พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 668

อวิ๋นหลิงเคยคิดว่าตาเฒ่าสองคนนี้เป็นเพียงตัวป่วน

ต่อมาหลังจากพวกเขาแตกหักกัน มักจะหักหน้ากันในที่ประชุมบ่อยครั้ง นางกับเซียวปี้เฉิงก็ชมอย่างสนุกสนานอยู่ข้างๆ

ตอนนี้ความตื่นเต้นหมดไป ความสนุกในการประชุมราชกิจก็หายไป น่าเบื่อเหลือแสน

หลังจากเลิกประชุม อวิ๋นหลิงเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ฝูกงกง เมื่อคืนตาเฒ่าสองคนนั่นทะเลาะอะไรกัน”

ห้องตำราอยู่ห่างจากตำหนักบูรพาเกินไป จึงไม่ได้อยู่ในรัศมีที่พลังจิตจะดักฟังได้

“ถกเถียงกันว่าคุณชายตระกูลจางฉวยโอกาสข่มเหง หรือว่าคุณหนูตระกูลหลี่ล่อลวงเขาก่อนกันแน่ เถียงๆ กันอยู่ก็เริ่มถ่มน้ำลายใส่กัน เกือบจะกระเด็นไปโดนพระพักตร์ฝ่าบาท”

“จากนั้นพวกเขาก็เริ่มวิวาทะกัน เช้านี้นางกำนัลยังกวาดเจอฟันทองคำสองซี่ออกมาจากใต้โต๊ะด้วยซ้ำ”

“แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่ชายโฉดหญิงชั่วกระทำในวัดเช่นนี้ ฝ่าบาทจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ”

ชาวแคว้นต้าโจวค่อนข้างเลื่อมใสในพุทธศาสนา ราชวงศ์จะไปสักการะและสวดมนต์ขอพรที่วัดหานซานทุกปี ถึงขั้นจุดตะเกียงฉางหมิงบูชาราชวงศ์ผู้ล่วงลับจำนวนมากที่ประดิษฐานอยู่ ณ ที่นั่น

จักรพรรดิจาวเหรินไม่มีหน้าจะเอ่ยปากบอกไต้ซือเจ้าอาวาสวัดหานซานว่าเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น

เขาโมโหจนแทบอยากจะตัดหัวจางอวี้ซู แล้วส่งหลี่เมิ่งเอ๋อร์ไปเข้าวัดตัดผมบวชเป็นนางชีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

แต่ขบคิดดูแล้วก็ข่มกลั้นไว้ การลงทัณฑ์เช่นนั้นจะทำให้พวกเขาสบายเกินไป

ฝูกงกงกระซิบต่อ “ฝ่าบาทหมายความว่าจะให้ทั้งสองแต่งงานกันทันที แต่เขาจะไม่ปิดบังเรื่องมีดวงกินลูกกินผัวของหลี่เมิ่งเอ๋อร์กับตระกูลจาง”

เจ้าตัวดีต้องเจอไม้นี้สักหน่อย

เซียวปี้เฉิงเดาะลิ้นพลางถอนใจ “ดูท่าคราวนี้เสด็จพ่อจะโกรธจัด ไม่เคยเห็นเขาเล่นงานใครเจ็บแสบเช่นนี้มาก่อน”

ทั้งสองตระกูลเคยกระทบกระทั่งกันมาก่อน แต่บัดนี้บาดหมางกันจนกลายเป็นศัตรูโดยสิ้นเชิง

แต่พวกเขาต้องแต่งงานเกี่ยวดองกัน นี่คือจังหวะที่ทำให้เสนาบดีขวาหลี่กับอาลักษณ์กรมพิธีการที่รักกันฆ่ากันจะถูกฝังไปด้วยกันเสียเลย

เซียวปี้เฉิงใจลอยไปครู่หนึ่ง

กาลครั้งหนึ่ง ตาเฒ่าสองคนนี้เคยสวมกางเกงตัวเดียวกัน มีศึกนอกศึกในให้พวกเขาป้องกันอยู่ไม่น้อย

วันนี้มาถึงแล้วจริงๆ เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้โดยแท้

ในไม่ช้า พระราชโองการประทานสมรสก็ถ่ายทอดลงมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

จักรพรรดิจาวเหรินยังไม่คลายโทสะ ถึงขั้นไม่สนว่าจางอวี้ซูยังอยู่ในคุก จะให้เขาออกจากคุกมาแต่งงานทันที เสร็จเรื่องแล้วค่อยกลับไปรับโทษเต็มเวลาที่ศาลต้าหลี่

เมืองหลวงนั้นร่มเย็นสงบสุข แต่ตระกูลขุนนางทั้งสองกลับตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล

คืนที่เหน็บหนาว จางอวี้ซูยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในกองหญ้าของห้องขัง ผู้คุมบุกเข้าไปในห้องขังโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วโยนเขาขึ้นไปบนรถม้าอย่างไม่ปรานีปราศรัย

ใบหน้าจางอวี้ซูเต็มไปด้วยคำถาม แล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงง “เกิดอะไรขึ้น หรือว่าข้าความประพฤติดี เลยได้รับการลดหย่อนโทษปล่อยตัวจากคุกก่อนกำหนด”

“เป็นพระเมตตาของเบื้องบน ได้ยินว่าฤกษ์แต่งงานของเจ้ากับคุณหนูตระกูลหลี่จะมาถึงเร็วๆ นี้ ให้เจ้าแต่งงานเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาเข้าคุกอีก!”

