาไปเรียบร้อย
สีหน้าท่าทางของเฉียวเย่นั้นยากจะอธิบายเช่นกัน “ทั้งหมอหลวงและพระชายารัชทายาทได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ตั้งครรภ์ได้สองเดือน นอกจากนี้...รัชทายาทยังพบผงรัญจวนในตำหนักหลิวอวิ๋น และหลี่เมิ่งเอ๋อร์ยังมอบหมายให้นางกำนัลไปเชิญองค์ชายหกมาพบเป็นการส่วนตัวเพื่อขอคำแนะนำเรื่องเย็บปักถักร้อย”
เมื่อเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน คนฉลาดย่อมจะเดาได้ว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์กำลังวางแผนอะไรอยู่
จักรพรรดิจาวเหรินฟังแล้วกริ้วจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป
“เสนาบดีหลี่เจ้าเฒ่าคนนี้หมายจะหลอกใช้ข้าอย่างนั้นหรือ!”
เขามีน้ำโหจนเกือบจะขาดสติไป รู้สึกว่าด้วยอุปนิสัยของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ คงไม่กล้าทำสิ่งที่ใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้
เขานึกสงสัยว่าเสนาบดีขวาหลี่วางแผนอยู่เบื้องหลัง องค์หญิงเชื่อมสัมพันธ์อะไรนั่นก็เป็นแค่ข้ออ้าง พยายามจะหาโอกาสส่งลูกสาวตระกูลหลี่เข้ามาในพระราชวัง
เสนาบดีขวาหลี่หมายปองลูกชายหลายคนของเขา จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้เรื่องนี้ดี
แต่ไม่นึกว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์จะถูกกำหนดให้มีดวงกินลูกกินผัว กระนั้นเขายังไม่ยอมถอดใจ ตั้งเป้าไปที่องค์ชายหก
“ให้เจ้าเฒ่าคนนี้เข้าวังมาทั้งกลางคืนเดี๋ยวนี้!”
จักรพรรดิจาวเหรินทรงพระพิโรธ ข่มกลั้นความวู่วามที่จะพลิกโต๊ะระบายความเดือดดาล รีบสวมเสื้อคลุมไปตำหนักหลิวอวิ๋นทันที
ในตำหนักหลิวอวิ๋นเกิดความชุลมุนวุ่นวาย หลี่เมิ่งเอ๋อร์นั่งอยู่กับพื้น ร่ำไห้คร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
เซียวปี้เฉิงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าบึ้งตึงราวกับเทพชั่วร้าย
หลังจากองค์ชายหกรู้ตัวว่าหวิดจะกลายเป็นเนื้อเข้าปากเสือ ก็อดเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยไม่ได้
แต่ทว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ถูกพาตัวไปแล้ว ตำหนักหลิวอวิ๋นถูกค้นหาทุกซอกทุกมุมก็หลงเหลือไว้แต่ร่องรอยความยุ่งเหยิง ขวดผงรัญจวนยังคงถูกวางค้างอยู่บนโต๊ะ
ใบหน้ารูปงามขององค์ชายหกซีดเล็กน้อย พูดอย่างหวาดผวาไม่หายว่า “เดชะบุญที่พี่สามกับอาซ้อสามจับสังเกตได้ไว ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต”
เซียวปี้เฉิงตบไหล่น้องชายคนเล็ก สีหน้าอันลุ่มลึกเผยความเจนโลกอยู่หลายส่วน
“ในฐานะพี่ชาย ปกป้องความบริสุทธิ์ของเจ้าก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ดี เจ้ากับอวี้จือจะต้องไม่ทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมเป็นอันขาด”
“…”
องค์ชายหกนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง นึกถึงประสบการณ์ของพี่ชายทั้งสาม อดมองย้อนกลับไปด้วยสายตาซาบซึ้งระคนเห็นอกเห็นใจไม่ได้
อาซ้อสามพูดถูก ผู้ชายอยู่ข้างนอกควรระวังตัวเอง
คืนนี้อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงสำลักแตงลูกใหญ่จนนอนไม่หลับ
“หลี่เมิ่งเอ๋อร์เป็นองค์หญิงไปเชื่อมสัมพันธไมตรีไม่ได้แล้ว นางมีสภาพเช่นนี้ คงต้องแต่งงานกับคนไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างจางอวี้ซูเท่านั้น”
เซียวปี้เฉิงแค่นหัวเราะหยัน “ผีเน่าก็คู่ควรกับโลงผุ ทุกอย่างเป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง”
ไม่ทำร้ายองค์ชายหกก็ดีแล้ว ถ้านางทำสำเร็จ ก็จะเป็นตัวซวยมีดวงกินลูกกินผัว แต่ไม่ถึงขั้นทำลายราชวงศ์แคว้นต้าโจวให้ล่มสลายได้
เช้าวันรุ่งขึ้นจักรพรรดิจาวเหรินมีพระบัญชาอย่างที่คาดไว้ ให้ตระกูลหลี่ไปรับหลี่เมิ่งเอ๋อร์ทันที
ตอนประชุมราชกิจช่วงเช้า เสนาบดีขวาหลี่กับอาลักษณ์กรมพิธีการต่างก็บอกว่าล้มป่วยมาไม่ได้
ว่ากันว่าเมื่อคืนนี้ที่ห้องตำรา ตาเฒ่าสองคนวิวาทะกันต่อหน้าจักรพรรดิจาวเหริน
อาลักษณ์กรมพิธีการใช้ไม้ตายเอาหัวโขกเสา แล้วไปชนเสนาบดีขวาหลี่จนฟันหลุดไปสองซี่ เลือดกบปาก ฟันกรามหลุด
อาลักษณ์กรมพิธีการไม่ได้ทำเอาใจใครแน่นอน อย่างไรเสียครั้งนี้ก็ไม่ใช่แค่ทำไปอย่างนั้น แต่เป็นการปะทะชนของจริง
ดังนั้นสมองเขาจึงถูกกระทบกระเทือนเล็กน้อย แต่แสร้งทำเป็นลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...