อาจารย์ของเซียวปี้เฉิงเป็นลูกบุญธรรมของอู๋อันกง ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีการทำโสมหิมะน้ำค้างหยกเช่นกัน
เขาใช้เงินไปมาก เสียเวลาสองปีกว่าในการรวบรวมตัวยาจนครบ และได้ไหว้วานให้หลินซินทำยาโสมหิมะน้ำค้างหยกขึ้นมาหนึ่งขวด คิดว่าจะมอบให้ฉู่อวิ๋นหานเป็นของขวัญวันเกิด
“ให้เจ้าเอาไปให้ก็ไปซิ ไม่ต้องพูดมาก”
เดิมทีนางก็อัปลักษณ์มากพออยู่แล้ว ถ้าบนร่างกายยังมีรอยแผลเต็มไปหมด เช่นนั้นก็ไม่มีจุดไหนน่าดูเลย เซียวปี้เฉิงคิดอย่างรังเกียจ
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังช่วยเยี่ยนอ๋องแก้ไขปัญหาเรื่องพิษเย็น
“แล้วคุณหนูรองฉู่......”
สีหน้าของเซียวปี้เฉิงเย็นชาลงไปอีกสองส่วน พูดเสียงเรียบว่า “นางไม่จำเป็นต้องใช้ของสิ่งนี้”
เฉียวเย่ส่งสัญญาณให้ลู่ฉี “มีท่านอ๋องคอยปกป้องอยู่ คุณหนูรองฉู่ไม่มีทางไดรับบาดเจ็บอะไร ตามข้าไปเอายาเถอะ”
ลู่ฉีได้แต่เดินตามเฉียวเย่ไปเอายา สีหน้าไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ใต้เท้าเฉียว ท่านว่าท่านอ๋องถูกทารุณกรรมหรือไม่”
เฉียวเย่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “คุมปากของท่านให้ดี อย่าพูดจาเหลวไหล”
“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล พระชายาทั้งตีทั้งด่าท่านอ๋อง เมื่อครู่ยังทำท่าทีกราดเกรี้ยวในเรือนเยี่ยนหุย เกือบจะล้มโต๊ะวางของอยู่แล้ว ท่านอ๋องกลับไม่ตำหนินางแม้แต่น้อย”
เฉียวเย่ยัดกล่องที่บรรจุโสมหิมะน้ำค้างหยกให้กับลู่ฉี “พระชายาทรงช่วยเยี่ยนอ๋องขับไล่พิษเย็น เป็นความดีความชอบ ท่านอ๋องย่อมไม่ถือสานาง”
“แล้วคุณหนูรองฉู่เล่า” ลู่ฉีไม่เข้าใจจริงๆ “พระชายาใส่ร้ายว่าเรื่องในคืนงานเลี้ยงเป็นฝีมือของคุณหนูรองฉู่ ท่านอ๋องแต่ไหนแต่ไรก็เข้าข้างนาง แต่ครั้งนี้กลับนิ่งเฉย”
แล้วยังมอบยาที่แสนล้ำค่าอย่างโสมหิมะน้ำค้างหยกให้กับพระชายาอีก ทั้งๆที่สองวันก่อน ท่านอ๋องยังแทบจะฆ่านางอยู่เลย
เฉียวเย่นิ่งเงียบไป ที่จริงจุดนี้เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
……
ตอนที่ลู่ฉีส่งโสมหิมะน้ำค้างหยกไปถึงเรืยนหลันชิง ก็ได้กลิ่นหอมของอาหารมาตั้งแต่ไกลแล้ว
ทางห้องครัวคำนึงถึงบาดแผลบนร่างของอวิ๋นหลิง กับข้าวที่ทำจึงค่อนข้างจืด ตอนที่ลู่ฉีมาถึง อวิ๋นหลิงกำลังกินอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย
เขากลืนน้ำลายลงคอ เงยหน้ามองไปบนคานบ้าน บังคับให้ตนเองไม่ก้มหน้าไปมองอาหารเลิศรสที่มีอยู่เต็มโต๊ะ
“เรียนพระชายา ท่านอ๋องให้กระหม่อมเอายามาส่งให้ท่าน”
ช่างหอมจริงๆ นี่มันซี่โครงตุ๋นนี่นา
