เสวียนจีเกาหัว “บางทีเขาอาจจะกินตอนเช้ามากเกินไปกระมัง ส่วนข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ!”
นางคลอเพลง กระโดดไปยังโรงอาหารเป็นคนแรก
โรงอาหารคึกคักยิ่งนัก เกือบทุกคนพากันพูดถึงรถล้อไม้
“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน...เฮ้อ ของล้ำเลิศเช่นนี้คุ้มค่ากับราคา แต่ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเราจ่ายไม่ไหวหรอก”
“บรรดาผู้ดูแลเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าสำนักศึกษาชิงอี้จะมีรถล้อไม้สาธารณะไว้ชุดหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนเดินทางสะดวกในยามปกติ เจ้าไม่ต้องจ่ายเงินซื้อหรอก”
“คูปองส่วนลดร้อยละยี่สิบนั่นน่าจะเก็บไว้ให้พวกเราใช้หลังเรียนจบ หรือหากมีญาติหรือสหายที่บ้านอยากซื้อก็ให้คูปองนี้ไปเป็นของขวัญได้เช่นกัน”
ศิษย์บางคนพยักหน้าเห็นด้วย “พวกเราครอบครัวใหญ่ สามปีก็ยังเก็บเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงไม่ได้ อีกอย่างพี่สะใภ้ข้าเพิ่งคลอดลูกเมื่อเดือนที่แล้ว ข้ากะว่าจะเอาคูปองส่วนลดสามสิบตําลึงเงินไปช่วยจุนเจือครอบครัว”
จักรยานไม้ราคาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน รถสามล้อไม้ราคาสามร้อยตำลึงเงิน เห็นชัดว่าคูปองส่วนลดอย่างหลังจะคุ้มค่าที่สุด
แต่คนธรรมดาสามัญก็ยังซื้อยากอยู่ดี คงขายให้คนรวยที่อยากได้รถสามล้อไม้ได้ อีกฝ่ายจะประหยัดเงินได้สามสิบตำลึงเท่ากับเขาหาเงินได้สามสิบตำด้วย
ลูกศิษย์ส่วนใหญ่รู้สึกว่ายังจ่ายไม่ไหว แต่กลับไม่มีใครคิดว่ารถไม้ราคาแพง อย่างไรเสียก็เห็นกับตาตนเองถึงการใช้งานได้จริงและความมหัศจรรย์ของรถไม้
โดยเฉพาะรถสามล้อไม้ที่ฝีมือประณีตอย่างน่าอัศจรรย์
ขับได้โดยไม่ต้องใช้ม้าอาชาไนย เบาะหลังก็กว้างขวาง ว่ากันว่าสองที่นั่ง แต่สามคนเบียดเสียดกันได้ไม่มีปัญหา
ด้านบนสามารถกันลมฝน เบาะหลังถอดออกได้ วางราบแล้วเปลี่ยนอะไหล่จุดรับน้ำหนักก็บรรทุกสินค้าได้เหมือนเกวียน
“เดี๋ยวถ้าได้คูปองส่วนลดครึ่งราคาก็คงจะดีไม่น้อย เก็บเงินสักสองสามปีก็ซื้อคันหนึ่งได้ ต่อไปจะหาภรรยาก็ง่ายมากขึ้น”
อวิ๋นหลิงได้ยินแล้วก็อดนึกขำไม่ได้
เซียวปี้เฉิงมองนางอย่างสงสัยใคร่รู้ “ทำไม คิดว่าตลกหรือ”
“ข้าเพิ่งฉุกนึกเรื่องบางอย่างจากชาติที่แล้วได้” อวิ๋นหลิงเบาเสียงลงอธิบายว่า “โลกของข้าในปี1970 มีคำพูดที่เรียกว่า ‘สามสิ่งใหญ่’ หมายถึงสิ่งของทั่วไปที่ผู้คนแสวงหาตอนแต่งงาน จักรยานก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย”
จากราคา ณ เวลานั้น การซื้อจักรยานคันหนึ่งไม่ใช่ถูกๆ สำหรับครอบครัวทั่วไป ต้องสะสมเงินอยู่นานกว่าจะได้
ถึงแม้ราชวงศ์แคว้นต้าโจวจะแตกต่างกันในเรื่องเวลา แต่วิถีประวัติศาสตร์ก็คล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจอยู่เสมอ
อวิ๋นหลิงประเมินว่าในอีกไม่กี่ปี รถล้อไม้จะกลายเป็นของหมั้นและเป็นสินเดิมที่จำเป็นต่อการแต่งงานของประชาชน
เซียวปี้เฉิงอดเงียบไปครู่หนึ่งไม่ได้ ตามที่อวิ๋นหลิงพูด คนธรรมดาในโลกนั้นจะแต่งงานกันก็ต้องดูราคาบ้าน
