วาจาอันโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิจาวเหรินดังกึกก้องไปทั่วตำหนัก
ฮั่วถวนเอ๋อร์ที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่มุ่นคิ้วเล็กน้อย กะพริบตาพลางขมุบขมิบปากอย่างไม่พอใจสองสามที แต่ก็ยังไม่ตื่น
หลี่กุ้ยเฟยมองเขาอย่างตกตะลึง หลังจากได้สติกลับมา ใบหน้าพลันซีดลง จากนั้นก็ตัวแข็งทื่อและเศร้าสลด
“ฝ่าบาทต้องทำให้หม่อมฉันอับอายต่อหน้าคนรุ่นเยาว์ด้วยหรือ”
เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงอยู่ที่ด้านข้างของหอนอน จักรพรรดิจาวเหรินเข้ามาก็พูดตีแสกหน้าเช่นนี้ ทำให้นางประคองสีหน้าไว้ไม่อยู่
จักรพรรดิจาวเหรินมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ หากเจ้าไม่เอาแต่จะทำให้คนรุ่นเยาว์ลำบากใจ ข้าก็คงไม่ถึงขั้นเหลืออดกับเจ้าหรอก!”
หลี่กุ้ยเฟยได้ยินแล้วแทบจะใช้นิ้วขยี้ผ้าเช็ดหน้าหอมนั้นแล้วพูดด้วยความกรุ่นโกรธ “หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมเด็กเท่านั้นเอง!”
จักรพรรดิจาวเหรินไม่ตอบแล้วเหลือบมองเซียวปี้เฉิง
“...เสด็จแม่เพิ่งมาเมื่อครู่นี้เอง” เซียวปี้เฉิงตอบอย่างถนอมน้ำใจ
หลี่กุ้ยเฟยอาจนึกอยากพูดเรื่องของเสนาบดีขวาหลี่ แต่เห็นชัดว่ายังไม่ทันจะได้พูด
ดังคาด จักรพรรดิจาวเหรินกล่าวต่อ “อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ยามปกติไม่เคยเห็นเจ้ามาตำหนักบูรพา ไม่มีเรื่องร้อนใจคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่หรอก? เจ้าไม่ได้อยากมาเยี่ยมเด็กๆ แค่อยากใช้โอกาสนี้มาขอร้องให้ตระกูลหลี่เท่านั้น!”
สิ้นคำ ใบหน้าของหลี่กุ้ยเฟยก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวทันที
เซียวปี้เฉิงแอบเหลือบมองอวิ๋นหลิงแวบหนึ่ง ทั้งคู่ก็เห็นความประหลาดใจในดวงตาของกันและกัน
พวกเขาได้ยินจากฝูกงกงว่าหมู่นี้จักรพรรดิจาวเหรินทะเลาะกับหลี่กุ้ยเฟยบ่อยครั้ง แต่ไม่นึกว่าทั้งคู่จะมาถึงขั้นนี้ พอมาถึงก็ปะทะคารมกันทันทีทันใด
อวิ๋นหลิงกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันที่นี่ แล้วปลุกเด็กตัวน้อยที่กว่าจะผล็อยหลับไปให้ตื่นขึ้น จึงรีบลุกขึ้นแล้วอุ้มฮั่วถวนเอ๋อร์ไปยังห้องโถงด้านข้าง
นางเอามือลูบหน้าผากลูกชาย ยังตัวร้อนอยู่ แต่อุณหภูมิก็ต่ำกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย นอนสักตื่นคงจะดีขึ้น
สั่งให้ซวงหลีเฝ้าฮั่วถวนเอ๋อร์อยู่ในห้องโถงด้านข้าง แล้วอวิ๋นหลิงก็กลับไปที่ห้องโถงหลักของหอนอน สองสามีภรรยาเฒ่าระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างเต็มที่ดังคาด
ก่อนที่นางจะก้าวเข้าไปในตำหนัก ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ระคนโกรธเกรี้ยวของหลี่กุ้ยเฟย
“หม่อมฉันทำผิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงแค่คิดเผื่อถึงอวี้จือ นอกจากบิดาของหม่อมฉันแล้ว ต่อไปเขาจะพึ่งพาใครได้อีก”
“ข้าตายไปแล้วหรือไร! หรือเจ้าคิดว่าเมื่อเจ้าสามเป็นรัชทายาทแล้วภายภาคหน้าจะไม่สนใจไยดีเขา?”
หลี่กุ้ยเฟยไม่สนใจประโยคครึ่งหลัง ก่อนพูดอย่างตกประหม่า “ใช่แล้ว เจ้าต้องทิ้งอวี้จือเป็นแน่ เจ้าคงจะไม่ได้ดีกับเขาเหมือนอย่างที่ดีกับรุ่ยอ๋องหรอก!”