“มันคือยาอะไร” อวิ๋นหลิงหยิบเอาขวดกระเบื้องเคลือบในกล่องไม้ออกมา นำขึ้นมาดมด้วยจมูกที่มีประสาทรับกลิ่นที่สามารถแยกแยะส่วนผสมได้
ลู่ฉีมองขึ้นไปข้างบน “โสมหิมะน้ำค้างหยก”
หอมจริงๆ นี่มันแกงจืดเต้าหู้ปลากะพงนี่นา
“ใช้ทาภายนอก......หรือว่ากิน” กลิ่นเหมือนยาทาภายนอก แต่เมื่อเห็นท่าทีกลืนน้ำลายของลู่ฉี อวิ๋นหลิงก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
ลู่ฉียังคงมองไปทางด้านบนอย่างต่อเนื่อง “กิน......เอ๊ยไม่ใช่ ทาภายนอก”
หอมจริงๆ นี่มันไก่ดำอบพุทราจีนนี่นา
“มีฤทธิ์อย่างไรบ้าง”
ลู่ฉียังคงมองด้านบน “รักษาแผลภายนอก ระงับอาการปวด หลังจากที่ทาแล้วบาดแผลตกสะเก็ดก็จะไม่เกิดอาการคัน”
หอมจริงๆ เขารู้สึกหิวมาก
“ข้าจะรับเอาไว้ ช่วยข้าขอบคุณท่านอ๋องของเจ้าด้วย”
“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวลา”
ลู่ฉีหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็วมาก เกรงว่าจะควบคุมตนเองไม่อยู่จนกระโจนเข้าหาอาหารบนโต๊ะ
อวิ๋นหลิงจ้องมองตงชิงอย่างสงสัย “องครักษ์ของจวนจิ้งอ๋องต่างก็เหมือนเซียวปี้เฉิง ชอบใช้รูจมูกในการมองผู้อื่นหรือ”
แต่จุดสนใจของตงชิงกลับอยู่ที่ขวดใบเล็กๆนั่น สีหน้าดีใจ “คุณหนู นี่มันโสมหิมะน้ำค้างหยกเชียวนะเจ้าคะ ท่านอ๋องถึงกับเอายารักษาบาดแผลล้ำค่าเช่นนี้มามอบให้ท่าน”
ที่สุดแล้วก็เป็นสามีภรรยาที่ร่วมหอกันหนึ่งราตรีแต่ผูกพันรักร้อยวัน ท่านอ๋องไม่ได้เย็นชาไร้จิตใจเหมือนที่ข่าวลือเขาว่ากัน
สมองของอวิ๋นหลิงทำการค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวกับยารักษาแผล เข้าใจแล้วว่ายานี้เป็นของหายาก ราคาสูงลิ่ว
สีหน้าของนางอ่อนลง เซียวปี้เฉิงแม้จะไม่ใช่คนที่น่าชื่นชอบ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์อะไร
เปิดจุกขวดออก ของเหลวสีเขียวอ่อนเหมือนเนื้อหยก กลิ่นหอมสดชื่นสายหนึ่งลอยออกมา อวิ๋นหลินได้กลิ่นและรู้ถึงส่วนผสมหลักในยาหลายตัวทันที
ยานี้ไม่เลวจริงๆ แต่ยังมีจุดที่สามารถปรับปรุงได้
อวิ๋นหลิงตัดสินใจถอดสูตรยาออกมา หลังจากปรับปรุงแล้วทำให้ต้นทุนต่ำลง และขายในราคาสูงหากำไรสักครั้ง
หลังจากกินข้าวเสร็จ ตงชิงก็ทายาให้นาง รู้สึกสบายขึ้นมากทีเดียว
“องค์กร”
“เออ ข้าหมายถึงสำนักของพวกข้า”
องค์กรมีความสุขที่สมควรถูกมีดแทงเป็นพันเล่ม ถูกลงโทษอย่างสาสม
นึกถึงสามสาวที่เพิ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่เด็ก ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา อวิ๋นหลิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
เซียวปี้เฉิงรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงกัดฟันหลายส่วนในคำพูด “อาจารย์เจ้ายังมีศิษย์คนอื่นอีกหรือ คนอื่นต่างก็มีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมเหมือนเจ้าหรือไม่”
