เด็กเป็นหวัดก็เริ่มขย้อนนม พอดื่มนมอุ่นๆ ที่ห้องเครื่องหลวงยกมาก็บ้วนออกสองครั้ง เติมน้ำตาลทรายขาวลงไปก็ไม่ได้ผล
ยามปกติฮั่วถวนเอ๋อร์จะกินเยอะมาก แต่ตอนนี้กลับบ่นว่าหิว ทั้งสองสามีภรรยาจึงรีบสั่งให้นางกำนัลยกผักบดกับโจ๊กข้าวฟ่างมาให้
“กลิ่นแปลกๆ กลิ่นแปลกๆ!”
นี่คือของที่ปกติฮั่วถวนเอ๋อร์ชอบกิน แต่ตอนนี้ยากจะกลืนลงคอ ตักเข้าปากไปสองคำ ก็เอามือน้อยๆ ผลักช้อนออก
“ผักบดขมจัง! โจ๊กก็รสชาติแปลกๆ!”
ฮั่วถวนเอ๋อร์หิวจนร้องไห้แงๆ เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้วก็เครียด หัวใจหดเกร็งด้วยความเจ็บปวด
นี่ไม่ได้หมายความว่าอาหารมีรสชาติแปลก แต่เห็นชัดว่าฮั่วถวนเอ๋อร์ป่วย กินอะไรก็ไม่ถูกปาก
เขาเอาแต่ร้องไห้ เริ่มขย้อนนมอีก ในตำหนักบูรพาเกิดความชุลมุนวุ่นวายราวกับสนามรบไปพักหนึ่ง
เสื้อผ้าของอวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงเปื้อนนมและโจ๊ก ดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
“ฮือๆๆ..หิวๆ!”
“หลิงเอ๋อร์ ถวนถวนไม่สบาย พอมีวิธีใดจะทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นบ้างหรือไม่”
ตอนนี้เซียวปี้เฉิงทำอะไรไม่ถูกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ให้เขานำทหารนับพันไปออกศึกกับชาวทูเจวียนับหมื่น ก็ยังไม่ตื่นตระหนกขนาดนี้
ที่ผ่านมาถ้าเขาป่วย หากทนได้ก็จะหายไปเอง แต่ฮั่วถวนเอ๋อร์ทำเช่นเดิมไม่ได้แล้ว!
“ตามหลักเขากินยาไปแล้ว ควรรอให้เขางีบหลับสักตื่นก็จะหายเอง”
อวิ๋นหลิงดูสงบ แต่ฝ่ามือกลับเหงื่อออกอย่างตกประหม่า เพิ่งพูดจบก็ชั่งใจแล้วพูดต่อ “ไม่เช่นนั้นก็ฉีดยาให้เขาสักสองสามเข็ม หรือไม่ก็ให้กลิ่นสลายวิญญาณเพื่องีบหลับ?”
เซียวปี้เฉิงรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ เด็กยังเล็กหากฉีดผิดพลาดจะทำอย่างไร...อีกอย่างต่อให้เผลอหลับไป เขาก็ยังหิวอยู่ดี”
อันที่จริงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฮั่วถวนเอ๋อร์ตัวน้อย อวิ๋นหลิงก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
นี่ทำให้นางเครียดยิ่งกว่าศึกษาไวรัสจากต่างดาวเสียอีก
ขณะที่ทั้งสองสามีภรรยาปวดเศียรเวียนเกล้า ซวงหลีก็เข้ามารายงานข่าว
“ท่านทั้งสอง หลี่กุ้ยเฟยมาเพคะ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้กำชับบ่าวไพร่ว่าต้องทำอย่างไร องครักษ์ด้านนอกจึงไม่ได้ขัดขวาง”
ปกติแล้วจะมีคนเข้าออกตำหนักบูรพาขวักไขว่ รวมทั้งขุนนาง นางสนมและองค์ชาย
ทั้งคู่ทำใบรายการอธิบายว่าใครเข้าพบได้ทันที ใครมาแล้วต้องรอรายงาน ใครมาแล้วไม่ให้เข้าพบ ทั้งหมดนี้แจกแจงไว้แล้ว
แต่หลี่กุ้ยเฟยไม่ได้อยู่ในกลุ่มใด เพราะนับตั้งแต่นางป่าวประกาศว่าเซียวปี้เฉิงได้ช่วยชีวิตองค์หญิงเก้า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เริ่มตึงเครียด และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
หลังจากขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่กุ้ยเฟยมาเยือนตำหนักบูรพา
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็รู้ว่าเหตุใดหลี่กุ้ยเฟยจึงมาที่นี่ แต่ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ
มีเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล เขาเงยหน้าขึ้นเห็นหลี่กุ้ยเฟยมาถึงหน้าประตูตำหนักแล้ว แม่นมเหอเยว่ก็ถือกล่องไม้อยู่ข้างๆ
สีหน้าของเซียวปี้เฉิงยังคงไม่แปรเปลี่ยน เกลี้ยกล่อมให้นางออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เสด็จแม่ ตำหนักสกปรกและยุ่งเหยิง ตอนนี้ข้ากับหลิงเอ๋อร์ไม่สะดวกต้อนรับ ท่านค่อยมาวันหลังเถิด”
“ข้าได้ยินว่าเด็กไม่สบายจึงตั้งใจมาเยี่ยม”
นี่เป็นข้ออ้างของหลี่กุ้ยเฟยแน่นอน แต่นางไม่นึกว่าเหตุการณ์ในตำหนักจะย่ำแย่ถึงเพียงนี้
กลิ่นคาวนมผสมกับกลิ่นโจ๊กผักฉุนเข้าจมูกนาง หลี่กุ้ยเฟยอดขมวดคิ้วไม่ได้
ระหว่างที่คิดจะเปลี่ยนวันมา ก็กวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ข้างหลังสองสามีภรรยาคู่นี้
“ฮือๆ...ข้าหิว...”
