สุดท้ายหลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็แต่งงานกับจางอวี้ซู
งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างฉุกละหุก ใช้เวลาทั้งหมดเพียงสามวันตั้งแต่เตรียมงานจนถึงวันแต่งงาน
ตระกูลหลี่ย่อมไม่ได้เตรียมสินเดิมให้นางในฐานะบุตรีสายตรง มีเพียงหีบผ้าและเครื่องประดับธรรมดาสองสามหีบ รวมๆ แล้วไม่ถึงสองพันตำลึงด้วยซ้ำ
มีเพียงฮูหยินหลี่ในฐานะมารดาที่รู้สึกปวดใจกับการสูญเสียเลือดเนื้อในอก จึงลอบยัดเงินส่วนตัวห้าพันตำลึงให้โดยไม่บอกเสนาบดีขวาหลี่
หลี่หยวนเส้าโกรธก็ส่วนโกรธ หลังจากผิดหวังช้ำใจ ก็ยังไม่วายเพิ่มเงินเก็บไปให้อีกสองพันตำลึงอย่างเงียบๆ
ไม่ต้องพูดถึงตระกูลจาง ตอนจะส่งของหมั้นหมาย ก็ยกผ้าห่มรับไหว้มาสองสามหีบ ทำพิธีอย่างขอไปที
นี่เป็นพิธีแต่งงานที่ไม่มีใครเห็นดีเห็นงามหรืออยากอวยพร
ในคืนวันแต่งงานของทั้งสอง บังเอิญตงชิงกลับวังก็ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ด้วยตาของนางเอง
นางพูดกับอวิ๋นหลิง “เกี้ยวของหลี่เมิ่งเอ๋อร์เพิ่งยกเข้าไป ตระกูลจางก็แสดงอำนาจข่มนาง จูงสุนัขตัวผู้มาให้นางทำพิธีคารวะฟ้าดิน รอบด้านไม่มีแขกเหรื่ออยู่เลย”
“แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“โถ หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ นางเข้าไปก็เตะสุนัขเปิง สุนัขตกใจกลัวจึงวิ่งหนีหางจุกตูดออกจากจวนไปแทบไม่หัน หวิดจะชนรถม้าของบ่าวที่จะกลับเข้าวัง!”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่สุนัขจะเอาชนะห่านไม่ได้
ตงชิงที่ถูกสุนัขชน ในใจก็ปะทุเพลิงโทสะทันที แต่เป็นเพียงไฟที่อยากจะซุบซิบนินทา
นางให้เหรียญทองแดงกับบ่าวไพร่จวนตระกูลจาง ไม่นานก็สอบถามจนรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว
ให้หลี่เมิ่งเอ๋อร์คารวะฟ้าดินกับสุนัข ประการแรกเพื่อลบหลู่นาง ประการที่สองเป็นเพราะจางอวี้ซูถูกโบยบาดเจ็บมาทำพิธีไม่ได้
เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้วก็กระซิบกับอวิ๋นหลิง “ถึงตอนนี้ห่านหัวโตจะไม่มีตระกูลหลี่คอยหนุนหลังอีก แต่นางแต่งเข้าจวนตระกูลจาง ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ถึงขั้นเสียเปรียบเกินไป”
ฉายาอันธพาลน้อยแห่งสำนักศึกษาเป่ยลู่ก็ไม่ใช่ย่อยๆ
ลำพังแค่นางกล้ามีความสัมพันธ์ลับๆ กับจางอวี้ซูจนตั้งท้อง ซ้ำวางแผนจะรวบหัวรวบหางองค์ชายหก ก็รู้ได้ว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนดี
ควรรู้ไว้ว่าจางอวี้ซูเป็นคนไม่เอาไหน แต่ตอนที่หลี่เมิ่งเอ๋อร์อยู่ในสำนักศึกษา ก็โดดเด่นทั้งการเขียนพู่กัน ขี่ม้า และยิงธนู
ช่วงนี้ตงชิงเดินทางไปกลับวังหลวงตลอด จึงรับบทเป็นสายลับ เอาข่าวลือใหม่ๆ เยอะแยะกลับมาทุกครั้ง
ว่ากันว่าในคืนวันแต่งงานนั้นตระกูลจางวุ่นวายไปหมดอย่างที่คิดจริงๆ หลี่เมิ่งเอ๋อร์เลิกผ้าคลุมหน้าก็ด่าสาดเสียเทเสียอยู่ในเรือน ด่ากราดตั้งแต่จางอวี้ซูไปจนถึงอาลักษณ์กรมพิธีการ ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับนางเลยสักคนเดียว
นางกลัวจักรพรรดิจาวเหรินกับรัชทายาทและชายา แต่ไม่เคยกลัวตระกูลจางเลย
หลายปีมานี้ ในสายตาของคนตระกูลหลี่ ตระกูลจางเป็นเพียงสุนัขรับใช้ประจบสอพลอ
แม้ว่าบัดนี้หลี่เมิ่งเอ๋อร์จะตกต่ำ แต่ก็ไม่ได้เลิกดูแคลนยังคงวางตัวหยิ่งยโสกับตระกูลจาง
หลังจากอวิ๋นหลิงทราบข่าวพวกนี้ ก็ต้องถอนหายใจว่าห่านหัวโตมีพลังต่อกรล้ำเลิศ