เขารออยู่นาน แต่อวิ๋นหลิงกลับไม่พูด บรรยากาศในรถม้าเหมือนจะอึมครึมอยู่บ้าง
เซียวปี้เฉิงรับรู้ได้ว่า นางอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ในเมื่อไม่ยินดีจะพูด เขาก็ไม่ถามอีก
เพราะว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่อวิ๋นหลิงก็ไม่ค่อยจะดีนัก
รถม้าค่อยๆจอดลงตรงหน้าจวนเหวินกั๋วกง อวิ๋นหลิงประคองเซียวปี้เฉิงลงจากรถม้า และพบเข้ากับฉู่อวิ๋นหานที่หน้าประตูอย่างบังเอิญ
ข้างกายของฉู่อวิ๋นหานมีชายหนุ่มชุดเขียวยืนอยู่คนหนึ่ง นั่นคือพี่ชายแท้ๆของนางฉู่อวิ๋นเจ๋อ ทั้งสองกำลังออกมาส่งชายที่สวมชุดหรูหราดูดีคนหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก
เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำในสมอง อวิ๋นหลิงก็รู้ว่าชายที่สวมชุดหรูหราคนนั้นคือเฟิงเหยียนลูกชายคนโตของเสนาบดีซ้ายเฟิง หลานชายของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน
ตระกูลของคนคนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่ล้นฟ้า แต่ไหนแต่ไรก็ทำตัวยโสโอหัง ได้รับฉายาเป็นคุณชายที่ชั่วร้ายที่สุดในเมืองหลวง ไม่มีใครกล้าแหย่
ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้ก็ชื่นชอบฉู่อวิ๋นหาน เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเซียวปี้เฉิง
“นี่มันจิ้งอ๋องเทพสงครามแห่งแคว้นต้าโจวมิใช่หรือ ไม่เจอกันหลายวัน เป็นอย่างไรบ้าง”
เฟิงเหยียนหันมาพบเข้ากับเซียวปี้เฉิงและอวิ๋นหลิง ชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นและแววเย้ยหยัน
“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันท่านอ๋องเพิ่งจะแต่งงาน แต่ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ฉู่อวิ๋นหลิงที่เป็นผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดในเมืองหลวงจะไปคู่ควรกับเทพสงครามแห่งแคว้นต้าโจวได้อย่างไร ฮ่องเต้ทรงประทานงานแต่งงานด้วยเหตุผลใด ช่วยแถลงไขให้ข้าเข้าใจหน่อยได้หรือไม่”
เฟิงเหยียนถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ ส่งสายตาให้กับผู้ติดตามที่อยู่ทางด้านหลัง อยากจะให้ร่วมกันทำให้เซียวปี้เฉิงอับอายกลางถนน
อวิ๋นหลิงกำลังอารมณ์ไม่ดี พอดีกับที่เขาเข้ามาหาเรื่อง จึงด่ากราดออกมาทันที
“ปากเหม็นขนาดนี้ เจ้าเติบโตด้วยการกินขี้มาตั้งแต่เด็กกระมัง”
เมื่อพูดออกไป ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเฟิงเหยียนมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...