บรรยากาศชะงักงันไปครู่หนึ่ง
อวิ๋นหลิงปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ที่ประตูตำหนัก เงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวปี้เฉิงยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ไม่กล้าส่งเสียงหายใจดัง เพียรพยายามทำให้ตัวเองเป็นอากาศธาตุ
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดแทรกแต่อย่างใด
“ดูการแต่งงานของอวี้จือเป็นตัวอย่าง ตอนแรกหม่อมฉันถูกใจหรงฉาน ตั้งใจจะให้นางมาเป็นว่าที่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ฝ่าบาททรงปฏิเสธหม่อมฉันโดยอ้างว่าอวี้จือยังหาประสบการณ์ไม่มากพอ”
“หม่อมฉันมารู้ภายหลังว่าที่แท้พระองค์จะประทานหรงฉานให้รุ่ยอ๋อง จึงได้พูดคำนั้นออกมา แต่หม่อมฉันก็เชื่อคำพูดของฝ่าบาทอย่างไร้เดียงสา ส่งอวี้จือไปฝึกที่ชายแดน ทำให้ขาของเขาพิการ ทนทุกข์ทรมานกับพิษเย็น!”
คิดถึงเรื่องอดีต หลี่กุ้ยเฟยก็รู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนจุกอยู่ในลำคอ
หรงฉานเป็นลูกสาวสายตรงเพียงคนเดียวของเจิ้นกั๋วกง ทั้งยังเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่โดดเด่นที่สุดในด้านชาติตระกูล รูปโฉมโนมพรรณและความรู้ของสำนักศึกษาเป่ยลู่
เวลานั้นเยียนอ๋องเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องและสร้างจวน เป็นเวลาเหมาะจะพูดเรื่องการแต่งงาน นางย่อมจะถูกใจหรงฉาน
“อีกอย่างพอเจ้าสี่ก่อเรื่อง เจ้าก็ให้เจ้าสามรับผิด ข้าก็ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างแสร้งทำเป็นไม่รู้ แม้แต่เจ้าใหญ่ก็ไม่ได้ทำเหมือนอย่างเขา!”
เซียวปี้เฉิงที่เป็นเพียงดอกไม้ผนังตรงมุมห้องก็รู้สึกว่าลูกธนูกระทบหัวเข่าถูกพาดพิงถึง
สมัยเยียนอ๋องยังเล็กก็ซุกซนไปตามประสาเด็ก ก่อเรื่องไม่น้อย โดยพื้นฐานแล้วเรื่องที่เขารับผิดก็อาจไม่ถึงขั้นถูกลงโทษ อย่างถูกดุ ลงโทษคุกเข่า คัดลอกตำรา และโดนตีด้วยไม้ระเบียบล้วนถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่ตอนนี้บอกเขาว่าจักรพรรดิจาวเหรินเพิ่งรู้ความจริงว่าเขาถูกปรักปรำอย่างนั้นหรือ
ในใจเขาเพลิงโทสะกำลังพวยพุ่งลุกโชน ใครจะเกลี้ยกล่อมก็ห้ามไม่อยู่แล้ว
ด่ากันอีกสิดี สองคนนี้ด่ากัน เขาด่าด้วยไม่ได้อยู่แล้ว ทะเลาะกันก็ถือว่าเป็นการด่าแทนเขาแล้ว
เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้งคู่เพิ่งคิดว่าจะจัดการอย่างไรดี แต่ตอนนี้มีความคิดตรงกันว่าจะแกล้งทำเป็นคนโปร่งใส
สีหน้าฉายแววเย็นชาเหมือนกัน
ดวงตาของหลี่กุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความเคืองแค้น “ที่ฝ่าบาทตรัสว่าเพราะเห็นแก่หน้าหม่อมฉันจึงยอมยกโทษให้อวี้จือ ถ้าตอนนั้นหม่อมฉันไม่รับกระบี่แทน พระองค์จะยังให้อภัยเขาหรือไม่”
“เสี่ยวเฟิงไม่ได้ทำอะไรเลย แต่หม่อมฉันต้องสละชีวิตของลูกกว่าจะได้ทัดเทียมกับนางได้ หม่อมฉันไม่ยอม!”
คำพูดนี้ทิ่มแทงถึงประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวของจักรพรรดิจาวเหริน จนต้องถลึงตาดุดันใส่สตรีตรงหน้าทันที
“หลี่เสาอี๋ อย่าได้คืบจะเอาศอก!”
“หลายปีมานี้เจ้าใช้เรื่องรับกระบี่แทนมาข่มขู่ เจ้าได้อะไรจากข้าไปกี่อย่างแล้ว คงรู้แก่ใจดีไม่ใช่หรือ ไม่รู้จักพอเสียบ้างเลย” เอาแต่โทษว่าที่ข้าให้ไม่มากพอ เหตุใดในโลกนี้จึงมีผู้หญิงที่โลภมากเยี่ยงเจ้า!”
“ถ้าทำได้ ข้ายอมถูกกระบี่แทงทะลุไปตอนนั้นเลย ดีกว่าถูกเจ้าเอามาบังคับขู่เข็ญนานกว่ายี่สิบปี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...