พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 676

ภายในตำหนักเว่ยยาง

อวิ๋นหลิงพักผ่อนอยู่ชั่วครู่ พละกำลังก็กลับคืนมาแล้ว

นางทำจิตใจให้สงบ หยิบเอาเข็มเงินที่เหน็บอยู่ตรงเอวออกมา รีบนำเข็มไปฝังไว้ในจุดฝังเข็มหลายแห่งบนร่างของพระสนมหลี่อย่างรวดเร็ว

สีหน้าของพระสนมหลี่ค่อยๆเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาว จากนั้นก็นอนหลับไปอย่างไม่รู้สึกตัว

จักรพรรดิจาวเหรินเห็นดังนั้น ก็เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “สะใภ้เจ้าสาม นางไม่เป็นไรแล้วมิใช่หรือ ทำไมจึงสลบไปอีกเล่า”

อวิ๋นหลิงเก็บเข็มโดยไม่เหลือบไปมอง อธิบายเสียงเรียบว่า “เพราะลูกเกรงว่าเสด็จแม่จะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ในชั่วขณะ จึงให้นางนอนหลับไปก่อน”

ด้วยนิสัยของพระสนมหลี่ นางไม่มีทางปรับอารมณ์ได้ในทันที เพื่อป้องกันการเป็นลมรอบสอง ให้นอนหลับไปก่อนจะดีกว่า

จักรพรรดิจาวเหรินมองหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจที่นิ่งและมีแรงมากขึ้นไม่น้อยแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆกลับสู่ภาวะปกติ ในที่สุดก็วางใจได้เสียที

ในตำหนักสงบไปครู่หนึ่ง แต่เสียงร่ำไห้ของแม่นมเหอเยว่ยังคงหยุดไม่ได้

ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่านางจะช่วยจัดแจงดึงผ้าห่มให้กับพระสนมหลี่จนเรียบร้อย เช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปมองทางจักรพรรดิจาวเหริน

“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอยืมความรักที่เคยให้นมพระสนมมาก่อน วันนี้ขอเอ่ยวาจาด้วยความบังอาจ ทรงโทษว่าพระสนมบีบคั้น แต่พระสนมก็มีความทุกข์ในใจเช่นเดียวกัน”

แม่นมเหอเยว่เป็นแม่นมของพระสนมหลี่ เมื่ออีกฝ่ายเข้าวังนางก็ได้ทำหน้าที่เป็นแม่นม เป็นคนเก่าแก่ในวังไปแล้ว

“ทำไมฝ่าบาทไม่ทรงคิดบ้าง หลังจากพระสนมได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้ ด้วยนิสัยของเสนาบดีขวา ทำไมหลังจากผ่านไปสิบปีก็ไม่เคยส่งหญิงสาวตระกูลหลี่เข้ามาในวังอีกเลย”

อวิ๋นหลิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองแม่นมเหอเยว่

ด้วยนิสัยเห็นแก่ผลประโยชน์เป็นใหญ่ของตาแก่หลี่ ญาติโกโหติกาเป็นเรื่องรอง ไม่ส่งหญิงสาวมาอยู่เป็นเพื่อนพระสนมหลี่ในวัง ดูไม่ค่อยสอดคล้องกับนิสัยของอีกฝ่ายจริงๆ

แม่นมเหอเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าใจว่า “พระสนมเป็นคนเอาแต่ใจอยากได้ความรัก แต่หลายปีมานี้เพื่อพระองค์แล้ว ได้ขัดแย้งกับใต้เท้าเสนาบดีขวาอยู่หลายครั้ง”

“ตอนที่รู้ว่าพระสนมไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้ ใต้เท้าเสนาบดีขวาก็คิดจะส่งลูกสาวเมียเอกและเมียรองเข้ามาในวัง แต่พระสนมก็

พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขัดขวางเรื่องนี้เอาไว้ หม่อมฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ในการกระทำนี้ก็มีความเห็นแก่ตัวของพระสนมแฝงอยู่ด้วย แต่นางก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเสียทั้งหมด”

ความรักนั้นแฝงไปด้วยความอยากจะครอบครองเพียงผู้เดียว แฝงไปด้วยความไม่ต้องการแบ่งปันให้ผู้ใด

พระสนมหลี่ย่อมไม่สามารถยอมรับให้พี่น้องคนอื่นๆมาร่วมแบ่งปันสามีของตนเอง ในขณะเดียวกัน นางก็คิดเผื่อจักรพรรดิจาวเหรินด้วย

