“อีกครึ่งชั่วยามงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว ข้าต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้ว เรื่องอื่นค่อยเล่าให้เจ้าฟังอีกทีแล้วกัน”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า อาศัยช่วงที่เซียวปี้เฉิงอาบน้ำ ไปตรวจดูอาการขององค์หญิงหกที่ตำหนักซู่อวี้
หลังจากที่องค์หญิงหกกลับวัง จักรพรรดิจาวเหรินได้ข่าวในทันที รีบลุกขึ้นมาเพื่อไปเยี่ยม
แต่องค์หญิงหกอ้างว่าต้องอาบน้ำแต่งตัว ปฏิเสธที่จะพบหน้าเขา
จักรพรรดิไม่มีทางอื่น ได้รู้ว่าองค์หญิงหกหนีออกไปครั้งนี้กลับมาอย่างปลอดภัย ได้แต่กลับไปยังพระที่นั่งบำรุงฤทัยเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยงสักครู่
ตอนที่อวิ๋นหลิงมา อีกฝ่ายเพิ่งจะกลับไป นางกำนัลในตำหนักซู่อวี้เห็นนางมา หลังจากเข้าไปรายงานแล้วก็เชิญนางเข้าไปข้างใน
องค์หญิงหกสวมชุดนอนนั่งอยู่บนตั่ง ผมที่แผ่สยายอยู่กลางหลังกึ่งแห้งกึ่งเปียก ในอ้อมอกยังอุ้มเตาผิงเล็กๆเอาไว้
หลังจากเห็นอวิ๋นหลิง นางก็รีบลุกขึ้นไปหา น้ำตาไหลพรากออกมาทันที
“พี่สะใภ้สาม......ขอโทษ”
องค์หญิงร้องไห้ออกมา ขอโทษนางด้วยเสียงสะอื้น
“ข้าไม่ดีเอง ไม่ควรเอาแต่ใจและหนีไป ทำเอาพี่สามกับทุกคนต้องเป็นห่วงข้า ทั้งยังระดมกำลังออกตามหาและช่วยเหลือ”
ตอนที่ถูกโจรขับรถม้ากับเจ้าของโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นพวกเดียวกันลักพาตัวและปล้น นางก็รู้สึกเสียใจต่อความใจร้อนและเอาแต่ใจของตัวเองในวันนั้นมาก
ได้ยินว่าจะถูกขายไปยังสถานเริงรมย์ของเมืองลี่ องค์หญิงหกรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนที่นางไปไม่ได้ทิ้งข่าวคราวอะไรไว้แม้แต่น้อย ถ้าหากไม่มีใครรู้ว่านางต้องเผชิญกับอะไร หลังจากนี้จะตกอยู่ในสภาพเช่นไร
ความกลัวปกคลุมเต็มหัวใจ นางแสดงตัวว่าเป็นองค์หญิงด้วยความตกใจและโกรธเคือง และใช้เครื่องประดับของราชวงศ์เป็นหลักฐานยืนยัน
แต่หลังจากที่คนกลุ่มนั้นรู้แล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่หยุดด้วยความกลัว กลับทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ตัดสินใจจะขายนางออกไป ขายไปยิ่งไกลก็ยิ่งดี
“ถ้าเจ้าเป็นองค์หญิงจริง เช่นนั้นพวกพี่น้องยิ่งไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ มิเช่นนั้นหากปล่อยเจ้าไปแล้ว ก็เท่ากับว่ารักษาหัวของพวกเราไว้ไม่อยู่แล้ว”
องค์หญิงหกตกตะลึงอีกครั้ง ขอเพียงปล่อยนางไป จะไม่ถือโทษพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่มีใครสนใจนางเลย
อวิ๋นหลิงไม่ได้ถือสาเด็กน้อย เอ่ยปลอบใจนางหลายประโยค
“จำบทเรียนไว้ให้ดี วันหลังอย่าทำเช่นนี้อีกเด็ดขาด ปี้เฉิงเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟังแล้ว เขาบอกว่าเว่ยฉือเลี่ยช่วยเจ้าเอาไว้”
องค์หญิงหกกัดริมฝีปากที่ไร้เลือดของตัวเอง พยักหน้าอย่างลังเล
“ตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม กลุ่มของโจรขับรถม้าวางยาผงเอ็นนิ่มให้ข้ากิน อยากจะพาข้าไปที่เมืองลี่คืนนั้นเลย ระหว่างทางพวกเขามีหมู่บ้านโจรที่ซ่อนอยู่บนภูเขาเป็นที่พัก”
“และตอนที่เตรียมจะเข้าไปในภูเขานั่นเอง ข้ามองเห็นกลุ่มคนขบวนหนึ่งอยู่บนทางหลวงด้านล่าง จึงคิดสู้จนตัวตายกระโดดลงไปกลางภูเขา กลิ้งจากเนินเขาไปถึงหน้ารถม้าคันหนึ่ง”
ได้ยินถึงตรงนี้ อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะวิเคราะห์องค์หญิงหกอย่างละเอียดขึ้นมา