ท่ามกลางลมหนาวในคืนฤดูสารท จางอวี้ซูสั่นสะท้านอย่างแรง ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่สิ่งที่รอต้อนรับเขากลับจวนก็คือกฎบ้านที่ต้องโบยสามสิบไม้

“ลูกเอ๋ย! ไยเจ้าเลอะเลือนถึงเพียงนี้!” ฮูหยินจางร้องไห้เหมือนหัวใจแหลกสลาย “ห่านตัวนั้นมีอะไรดีนัก ไฉนเจ้าถึงหลงหัวปักหัวปำไปได้”

ในตระกูลหลี่ไม่มีใครดีสักคน นางหญิงแพศยานั่นก็ทำให้เจ้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไม่เพียงตระกูลจางที่ได้รับผลกระทบ แม้กระทั่งลูกชายก็ถูกทำลายจนแทบไม่เหลืออนาคต

จางอวี้ซูถูกเฆี่ยนโบยส่งเสียงร้องโหยหวน ในที่สุดก็รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว จึงตกใจจนหน้าถอดสีอย่างอดมิได้ ท่ามกลางความเดือดดาลและเสียงร้องไห้ของผู้อาวุโส

พ่อแม่ของหลี่เมิ่งเอ๋อร์นั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

แม้ว่าลูกสาวจะเป็นของพวกเขา แต่นายท่านเสนาบดีก็ดูแลตระกูลมาตลอดหลายปีนี้ และเขาเป็นผู้ที่จัดการเรื่องทั้งหมด

ในฐานะคนรุ่นเยาว์ จึงไม่ค่อยมีสิทธิ์มีเสียงอะไร

เสนาบดีขวาหลี่โกรธจนเกือบหัวใจวาย เขานั่งเก้าอี้เป็นอัมพาตครึ่งตัว ฟันหน้าหายไปสองซี่จึงพูดไม่ชัด

“เจ้านางเด็กไร้ยางอาย นางห่านตัวเมียที่อาศัยอยู่ในตระกูล นับจากนี้ไป ข้าจะตัดญาติไม่ข้องเกี่ยวกับเจ้า!”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์เช็ดน้ำตา มองเขาด้วยความโศกเศร้าระคนโกรธเกรี้ยว แผดคำรามประหนึ่งขวดแตก

“ถ้าท่านปู่ไม่บังคับข้า แล้วข้าจะผ่านทางตันนี้ไปได้อย่างไร”

“ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าเชื่อฟังคำของท่านปู่มากที่สุด ไม่ว่าท่านต้องการอะไร ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเอาใจ เป็นตัวอย่างให้กับลูกสาวในตระกูล ท่านเอาแต่พูดว่าข้าเป็นหลานสาวที่น่าภูมิใจที่สุด แต่ด้วยคำทำนายประโยคเดียวของราชครูเฟิ่งเหมียน ข้าก็เหมือนถูกท่านตัดสินประหารชีวิต!”

“โยนข้าไปทนทุกข์ที่วัดหานซาน ไม่เพียงไม่สนใจไยดีข้า หนำซ้ำยังคิดจะส่งข้าไปแต่งงานกับชาวทูเจวีย ในใต้หล้านี้ยังมีปู่คนไหนที่หน้าซื่อใจคดและเห็นแก่ตัวเยี่ยงท่าน ทำกับหลานสาวไม่ต่างจากเนื้อหมูบนเขียง!”

“มิน่าพี่สาวที่นิสัยว่านอนสอนง่าย ยังต้องปิดบังครอบครัวไปสมัครสอบที่สำนักศึกษาชิงอี้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ข้าโง่เกินไป ตอนนี้เพิ่งได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่าน!”

ถึงเวลานี้ ในที่สุดหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็เข้าใจสภาพจิตใจในตอนนั้นของหลี่เมิ่งชู และเสียใจยิ่งนัก

แต่นางเพิ่งตาสว่างก็สายไปเสียแล้ว บัดนี้ไม่มีทางหันหลังกลับไปได้อีก

หลี่หยวนเส้าฟังถึงตรงนี้ สีหน้าก็ซับซ้อน แต่ยังเงียบอยู่นาน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เสนาบดีขวาหลี่ไม่เคยถูกคนรุ่นเยาว์ชี้หน้าด่าต่อหน้าสาธารณชน ใบหน้าเหี่ยวย่นแดงก่ำกะทันหัน

เขาตวาดด้วยความขึ้งโกรธ “ออกไป! ไสหัวออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