พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 675

จักรพรรดิจาวเหรินลั่นประโยคนี้ออกมา บรรยากาศในตำหนักพลันแข็งชะงักจนถึงจุดเยือกแข็งทันที

แต่สองตาของหลี่กุ้ยเฟยดูเหมือนจะลุกโชน น้ำตาร้อนผ่าวสองสายไหลออกมา

“ฝ่าบาท...เมื่อครู่ตรัสว่าอะไรนะ พระองค์คิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”

นางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตะลึงงัน ขณะนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนคงหูฝาดไป

เซียวปี้เฉิงหน้าถอดสี ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ก็ไม่สนใจดูละครอีกแล้ว

นานมาแล้วเขาเคยได้ยินแม่นมเหอเยว่เล่าให้ฟังว่า

หลี่กุ้ยเฟยเป็นคนหยิ่งยโสโอหัง เมื่อต้องเผชิญเรื่องใดๆ นางไม่เคยจะก้มหัวให้ใคร ในชีวิตนี้นางร้องไห้เพียงสองครั้ง

ครั้งแรกคือตอนที่จักรพรรดิจาวเหรินแต่งงานกับเสี่ยวเฟิง และอีกครั้งคือตอนที่ฟื้นจากหมดสติหลายวันแล้วรู้ว่าเด็กในท้องไม่อยู่แล้ว

ตอนกระบี่อันแหลมคมแทงทะลุช่องท้องนั้น นางไม่ได้ร้องไห้ แต่พอรู้ว่ายากจะให้กำเนิดทายาทของฮ่องเต้ นางก็ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจตาย

เซียวปี้เฉิงเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของนาง และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เห็นหลี่กุ้ยเฟยหลั่งน้ำตา

พระพักตร์จักรพรรดิจาวเหรินตึงเครียด สองตาแดงซ่านไปด้วยเส้นเลือด เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ รับสั่งด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

“ตอนนั้นมือสังหารลอบโจมตีวังหลวง เจ้าเสี่ยงชีวิตช่วยข้าโดยไม่คำนึงถึงลูกในท้อง ข้าไม่เคยลืมเลือน จะจดจำไปชั่วชีวิต”

“ข้ารู้สึกละอายใจต่อเจ้า เรื่องใหญ่น้อยในวังหลังก็ให้สิทธิ์ขาดแก่เจ้าเต็มที่ แต่เจ้ากลับใช้บุญคุณนี้มาข่มขู่ต่อรองข้า”

“ทุกครั้งที่ข้าเล่นไพ่กับคนอื่น หรืออยู่ในตำหนักของคนอื่น หรือแม้แต่ที่พำนักของฮองเฮา เจ้าก็จะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเสมอ ส่งคนมาเรียกข้าให้ไปหาเจ้าที่ตำหนักเว่ยยาง”

แม้ว่านางสนมหลายคนที่เขาแต่งงานด้วยจะมีเชื้อสายไม่สูงนักและไม่เป็นที่โปรดปราน แต่บิดาของพวกนางหลายคนก็เป็นขุนนางตำแหน่งสำคัญ

สำหรับจักรพรรดิจาวเหริน สนมคนโปรดยังหมายถึงขุนนางที่ได้รับความไว้วางใจด้วย

หากนางสนมที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยเหล่านั้นสามารถให้กำเนิดทายาทได้ เขาก็มีเหตุผลจะสนับสนุนกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเชื้อสายนี้ และต่อกรกับสองตระกูลใหญ่ ตระกูลแม่ของสนมเหลียงเฟยก็เป็นตัวอย่างได้

แต่หลี่กุ้ยเฟยมักจะขัดขวางเขาในเรื่องเหล่านี้เป็นประจำ วิธีเอาใจเหล่านางสนมในภายหลังก็ทำให้เขาปวดหัวเช่นกัน

เวลาผ่านไปหลายครั้งเข้า เขาต้องคิดให้มากขึ้นว่าเสนาบดีขวาหลี่เป็นต้นคิดอยู่เบื้องหลังหรือไม่

จักรพรรดิจาวเหรินกำหมัดแน่นเล็กน้อยแล้วตรัสต่อ “เรื่องในวังหลังเหล่านี้ก็ช่างเถอะ แต่เจ้าไม่ควรเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในราชสำนัก!”