พระราชวังกับตำหนักบูรพาที่เขาพำนักอยู่นั้นเป็นทรัพย์สินสาธารณะทั้งคู่ เงินส่วนตัวสิบเดือนก็พอจะซื้อรถสามล้อไม้ได้
หากไปอยู่บ้านเกิดของอวิ๋นหลิง เขาคงจะโสดสนิท
ทันใดนั้นก็ไม่อิจฉาโลกอื่นอีกแล้ว
วันนี้แตกต่างจากวันวาน ไม่นานโรงอาหารก็เงียบสงบ ทุกคนต่างคิดแต่เรื่องจับรางวัล กินข้าวเที่ยงเสร็จก็วิ่งไปเข้าแถวที่ลานสำนักศึกษา
จับรางวัลเริ่มบ่ายโมงตรงเวลา อวิ๋นหลิงเดินเนิบช้า เห็นหางแถวจับรางวัลยาวมาแต่ไกล
นางเหลือบมองนาฬิกาพกเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกสิบนาทีกว่าจะเริ่มต้น
นานมากแล้วที่ไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนอย่างวันนี้ ยากนักที่เซียวปี้เฉิงจะเริ่มสนใจ แล้วดึงอวิ๋นหลิงไปเข้าแถว
สองมือเสวียนจีถือไม้ปัดขนนกสีสันสดใส โบกไม่หยุดราวกับเป็นแท่งไฟเรืองแสง ยืนอยู่ข้างหน้าแถวแล้วตะโกนเสียงดังลั่น
“ทุกคนกรุณาเข้าแถว ห้ามแซง!”
“แต่ละคนจับสลากได้อันเดียว จับแล้วก็ไปขอลายเซ็นกับศิษย์พี่ข้าได้”
สองสามีภรรยามาถึงช้า ต่ออยู่ข้างหลังท้ายแถว ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮ้อแว่วมาจากด้านหน้าเป็นระยะ
จักรยานไม้อีกคันถูกชายชราเคราขาวผู้มากับดวงจับได้ จักรยานไม้ที่ไม่ต้องจ่ายเงินห้าคันถูกจับสลากไปสามคันแล้ว หนึ่งในผู้โชคดีคือเฟิงอู๋จี
มองไม้ติ้วสีขาวในมือกู้ฮั่นม่อ เขาก็รู้สึกสะใจไม่น้อย
เจ้าหมอนี่คงทำ ‘เรื่องชั่วร้าย’ ไว้เยอะ ไม่เช่นนั้นคงไม่ดวงกุดขนาดนี้
จับสลากผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงหางแถว แต่นอกจากคูปองส่วนลดครึ่งราคาแล้ว ไม่มีใครจับรถล้อไม้ได้อีก
ยังไม่มีใครจับไม้ติ้วแดงที่เป็นรางวัลแจ็กพ็อตใหญ่ที่สุดได้
เซียวปี้เฉิงกระซิบ “แม่สาวน้อยขี้งกจริงๆ มีคนจับสลากรวมๆ แล้วห้าร้อยกว่าคน แต่นางเตรียมไม้ติ้วไว้หนึ่งพันอัน หากโชคไม่ดีก็เป็นไปได้ว่าจะไม่มีใครจับสลากได้”
พูดจบก็มาถึงตาของอวิ๋นหลิงแล้ว
นางเหลือบมองโต๊ะ มีกล่องไม้สีดำเล็กๆ ห้าใบ กล่องไม้แต่ละกล่องใส่ไม้ติ้วสองร้อยอัน คะเนด้วยสายตาน่าจะจับสลากไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
หยิบไม้ติ้วขึ้นมาอย่างลวกๆ ก็เป็นสีขาวอย่างที่คาดไว้
นางยื่นให้ลู่ฉี ทำตามขั้นตอนไปแลกเป็นคูปองส่วนลดร้อยละยี่สิบ กระทั่งเดินผ่านโต๊ะและเก้าอี้ของเฟิ่งเหมียน นางก็มองเขาอย่างเห็นใจ
ฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกทำเอามือของไข่เหล็กแข็งจนเขียวคล้ำ
เขาเสียสละมากเหลือเกินเพื่อร้านรถไม้
สีหน้าที่ไร้ริ้วอารมณ์ของเฟิ่งเหมียนมีแนวโน้มจะหมดอาลัยตายยากเข้าไปทุกที
เขาเหลือบมองหางแถว พบว่าเหลือเพียงเซียวปี้เฉิงคนเดียว ในที่สุดเขาก็หายใจด้วยความโล่งอก วางพู่กันแล้วขยับข้อมือยืดเส้นยืดสาย
แต่ได้ยินเสียงลู่ฉีตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ถูกรางวัล! รัชทายาทโชคดีโดยแท้ จับไม้ติ้วแดงได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...