ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 47

ในขณะที่ยี่หวากำลังประชุมกับพนักงานเรื่องการเปิดบูติคแห่งใหม่ที่สำนักงานอยู่นั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกเดี๋ยวจะต้องไปรับคนเก่งของเธอที่โรงเรียน แต่เมื่อเห็นตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือก็ทำให้ตกใจทันที

15:11 น.

เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย แล้วเธอจะไปรับคนเก่งทันไหม ไม่รอช้ายี่หวารีบหยิบกระเป๋าสะพายและลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยที่ไม่ลืมบอกพนักงานคนอื่นว่า “เลิกประชุม”

ยี่หวาพูดจบก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบวิ่งออกไปที่รถแล้วขับไปยังโรงเรียนอนุบาลที่หนูน้อยเรนจิเรียนอยู่ทันที

เมื่อมาถึงที่หมาย ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามยี่สิบสองนาที ทำให้หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งนี้ไม่มีที่จอดรถหลงเหลืออยู่เลย จะให้เด็กน้อยเดินมาหาก็ไม่ได้ คุณครูคงไม่ยอมให้เด็กเดินออกมาคนเดียว เพราะโรงเรียนคงไม่อยากต้องมานั่งรับผิดชอบถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นทีหลัง

งั้นเธอก็คงต้องเดินไปรับคนเก่งที่หน้าประตูโรงเรียนเองสินะ

ยี่หวาจอดรถเทียบฟุตบาทที่อยู่ห่างจากประตูหน้าโรงเรียนประมาณสองร้อยเมตร จากนั้นรีบลงจากรถแล้วเดินไปตรงหน้าทางเข้าทันที ซึ่งตอนนี้ยี่หวาไม่รู้ตัวเลยว่าเธอนั้นโดดเด่นขนาดไหน

เนื่องจากรถที่ยี่หวาขับมาวันนี้เป็นรุ่นแอสตันมาร์ติน วัน-77 รถสปอร์ตคาร์ที่ผลิตไม่ถึง 100 คันในโลก บวกกับรูปร่างและสัดส่วนของเธอที่อยู่ภายใต้ชุดที่ยี่หวาเป็นคนออกแบบและตัดเย็บเอง

ยี่หวาอยู่ในชุดเดรสสั้นรัดรูปแขนยาวสีชมพูอ่อน ผ้าเรย่อนเนื้อยืด ผูกโบไว้ตรงเอวทำให้เห็นเอวคอดที่ชัดเจน ขาเรียวยาวเนียนสวย รวมถึงผิวขาวอมชมพูสดใส และด้วยใบหน้าที่ถูกแต่งเติมนิดหน่อยให้ดูใสๆ ทำให้ยี่หวามีความเซ็กซี่พร้อมกับความน่ารักสดใสในตัว ที่ใครเห็นเป็นต้องตกอยู่ในภวังค์นั้น

ผู้หญิงคนนี้เกินคำว่าสวยไปแล้ว!

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นดาราหรือเปล่า ทำไมไม่เคยเห็นเลย”

“ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเป็นดาราจริงสวยขนาดนี้ไม่มีทางลืมแน่ๆ เผลอๆ ผู้หญิงคนนี้จะสวยกว่าดาราดังบางคนอีกด้วยซ้ำ”

“ผู้หญิงคนนี้สวยเกินไปไม่กล้าแม้แต่จะอิจฉาเลย ดูหุ่นนั่นสิ ต้องเกิดอีกกี่ชาติไม่รู้ถึงจะได้แบบนี้ เธอเป็นใครกันแน่นะแล้วเธอมาทำอะไรที่นี่”

“หรือว่าเธอจะมารับลูก?”

“บ้าเหรอ! เธออาจจะมารับน้องก็ได้ สวยขนาดนั้นแถมหน้าตายังดูเด็กอีกไม่มีทางมีลูกหรอก”

“ดูเหมือนว่าเธอจะรวยมากเลยนะ ดูรถที่เธอขับมาสิ เป็นถึงรถนอกเลย ราคาเกือบร้อยล้าน ทำไมคนแบบนี้พวกเราถึงได้ไม่รู้จักนะ ไม่รู้ว่าเป็นคนตระกูลไหนจะได้ไปทาบทามให้คนรู้จัก”

“นี่หยุดเลย ฉันจองแล้ว”

ยี่หวาได้ยินทุกประโยคที่เหล่าคุณหญิงคุณนายกำลังพูดถึงเธอตั้งแต่ที่ลงจากรถมา จนตอนนี้เธอเดินมาถึงทางเข้าประตูหน้าโรงเรียนพวกเขาก็ยังคงไม่หยุดพูด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจยังคงยืนรอคนเก่งของเธอที่หน้าทางเข้าอย่างตื่นเต้น

