พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 713

ได้ยินเช่นนี้ เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกเห็นใจพระสนมหลี่ขึ้นมา

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นนางที่มีนิสัยโมโหร้ายเหมือนเมื่อก่อน สาวงามเหล่านี้ต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเองแน่ ไหนเลยจะถูกไล่ออกจากวังอย่างปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย

แต่เหล่าสาวงามก็ตกใจกลัว จึงได้ตั้งเป้าก่อเรื่องกับพระสนมหลี่อย่างขวัญหนีดีฝ่อ

หลังจากถูกคนของกรมวังสั่งสอนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าไปก่อเรื่องที่ตำหนักเว่ยยางอีก

กับดักหนูไม่ได้หนีบสาวงาม กลับเป็นเยี่ยนอ๋องที่ถูกหนีบจนนิ้วเท้าได้รับบาดเจ็บ

เดิมทีเขาจะไปปลอบใจพระสนมหลี่ที่ถูกถอนดอกไม้ ใครจะไปคิดว่าตอนที่จากไปเดินผ่านสวนดอกไม้ จึงเกิดอุบัติเหตุโดยบังเอิญ

กลัวพระสนมหลี่แต่ก็สงสาร เยี่ยนอ๋องไม่กล้าส่งเสียงร้อง แอบไปหาอวิ๋นหลิงที่ตำหนักบูรพา

เขาถูกองครักษ์ประคองเอาไว้ กระโดดขาเดียวเข้ามาเหมือนผีดิบ สุดท้ายยังไปสะดุดธรณีประตู โขกจนหน้าผากโนขึ้นมาเท่าไข่ไก่

ตอนที่อวิ๋นหลิงทายาให้เยี่ยนอ๋อง เขากลับพูดด้วยเสียงร้องไห้แต่ไร้น้ำตาว่า “ข้าคงจะดวงไม่ดี ถึงได้โชคร้าย ซวยซ้ำซวยซ้อนเช่นนี้”

“ก็ไม่เสมอไป” เซียวปี้เฉิงนั่งอยู่ข้างๆอย่างรู้สึกครึกครื้น “บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าปล่อยข่าวลือเรื่องชื่อเสียงของเว่ยฉือเลี่ยเลวร้ายเกินไป จึงได้ถูกสวรรค์ลงโทษ”

เยี่ยนอ๋องหดลำคอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาทันที และสงสัยว่าตนเองกำลังถูกฟ้าลงโทษหรือเปล่า

เว่ยฉือเลี่ยที่เพิ่งรับตำแหน่งอ๋องทูเจวียตะวันออก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่มองจากประสบการณ์ของอีกฝ่าย ก็นับว่าเป็นผู้ทะเยอทะยานคนหนึ่ง

ได้ยินมาว่าเว่ยฉือเลี่ยเป็นเลือดผสม เชื้อสายครึ่งหนึ่งในตัวเป็นคนแคว้นต้าโจว

ที่จริงราชวงศ์เว่ยฉือมีคนที่เหมือนเขาเยอะมาก ฮูหยินเหลียนเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมาก กระทั่งในตัวของซ่งเชว่อวี่ก็มีสายเลือดของราชวงศ์ทูเจวีย

ช่วงแรกที่พวกป่าเถื่อนก่อความวุ่นวายยังชายแดนแคว้นต้าโจว ได้จับตัวหญิงสาวของแคว้นต้าโจวไปไม่น้อย ถูกบีบบังคับให้กำเนิดลูกเป็นจำนวนมาก

เพื่อการแทรกซึมแคว้นต้าโจว ราชวงศ์เว่ยฉือตั้งใจบ่มเพาะต้นกล้าเหล่านี้ ปลูกฝังความเกลียดชังต่อแคว้นต้าโจวในใจของพวกเขา

เพียงแต่ราชวงศ์เว่ยฉือได้ทิ้งเมล็ดพันธุ์ของตนเองไว้ตามใจมากเกินไป จึงแทบจะไม่เห็นความสำคัญของทายาทที่เป็นเลือดผสมเลย