องค์หญิงหกจึงรีบพูดขึ้นว่า “นับว่าตกใจมากแต่ก็ปลอดภัย หิมะที่สะสมบนภูเขาหนามาก ร่างกายข้านอกจากแผลถลอกเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรร้ายแรง”
เพียงแต่หลังจากที่กลิ้งลงไปนางก็สลบไป ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถูกเว่ยฉือเลี่ยช่วยขึ้นไปบนรถม้าแล้ว
ด้วยความที่กลิ้งอยู่บนหิมะหนาเป็นระยะทางยาวมาก เสื้อผ้าบนร่างกายนางเปียกชุ่มไปหมด ตอนที่ตื่นมาบนร่างจึงสวมชุดของชายหนุ่มเอาไว้
อวิ๋นหลิงถามต่อไปว่า “สาวรับใช้ของเว่ยฉือเลี่ยช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ”
นางรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ถ้าหากสาวรับใช้ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทำไมองค์หญิงหกจึงสวมเสื้อผ้าของเว่ยฉือเลี่ย
แต่ทำไมเซียวปี้เฉิงบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่เกินเลย
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ องค์หญิงหกสีหน้าซีดขาวลงหลายส่วน เหมือนยากจะเอ่ยปากพูดออกมา
เพราะ”จุดอ่อน”ขององค์หญิงหกอยู่ในมือเขา ผู้ติดตามตั้งมากมายต่างก็รู้
ได้ยินดังนั้น องค์หญิงหกก็มองนางอย่างนิ่งอึ้ง “เสด็จพ่อ......ไม่รับแม่นางหลีมาเป็นสนมแล้วหรือ”
“หลังจากที่เจ้าไปนางก็บอกแล้ว ถ้าหากทำให้เจ้าเสียใจละก็ เช่นนั้นเขาก็ไม่เรียกตัวแม่นางหลีเข้าวังแล้ว หลังจากนี้ห้าปีวังหลังจะไม่รับคนใหม่เข้ามา ขอเพียงเจ้าไม่โกรธและหนีออกไปอีกก็พอ”
องค์หญิงหกดวงตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก้มหน้าลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อวิ๋นหลิงเหลือบมองนาฬิกาพก ใกล้จะสายแล้ว นางยังต้องรีบไปร่วมงานเลี้ยง ต้องรีบแต่งหน้าแต่งตัวแล้ว
หลังจากที่ปลอบใจองค์หญิงหก ก็กลับไปยังตำหนักบูรพา รอเซียวปี้เฉิงออกงานพร้อมกัน
ไม่ช้างานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น
“รัชทายาทและพระชายารัชทายาทมาเสด็จแล้ว”
สิ้นเสียงของขันทีประกาศ อวิ๋นหลิงก็ก้าวเข้าไปในตำหนักที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสและการตกแต่งที่สวยงามละลานตา
เพียงแวบเดียวนางก็มองเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของจักรพรรดิจาวเหริน คิดว่านี่คงเป็นอ๋องทูเจวียตะวันออกเว่ยฉือเลี่ย
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดูแข็งแรงกว่าชาวฮั่นมาก เดิมทีโต๊ะที่ถือว่ากว้างมากวางอยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้ดูแล้วเหมือนของเล่นชิ้นใหญ่ มีความน่าขันและตลกอยู่หลายส่วน
หลังจากที่สายตาของอวิ๋นหลิงมองไปบนร่างของเว่ยฉือเลี่ย ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนอื่นจึงบอกว่าเขาอายุแค่ยี่สิบปี แต่ดูแล้วกลับเหมือนคนอายุยี่สิบห้ายี่สิบหก
เพราะใต้คางและข้างแก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยหนวดหนารุงรัง บวกกับหมวกขนฟูที่อยู่บนศีรษะ เป็นหมวกสักหลาดในแบบของชาวทุ่งหญ้าที่แท้จริง เหมือนใบหน้าทั้งหมดถูกฝังไว้ใต้ลูกบอลขน
......จะบอกว่าเหมือนอายุยี่สิบห้ายังน้อยไป ถึงขั้นที่แค่มองอีกฝ่ายแวบแรกก็อยากจะเรียกว่าท่านลุงแล้ว
มีเพียงดวงตาสีฟ้าลึกล้ำคู่นั้นที่เผยออกมาข้างนอก และสันจมูกที่โด่งอย่างเห็นได้ชัด พอจะทำให้มองออกว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...