พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 701

หลังจากส่งเสวียนจีไปแล้ว อวิ๋นหลิงก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยไปพักหนึ่ง

หากไม่มีจอมมารร้ายตัวน้อยผู้นี้ที่ก่อเรื่องไปทุกที่ ชีวิตก็คงจะหมดสนุก

เสวียนจีเดินทางไปไม่ถึงสองวัน ทางหอซื่อฟางได้รับจดหมายจากทูตแคว้นเป่ยฉิน ฉบับหนึ่งเป็นของหลิวฉิงส่งมา อีกฉบับเป็นของจักรพรรดิเสี่ยวฉินเขียนถึงจักรพรรดิจาวเหริน

บัดนี้จักรพรรดิเสี่ยวฉินฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ราชสำนักเป่ยฉินก็มั่นคงแล้วเช่นกัน

หลังจากอ๋องทูเจวียตะวันออกองค์ใหม่วางแผนจะสร้างพันธมิตรกับแคว้นต้าโจว พี่น้องกองทัพสกุลฟงที่ประจำการอยู่ชายแดนด้วยกันก็ออกเดินทางกลับไปเฉลิมฉลองปีใหม่ยังแคว้นเป่ยฉิน

จดหมายของหลิวฉิงเขียนบอกว่าสกุลฟงสร้างคุณงามความชอบปราบปรามพวกก่อกบฏ แม่ทัพอาวุโสก็ได้ฟื้นคืนศักดิ์ฐานะดังเดิมอีกครั้ง

ส่วนนางจะรั้งอยู่ที่สกุลฟงในเป่ยฉิน ฉลองปีใหม่กับแม่ทัพอาวุโสฟงและคนอื่นๆ ไว้เดือนยี่ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า นางกับกู้ฉางเซินจะมาพบกับพวกเขาที่แคว้นต้าโจว

ทราบข่าวดีนี้แล้ว อวิ๋นหลิงรู้สึกตื่นเต้นไปครู่หนึ่ง ลืมจอมมารร้ายตัวน้อยอย่างเสวียนจีไปเสียสนิททันที

แต่จดหมายของหลิวฉิงยังบอกด้วยว่าจักรพรรดิเสี่ยวฉินจะร่วมเดินทางมาด้วย

อวิ๋นหลิงอ่านจดหมายพลางเอ่ยด้วยความแปลกใจ “ไม่นึกว่าจักรพรรดิเสี่ยวฉินจะมาแคว้นต้าโจว เขายังมีเยื่อใยรักพี่ฉิงอยู่และตัดใจจากนางไปไม่ได้ จึงติดสอยห้อยตามมาด้วยสินะ?”

เซียวปี้เฉิงครุ่นคิดกล่าวว่า “แคว้นต้าโจวกับแคว้นเป่ยฉินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาตลอด ต่อให้จะไม่มีอะไรพิเศษ เหล่าฮ่องเต้จะเสด็จมาเยี่ยมเยือนกันทุกๆ ห้าปี ถ้ามีการแต่งตั้งรัชทายาท รัชทายาทก็จะมาในนามของฮ่องเต้ ต้าโจวกับเป่ยฉินพบกันครั้งที่แล้วคือเมื่อสองปีก่อน เขาเป็นฝ่ายมาด้วยตนเองเช่นนี้จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร”

จักรพรรดิจาวเหรินเสด็จไปแคว้นเป่ยฉินเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว แต่เวลานั้นจักรพรรดิฉินยังเยาว์วัย ผู้ที่ต้อนรับเขาคือกู้ฉางเซิน

การพบกันเมื่อสองปีก่อนครั้งนั้นคือฉางเซินมาแคว้นต้าโจวแทนจักรพรรดิเสี่ยวฉิน ตามหลักแล้วการพบกันครั้งถัดไปควรจะเป็นสามปีต่อมา แล้วให้เขาไปเยือนแคว้นเป่ยฉินในนามของจักรพรรดิจาวเหรินจึงจะถูก

อีกอย่างตามคำบอกเล่าของกู้ฉางเซิน จักรพรรดิเสี่ยวฉินเป็นคนขี้ระแรงชอบสงสัย ให้ความสำคัญกับบัลลังก์และอำนาจ

กล่าวตามหลักแล้วในที่สุดเขาก็เอาอิสรภาพของหลิวฉิงมาแลกให้กู้ฉางเซินสละอำนาจ เขาน่าจะจัดกองกำลังใหม่ทันที และควบคุมราชสำนักให้มั่นคงจึงจะถูก

ไม่นึกว่าเขาจะมาแคว้นต้าโจวด้วยตนเอง ทิ้งดินแดนให้เสด็จอาผู้เฒ่าสองสามคนดูแลประเทศเป็นการชั่วคราว

สองสามีภรรยาต่างรู้แก่ใจดี แต่จักรพรรดิจาวเหรินไม่ได้คิดอะไรมาก

จักรพรรดิเสี่ยวฉินกล่าวในจดหมายว่าแคว้นต้าโจวช่วยแคว้นเป่ยฉินปราบกบฏ ดังนั้นเขาจึงซาบซึ้งในน้ำใจ เตรียมจะมาเยือนแคว้นต้าโจวด้วยตนเอง