พระสนมที่อยู่ในวังหลัง ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่ถูกส่งเข้าวังมาจากตระกูลที่สูงศักดิ์ หรือว่าถูกคัดเลือกโดยจักรพรรดิจาวเหริน ไม่มีใครที่ไม่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์

พระสนมหลี่เองก็ย่อมไม่ยกเว้น แต่นางเป็นหนึ่งในพระสนม ที่รักจักรพรรดิจาวเหรินมากที่สุด

นางมีนิสัยหยิ่งผยองอวดดี ตรงไปตรงมา ปกติแล้วมักจะชอบพูดจาเหน็บแนม คิดเล็กคิดน้อยอยู่บ้าง

แต่อิจฉาก็ส่วนอิจฉา แต่นางไม่เคยทำตัวเหมือนเสี่ยวเฟิง ใช้ใบหน้าที่อ่อนโยนสง่างาม วางแผนทำร้ายคนอื่น

มีเรื่องสกปรกบางอย่าง นางรับรู้ แต่นางไม่พูด และไม่อยากจะมีส่วนร่วม

แต่แม่นมเหอเยว่กลับกล้าพูดจามาก คำพูดเมื่อครู่เกือบจะเป็นการบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าจักรพรรดิจาวเหรินไร้ความสามารถ

แม่นมเหอเยว่มองพระสนมหลี่ด้วยความรักและสงสาร ใบหน้าที่มีรอยย่นเต็มไปด้วยความกังวล

“หลายปีมานี้ สิ่งที่พระสนมทำเพื่อฝ่าบาทไม่ได้น้อยไปกว่าเสี่ยวเฟิง แต่นางไม่ยินดีจะพูดเท่านั้นเอง เพราะรู้ว่าฝ่าบาทรู้สึกผิดเรื่องที่รับดาบแทน ดังนั้นจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก”

“พระองค์ลองคิดทบทวนให้ดี ทุกครั้งที่พระสนมเอ่ยถึงเรื่องรับดาบแทน ก็แค่อยากจะให้พระองค์อยู่กับนานให้มากหน่อยเท่านั้นเอง นอกจากนี้แล้ว นางไม่เคยคิดจะหาผลประโยชน์จากพระองค์เลยแม้แต่น้อย ที่ทรงพูดว่าได้รับประโยชน์มากมาย ล้วนเป็นของตระกูลหลี่ ไม่ใช่พระสนม......”

อวิ๋นหลินไม่เคยชื่นชอบพระสนมหลี่เลย ท่าทีที่มีต่อนางคือความเคารพและเว้นระยะห่างมาแต่ไหนแต่ไร

หญิงวัยกลางคนที่มีนิสัยหยิ่งผยองอวดดี เห็นหน้าครั้งแรกก็อยากจะตบแล้ว

อีกฝ่ายมีใจลำเอียงไปทางเยี่ยนอ๋อง แอบเอาเงินสองแสนตำลึงให้กับจักรพรรดิจาวเหริน อยากจะให้เซียวปี้เฉิงแต่งงานกับเวินหวยหยู ภายหน้าจะได้เป็นคอยช่วยเหลือเยี่ยนอ๋อง

หลังจากนั้นก็ผูกปมแค้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบนาง แล้วก็พยายามจะเป็นคนกลางสานสัมพันธ์ระหว่างตี้หวู่เหยากับเซียวปี้เฉิง เพื่อจะเพิ่มความอัดอั้นตันใจให้นาง

แต่แม้ว่าจะไม่ชอบพระสนมหลี่แค่ไหน ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้อวิ๋นหลิงรู้สึกว่านางน่าสงสาร

ยุคนี้เดิมทีก็ใจร้ายใจดำกับผู้หญิงอยู่แล้ว

พ่อและพี่น้องผู้ชายของนาง ล้วนเป็นเหมือนแมลงดูดเลือดที่เกาะอยู่บนตัวนาง แทบจะดูดเลือดทุกหยดในร่างกายนางจนแห้งเหือด

น่าเสียดาย จักรพรรดิจาวเหรินกลับไม่ได้รู้สึกสงสารที่นางถูกดูดเลือด แค่รู้สึกว่านางที่ถูกเห็บเกาะอยู่เต็มร่างนั้นน่าเกลียดมาก ทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