ตงชิงกล่าวต่อ “จางอวี้ซูเพิ่งแต่งงานเสร็จหยกๆ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ถูกศาลต้าหลี่พากลับไป เขายังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนเศษๆ กว่าจะได้ปล่อยตัวหลังรับโทษ พักนี้ฮูหยินจางก็ปะทะคารมกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์อย่างดุเดือด”
“บ่าวเคยเห็นแต่เจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ วันรุ่งขึ้นสามีจะออกไปรบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้าบ่าวเข้าคุกในวันรุ่งขึ้น ต้องบอกเลยว่าราชครูเฟิ่งเหมียนร้ายกาจจริงๆ หลี่เมิ่งเอ๋อร์เพิ่งแต่งเข้าเรือนก็เริ่มมีดวงกินลูกกินผัวเสียแล้ว”
บัดนี้หลี่เมิ่งเอ๋อร์สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว การกระทำและคำพูดก็ออกจะเพี้ยนๆ ไปด้วย
ฮูหยินจางแทบอยากจะบีบคอนางให้ตายคามือ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้สมรสพระราชทาน มีลูกอยู่ในท้อง จึงไม่กล้าทำอะไรนางโจ่งแจ้ง
ในใจแค่นหัวเราะหยันด้วยความกรุ่นโกรธ จึงปล่อยให้นางคลุ้มคลั่งไปพักหนึ่ง ไว้รอคลอดลูกแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก
“ท่าน ท่านใจร้ายมาก ไยถึงโกหกบ่าวว่าลู่ฉีมีญาติผู้น้อง! ทำเอาบ่าวอกสั่นขวัญแขวนอยู่หลายวันเลย!”
บ้านของตระกูลลู่เก็บกวาดจวนจะเรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้านี้ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลลู่ก็ถูกรับเข้าเมืองหลวงมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับลู่ฉี
ตงชิงตื่นเต้นจนไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อคืนนี้ ตื่นแต่เช้ามาแต่งหน้าทาคิ้ว กลัวจะน้อยหน้าแม่นางจีผู้นั้น
นางเชิดหน้าขึ้นอกผ่ายไหลผึ่ง แสร้งทำเป็นสุขุมนุ่มลึกจะไปประชันกับอีกฝ่าย
กระทั่งได้พบท่านแม่ลู่จึงรู้ว่าแม่นางจีที่ไหนกันเล่า มีเพียงไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ที่สวมชุดแดง!
ท่านพ่อลู่เป็นชายร่างผอม เผยให้เห็นความสุภาพอ่อนโยน แต่ท่านแม่ลู่แขนใหญ่เอวหนา คิ้วดกตาโต ละม้ายคล้ายคลึงกับลู่ฉี
ทันทีที่นางเห็นตงชิง ก็ปลื้มปีติจนควบคุมตัวเองมิได้
“เจ้าก็คือแม่นางตงชิงที่เขียนถึงในจดหมายของลูกฉีใช่หรือไม่”
“สมแล้วที่เป็นคนทำงานข้างกายพระชายารัชทายาท อายุยังน้อยก็เป็นถึงนางข้าหลวงของตำหนักบูรพา รูปโฉมโนมพรรณก็โดดเด่น ลูกฉีของข้าโชคดีจริงๆ ที่ได้พบแม่นางแสนดีงามเช่นนี้มาเป็นลูกสะใภ้!”
กล่าวจบก็หยิบของที่ระลึกมากมายกับกำไลมรดกตกทอดให้กับตงชิงทันที สื่อว่ายอมรับนางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลลู่
“การอธิษฐานต่อหน้าพระโพธิสัตว์ทั้งวันทั้งคืนนั้นไม่เสียเปล่า ไม่เช่นนั้นก็จะให้ลูกฉีที่ไม่เป็นโล้เป็นพายคนนี้กราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้”
“อาชิง ช่วยส่งไก่ตัวใหญ่ตัวนี้ไปให้รัชทายาทกับพระชายาแทนพวกเราสองคนทีเถิด เป็นการขอบคุณที่ช่วยลูกฉีได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา!”
ตงชิงตะลึงจนตาลายไปพักใหญ่ พอได้สติกลับมาก็รู้ตัว่าถูกอวิ๋นหลิงหลอกเข้าให้แล้ว
นางกับลู่ฉีพูดคนละเรื่องเดียวกันมาหลายวันแล้ว ยังคิดว่าอีกฝ่ายขัดการคลุมถุงชนเพื่อตัวนาง ก็รู้สึกตื้นตันใจเหลือแสน
ที่แท้เจ้าเด็กลู่ฉีนั่นไม่อยากแต่งงานกับไก่นี่เอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...