การมีตัวตนอยู่ของซ่งเชว่อวี่ จึงเป็นได้แค่ผู้ใต้บังคับบัญชาและหมากตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเหมือนสายเลือดราชวงศ์ที่แท้จริง

ฮูหยินเหลียนถือว่าเป็นผู้โชคดีส่วนน้อย เป็นลูกที่อ๋องทูเจวียผู้เฒ่าทิ้งเอาไว้ ตำแหน่งจึงสูงกว่านางมาก

แต่ในใจของอ๋องทูเจวียผู้เฒ่า นางก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ตอนที่ตาแก่นั่นบุกโจมตีเข้ามาในวังหลวงของแคว้นต้าโจว ก็ไม่เคยเอ่ยถามถึงฮูหยินเหลียนสักคำ

เว่ยฉือเลี่ยถือเป็นคนที่แตกต่างในบรรดาพวกเขา เขาเป็นลูกของคนในราชวงศ์ที่ถูกทิ้งไว้เพียงเพราะต้องการความสุขชั่วคราว ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรและไม่มีใครให้ความสำคัญ

แต่หลังจากที่อ๋องทูเจวียผู้เฒ่าตายไป ชนเผ่าในทุ่งกว้างได้เกิดศึกภายในไม่หยุดหย่อน เขาแสดงความสามารถจนทุกคนตกตะลึง แย่งชิงอำนาจอ๋องไป จากนั้นก็เสนอขอเป็นพันธมิตรกับแคว้นต้าโจว

เมื่อพูดถึงคนผู้นี้ เยี่ยนอ๋องก็ส่ายหน้า

“เว่ยฉือเลี่ยเป็นคนทูเจวียที่ใกล้ชิดกับแคว้นต้าโจวจริงๆ แต่ข้าก็ทำเพื่อช่วยพวกพี่สามไม่ใช่หรือไง จึงได้ทำให้ชื่อเสียงเขาเสียหายอยู่บ้าง”

ทำไมคนที่ได้รับผลกระทบกลับเป็นเขากับพระสนมหลี่สองแม่ลูก

เซียวปี้เฉิงหน้าชาขึ้นมาชั่วขณะ “ในวังลือกันไปถึงไหนแล้ว แน่ใจนะว่าชื่อเสียงเสียหายเพียงเล็กน้อย”

ตอนนี้ในวังบรรยายถึงเว่ยฉือเลี่ย น่ากลัวกว่าภูตผีปีศาจถึงสามเท่า

เซียวปี้เฉิงสนิทกับกรมกลาโหมและกองทัพมาก มีการเขียนจดหมายติดต่อกันอยู่เสมอ ได้ยินท่านพ่อของเยี่ยเจ๋อเฟิงพูดถึงเว่ยฉือเลี่ยอยู่บ่อยๆ เขาจึงมีความเข้าใจลึกซึ้งกว่า

ว่ากันว่า เว่ยฉือเลี่ยเพิ่งจะอายุยี่สิบปี หน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ดูแล้วเหมือนหนุ่มอายุยี่สิบหน้ายี่สิบหกปี

อีกฝ่ายกล้าหาญเก่งกาจเรื่องการรบ มีพรสวรรค์แตกต่างจากคนอื่น เป็นแบบฉบับชายหนุ่มในทุ่งหญ้ากว้างโดยแท้ นิสัยใจนักเลงตรงไปตรงมา

แต่ไม่ได้ป่าเถื่อนเลือดร้อนโง่เขลาเหมือนที่พูดถึงกัน ภายในมีความสง่าและละเอียดอ่อนแฝงอยู่บ้างเหมือนชาวแคว้นต้าโจว มีความฉลาดและสุขุมมาก

ก่อนหน้านี้ อวิ๋นหลิงก็เคยได้ยินเซียวปี้เฉิงพูดถึงเรื่องราวของอีกฝ่าย

สรุปแล้ว คนที่เยี่ยนอ๋องส่งไปปล่อยข่าวลือพูดถึงเว่ยฉือเลี่ยอย่างเลวร้ายสุดขั้วยิ่งกว่าปีศาจ