“พี่ชายเจ้ามีส่วนพัวพันในคดีลักลอบขายเกลือ เดิมทีมีโทษสมควรตาย ไม่มีใครในตระกูลแม่ของจี้ซูเฟยรอดไปได้ แต่ข้าก็ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา”

“ลุงของเจ้าทุจริตการสอบคัดเลือกขุนนางเคอจวี่ เอาชื่อลูกศิษย์ตระกูลมั่งคั่งมาสวมรอยแทนคนที่ยากจน ซ้ำยังฆ่าคนปิดปากด้วย โทษร้ายแรงเช่นนี้ ข้าเพียงแค่ไล่เขาออกจากตำแหน่งขุนนางเท่านั้นเอง”

“ญาติผู้น้องของเจ้าไปข่มเหงภรรยาผู้อื่น ทำลายครอบครัวเขาจนบ้านแตกสาแหรกขาด จำคุกไม่ถึงสามเดือนก็ได้ปล่อยตัวออกมา…”

มีเรื่องเช่นนี้มากมายจนนับไม่ถ้วน

ทุกครั้งที่จักรพรรดิจาวเหรินตรัสเรื่องหนึ่ง ใบหน้าของหลี่กุ้ยเฟยก็ซีดไปหนึ่งส่วน

ยี่สิบปีที่ผ่านมา จักรพรรดิจาวเหรินจำไม่ได้ว่าเขาถูกบังคับให้ประนีประนอมไปกี่ครั้งแล้ว

แต่ละครั้งเริ่มทำให้เขารังเกียจหลี่กุ้ยเฟยมากขึ้น และเกลียดตระกูลหลี่เป็นเท่าทวีคูณ

“รักษาหน้าตาบิดาเจ้า ให้เขาลาออกและเกษียณอย่างมั่นคงคือขีดจำกัดสุดท้ายของข้าแล้ว!”

จักรพรรดิจาวเหรินมองหลี่กุ้ยเฟยด้วยสายตาที่ลึกล้ำโดยไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย

“พระสนม...หัวใจและชีพจรของพระสนมหยุดไปแล้ว!” แม่นมเหอเยว่ตะโกนด้วยความตื่นตระหนก น้ำตาเท่าเมล็ดถั่วไหลร่วงเผาะลงมา

พระพักตร์จักรพรรดิจาวเหรินแข็งทื่อ หายพระทัยถี่เร็วขึ้น “เป็นไปได้อย่างไร”

“เสด็จแม่หัวใจหยุดเต้น ต้องนวดหัวใจผายปอดเดี๋ยวนี้”

เซียวปี้เฉิงอุ้มคนไปยังพื้นที่เปิดโล่งด้านหนึ่งทันที วางร่างของหลี่กุ้ยเฟยลงนอนราบ

คนเป็นลมเพราะเสียใจเกินไปจนหายใจไม่ออกนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่นี่ไม่มีขวดออกซิเจน ก็ได้แต่พึ่งพาการนวดหัวใจผายปอดช่วยชีวิตไปก่อน

อวิ๋นหลิงปรับท่าทางร่างกายของหลี่กุ้ยเฟย กระชับมือออกแรงกดกระดูกอกของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ

กดหน้าอกประมาณห้านาที ในที่สุดหลี่กุ้ยเฟยก็ฟื้นคืนสติอย่างอ่อนแรง หายใจดีขึ้นมาก

“เสด็จแม่ค่อยยังชั่วแล้ว…อุ้มนางกลับหอนอนก่อนเถิด แต่ต้องยกในแนวราบ”

อวิ๋นหลิงหอบหายใจเหงื่อผุดพรายเต็มหน้า การนวดหัวใจผายปอดเปลืองแรงเหนื่อยมาก ต้องเปลี่ยนคนทำทุกๆ สองนาที

แต่ตรงหน้านี้ไม่มีใครนอกจากนางที่รู้วิธีใช้การปฐมพยาบาลเช่นนี้ กดไปห้านาทีนางก็แทบจะหมดแรง

ขณะนี้สองแขนของนางยังคงสั่นเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าจะจับเข็มเงินแน่นไม่ได้ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามฝั่งเข็ม

จักรพรรดิจาวเหรินรีบวิ่งออกไปนอกตำหนัก สั่งบรรดานางกำนัลและองครักษ์หาเปลและผ้าห่มบางๆ แล้วรีบอุ้มหลี่กุ้ยเฟยเข้าไปในตำหนักเว่ยยาง

เซียวปี้เฉิงเห็นว่าหลี่กุ้ยเฟยพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเรียกเฉียวเย่มาทันที

“รีบไปรายงานอวี้จือที่จวนเยียนอ๋องเดี๋ยวนี้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