ฮั่วถวนเอ๋อร์เปลี่ยนจากสะอื้นไห้เป็นร้องโยเย ร่างน้อยๆ รู้สึกไม่สบายตัวและหิวจนทนไม่ไหว
เด็กคนนี้ร้องไห้เก่งตั้งแต่ยังเล็ก ทันใดนั้นเสียงปีศาจก็ดังก้องหูอีกครั้ง ชวนให้ตื่นตระหนก
อวิ๋นหลิงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนแล้วตบเบาๆ พลางกล่อมไปด้วย แทบอยากจะคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กน้อยคนนี้
หลี่กุ้ยเฟยที่อยู่ตรงหน้าประตูพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พวกเจ้าอุ้มเด็กเช่นนี้ได้อย่างไร อุ้มเช่นนี้จะไม่อาเจียนได้หรือ”
ด้วยฝีมือนวดของหลี่กุ้ยเฟย ในไม่ช้าฮั่วถวนเอ๋อร์ก็หยุดอาเจียน เสียงร้องไห้ก็เบาลง
“ไม่คิดว่าเสด็จแม่จะรู้วิธีนวดเด็กเล็กๆ เช่นนี้ด้วย” อวิ๋นหลิงกล่าวคำชมที่หาได้ยากกับหลี่กุ้ยเฟยด้วยความซาบซึ้งใจ
แม้ว่านางจะรู้วิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศกว่าในยุคสมัยนี้ แต่ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงดูลูก นางไม่รู้จริงๆ ว่ามีวิธีเช่นนี้อยู่ด้วย
แม่นมเหอเยว่ขัดจังหวะได้อย่างเหมาะสม “พระสนมกุ้ยเฟยก็ดูแลลูกทั้งสองด้วยองค์เอง ถึงในวังจะไม่ขาดคน แต่ยามดูแลรัชทายาทกับเยียนอ๋องนั้นพระสนมจะไม่พึ่งผู้อื่นเลย”
หลี่กุ้ยเฟยแทบจะทวงบุญคุณในการเลี้ยงดูอย่างโจ่งแจ้ง แต่ตอนที่นางเลี้ยงดูรัชทายาทก็มีเจตนาอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่กุ้ยเฟยรักลูกมาก สมัยสองพี่น้องยังเด็กฉี่รดที่นอน นางก็เปลี่ยนผ้าอ้อมด้วยมือของนางเองด้วยซ้ำ
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็รู้สึกสับสนไปครู่หนึ่ง
ฮั่วถวนเอ๋อร์หยุดร้องไห้ชั่วคราว หลี่กุ้ยเฟยบอกให้ทั้งสองสามีภรรยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกออกด้วยสีหน้าขึงขัง
เมื่ออวิ๋นหลิงเปลี่ยนอาภรณ์ที่สะอาดออกมา นางกำนัลก็เก็บกวาดในตำหนักจนสะอาดสะอ้านแล้ว ส่วนฮั่วถวนเอ๋อร์ก็ผล็อยหลับไปอยู่ในรถม้าไม้คันเล็กไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
หลี่กุ้ยเฟยมองเด็กอย่างใจลอย ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
อวิ๋นหลิงกำลังจะเอ่ยกล่าวขอบคุณ ก็ได้ยินซวงหลีเข้ามารายงานอีก
“พระชายารัชทายาท ฝ่าบาทเสด็จ!”
แทบจะทันทีที่นางพูดจบ จักรพรรดิจาวเหรินก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เจ้ามาหาเจ้าสามกับภรรยาก็ไร้ประโยชน์ ข้าจะไม่ถอนพระราชโองการคืน!”
เยียนอ๋องกำชับนางกำนัลไว้ ถ้าหลี่กุ้ยเฟยไปตำหนักบูรพาเมื่อใดก็ให้แจ้งห้องตำราทราบทันที
เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินมาถึงก็เห็นหลี่กุ้ยเฟยนั่งอยู่ที่นี่แล้ว จึงปฏิเสธความคิดของนางโดยไม่ต้องคิด
“ถ้าเจ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว เสนาบดีขวาหลี่ก็จะพักฟื้นได้อย่างราบรื่นและพักงานไปจนถึงอายุเจ็ดสิบ ถ้ายังทำตัวไร้เหตุผลเหมือนเมื่อก่อน มารบกวนเจ้าสามกับเจ้าสี่ ข้าจะไล่พ่อเจ้าออกจากตำแหน่งเดี๋ยวนี้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...