ชาวแคว้นต้าโจวมีมุมมองแง่ลบต่อชาวทูเจวียมาตั้งนานแล้ว ไม่ช้าก็แพร่สะพัดออกไปจนรู้กันทั่ว ไปยังทิศทางที่เหลือเชื่อจนกู่ไม่กลับแล้ว

หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน ข่าวลือฉบับใหม่เอี่ยมเมื่อเทียบกับความจริงแล้วก็เปลี่ยนโฉมไปหมด

“ข่าวลือบอกว่าเว่ยฉือเลี่ยสูงสองเมตรยี่สิบเซนติเมตร คนอายุยี่สิบปีแต่มีใบหน้าเหมือนอายุห้าสิบปี มีแรงมหาศาลสามารถฆ่าหมีดำตายได้ด้วยมือเปล่า คืนที่เกิดสงครามภายในเขาใช้มือเปล่าฉีกร่างเชลยศึกร้อยกว่าคน ยังย่างเนื้อคนมากิน ใช้เลือดของทารกเป็นเหล้า บังคับหญิงสาวสิบกว่าคนให้ร่วมหลับนอนกับเขา”

สาวงามในตำหนักสาวงามฟังจบก็ตกใจจนงุนงงไปหมด ทยอยหนีออกไปจนเหลือแค่หลักหน่วยเท่านั้น

สาวงามที่ยืนหยัดอยู่ต่อเพียงไม่กี่คน รู้สึกเจ็บปวดหัวใจจากการถูกทรมานเป็นระยะเวลานาน

พวกนางล้วนแบกรับภารกิจของวงศ์ตระกูล มุ่งมั่นจะอยู่ต่อเพื่อแต่งเขาราชวงศ์

องค์หญิงแต่งงานเพื่อสันติภาพมีเพียงคนเดียว ก่อนหน้านี้มีสาวงามนับร้อยคน อย่างไรเสียก็สามารถเดิมพันโชคชะตาเพื่อให้อยู่ต่อได้

แต่เมื่อคนในตำหนักสาวงามน้อยลงทุกที โอกาสที่พวกนางจะถูกคัดเลือกเป็นองค์หญิงแต่งงานเพื่อสันติภาพก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวาดกลัวก็ยิ่งหยั่งรากลึกในใจมากขึ้น

อีกสามวันเว่ยฉือเลี่ยก็จะเข้าเมืองหลวงแล้ว เซียวปี้เฉิงใช้ไม้ตายสุดท้าย ให้นางกำนัลแสร้งทำเป็นปล่อยข่าว

“หญิงงามเหล่านั้นไม่อยากเป็นองค์หญิงแต่งงานเพื่อสันติภาพ คนในตำหนักสาวงามหนีไปเกือบหมดแล้ว ช่วงนี้องค์รัชทายาทกำลังกลุ้มใจว่าควรจะทำอย่างไรดี เมื่อคืนข้าได้ยินใต้เท้ากรมวังเอ่ยขึ้นว่า องค์รัชทายาทคิดจะไปขอราชโองการจากฝ่าบาท ยกเว้นให้สาวงามที่เหลือได้อยู่ต่อ หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกนางหาช่องว่างเพื่อหนีไปอีก”

ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ถ้ายังไม่หนีก็ไม่ทันแล้ว

เมื่อข่าวนี้หลุดออกไป สาวงามที่เหลือต่างก็ตกใจจนไม่สบาย แต่ละคนมีสภาพเหมือนคนใกล้ตายแล้ว

อวิ๋นหลิงรีบให้ความร่วมมือกับสามีทันที อ้างว่าสาวงามเหล่านี้ป่วยเป็นโรคในช่วงปีใหม่ บุญวาสนาช่างเบาบางจริงๆ ให้ทางกรมวังเอาออกไปจากวังให้หมด

ตอนที่เหล่าสาวงามจากไป แต่ละคนมีรูปร่างผอมโซ ใบหน้าเหลืองซีด เบ้าตาดำคล้ำกลวงโบ๋

ใครไม่รู้คงคิดว่าเพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