ประการแรกคือกระชับมิตรภาพเก่าๆ ระหว่างทั้งสองแคว้น ประการที่สองต้องการทำการค้ากับต้าโจว และถือโอกาสเยี่ยมชมสำนักศึกษาชิงอี้ตามคำเล่าลือ

เอ่ยถึงสำนักศึกษาชิงอี้ ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนอ้าย เป็นเวลาสอบปลายภาค

รอการสอบสิ้นสุดลง ทางสำนักศึกษาจะปิดเรียนภาคฤดูหนาว ถึงเวลานั้นองค์หญิงหกจะเสด็จกลับวัง

อวิ๋นหลิงในฐานะพี่สะใภ้ควบตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษาด้วย จึงต้องจัดคนไปรับน้องสาวสามีกลับมา

ไม่นึกว่าจักรพรรดิจาวเหรินจะรับช่วงต่อ “ในเมื่อเจ้ากำลังตั้งครรภ์ พักผ่อนอยู่ในวังให้สบายเถอะ ข้าจะไปรับหรงเอ๋อร์ กลับวังเอง”

เซียวปี้เฉิงก้าวเข้าไปแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ ช่วงนี้บนภูเขามีลมและหิมะแรงนัก ท่านไปจะเดินทางเหน็ดเหนื่อยเสียเปล่าๆ มิสู้ให้ลูกไปรับโย่วหรงเถอะ สองวันนี้ลูกต้องไปทำงานที่สำนักศึกษาพอดี”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าไม่ได้ออกจากวังมาเกือบเดือนแล้ว ขืนอยู่ต่อจะป่วยเข้าจริงๆ!”

เขาเสียภรรยา แม่นางหลีเสียสามี พวกเขาถูกชะตากันเช่นนี้ คิดว่าการพบกันครั้งนี้คงเป็นสวรรค์ลิขิตมาเป็นแน่...

ได้ยินว่าสำนักศึกษาใกล้จะปิดเรียนภาคฤดูหนาว จักรพรรดิจาวเหรินวางแผนจะพำนักอยู่ที่นั่นสองสามวัน พักฟื้นจิตใจสักพักก่อนจะกลับวังมาจัดการเรื่องการเมือง

ครั้นได้สติกลับมาจากความสับสนว้าวุ่นใจ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ถึงเวลานั้นข้าจะพาโย่วหรงกลับวังด้วยกัน ข้าจะไม่อยู่สักสองสามวัน พวกเจ้าสองสามีภรรยาจะต้องดูแลราชสำนักให้ดี โดยเฉพาะการเปิดตำหนักสาวงามใหม่อีกครั้ง อย่าทำผิดพลาดเป็นอันขาด”

จักรพรรดิจาวเหรินรับสั่งเช่นนี้ เซียวปี้เฉิงก็ได้แต่รับพระบัญชา “เช่นนั้นลูกจะไปสำนักศึกษากับท่านวันหลัง”

ชายชราอายุปูนนี้แล้ว ช่วงนี้อากาศหนาวจัด ภูเขาก็เย็นเฉียบราวกับอุโมงค์น้ำแข็ง เขาค่อนข้างกังวลสุขภาพของอีกฝ่าย

สองวันต่อมา อวิ๋นหลิงกับสามีเริ่มช่วยกรมวังจัดการเรื่องคัดเลือกนางใน

กำหนดเวลาคัดเลือกนางในไว้ที่เดือนสามต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนหน้านี้รายชื่อหญิงงามจากที่ต่างๆ ที่เข้าคัดเลือกนางในจะต้องผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นจากกรมวัง

หลังจากผ่านการคัดเลือกขั้นต้นแล้ว เหล่าหญิงงามที่ได้รับคัดเลือกจะถูกจัดให้อยู่ในตำหนักสาวงาม เพื่อเรียนรู้กฎและมารยาทในวังเป็นเวลาหนึ่งเดือน

รอย่างเข้าเดือนสามฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเป็นการคัดเลือกครั้งสุดท้าย

อวิ๋นหลิงพลิกดูภาพวาดของบรรดาหญิงงาม บางคนก็ธรรมดา ลายเส้นวาดลวกๆ บางคนก็ประณีตอ่อนช้อย แม้กระทั่งลายปักบนอาภรณ์ก็ลงสีแจ่มชัด เห็นชัดว่ายัดเงินให้ช่างเขียนไปไม่น้อย

“รอคัดเลือกขั้นต้นแล้ว ก็ประกาศข่าวที่อ๋องทูเจวียตะวันออกจะแต่งงานกับองค์หญิงต่อสาธารณะแล้วกัน”

นางอยากจะดูนักว่านางมารน้อยที่ไม่กลัวตายคนไหนจะกล้ากระโดดลงไปในหลุมไฟบ้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