โชคดีที่โรงเรียนยังไม่ปล่อยเด็กออกมา ไม่งั้นคนเก่งของเธอต้องรอนานแน่ๆ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทันทีที่คุณครูปล่อยให้กลับบ้าน เรนจิก็รีบเก็บของหยิบกระเป๋าเป้ใบน้อยขึ้นสะพายหลัง แล้วเดินออกไปจากห้อง

พอเรนจิเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูก็รีบมองหายี่หวา ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงยูตะเพื่อนร่วมชั้นดังขึ้นมาว่า “วันนี้ใครมารับเรนเหรอ”

เรนจิไม่ได้สนใจคำพูดนั้น เอาแต่คอยชะเง้อมองหายี่หวาต่อไป เพราะรู้ว่าต่อไปเพื่อนร่วมชั้นพวกนี้จะพูดว่าอะไรต่อ

สักพักตามด้วยเสียงของไททั่นเพื่อนร่วมชั้นอีกคน “จะใครได้อีกล่ะ ก็ต้องเป็นพ่อของเรนน่ะสิ”

“เออใช่ เราลืมไปได้ยังไงว่าเรนเป็นเด็กไม่มีแม่”

พอสิ้นเสียงของยูตะ เหมือนกับว่าเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เด็กทุกคนที่อยู่แถวนั้นก็ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงว่า “เรนเป็นเด็กไม่มีแม่”

คุณครูที่อยู่แถวนั้นต่างก็ทำหน้าเบื่อหน่าย ไม่รู้จะห้ามปรามยังไง เพราะเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกเย็นเลย ขอเพียงแค่คุณภูวิศพ่อของเด็กคนนี้ไม่มาได้ยินก็พอแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กพวกนี้คงไม่มีชีวิตรอดต่อไปแน่

ส่วนยี่หวาที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นมุมอับทำให้เรนจิมองไม่เห็นเธอ เพราะอย่างนั้นคำพูดของเด็กพวกนั้นเธอจะไม่ได้ยินได้ยังไง

ขณะที่เด็กน้อยทั้งหลายกำลังส่งเสียงพร้อมกันว่าเรนไม่มีแม่ ยี่หวาที่หมดความอดทนเพราะเห็นคนเก่งของเธอถูกรังแก ก็รีบเดินเข้าไปอุ้มเรนจิขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะจุ๊บลงไปที่แก้มของเด็กน้อยหนึ่งที

“คนเก่งรอหม่ามี๊นานไหม”

เด็กน้อยที่ตอนนี้ถูกอ้อมกอดที่อ่อนนุ่มละมุนละไมโอบล้อม ดวงตากลมโตที่เบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าหม่ามี๊จะเดินเข้ามาอุ้มเขาแบบนี้ แต่ในใจเขาตอนนี้กลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“ใช่ๆ อีกอย่างเรนก็หน้าเหมือนพี่สาวแสนสวยคนนี้จะตาย ต้องเป็นแม่ของเรนไม่ผิดแน่ๆ” เมื่อเด็กผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น ผู้ใหญ่ที่อยู่แถวนี้ต่างก็จ้องมาที่หน้าของยี่หวาและหนูน้อยเรน ก็พบว่าเป็นอย่างที่เด็กคนเมื่อกี้พูดจริงๆ

ทั้งสองคนโครงหน้าคล้ายกันจริงๆ

เมื่อเห็นดังนั้นก็มีคุณหญิงท่านหนึ่งสรุปออกมา “แปลว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของเด็กคนนั้นจริงๆ สินะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”

“ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับประธานภูวิศล่ะ ทั้งคู่คบกันอยู่อย่างนั้นเหรอ หรือว่าแค่มีความสัมพันธ์เป็นแม่ของลูก”

ในสถานการณ์ตึงเครียดอยู่นั้นก็ได้มีเด็กน้อยคนหนึ่งหลุดปากพูดออกมาว่า “พ่อ! ผมอยากให้พี่สาวคนสวยมาเป็นแม่ของผมแทน”

ทำเอาผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็หัวเราะออกมา ส่วนคนเป็นพ่อกลับหัวเราะไม่ออก เพราะถ้าภรรยาเขามาได้ยินมีหวังเป็นเรื่องแน่

“เดี๋ยวแม่ก็ไม่ให้เข้าบ้านหรอก”

“แม่! ให้พี่สาวคนนี้มาเป็นแม่ของผมแทนได้ไหม” เด็กคนนี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ตัวเองเลยเหรอ

“สงสัยวันนี้คุณลูกชายคงอยากนอนนอกบ้านสินะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเรนจิก็ไม่รอช้ารีบเอื้อมมือไปโอบกอดคอยี่หวาไว้แน่น ราวกับว่ากลัวพวกเขาจะมาแย่งหม่ามี๊ไปจากตัวเอง

ส่วนยี่หวาที่รู้ว่าตอนนี้คนเก่งของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จากนั้นหันไปพูดเสียงหวานกับเด็กตัวน้อยๆ ว่า “พี่เป็นแม่ของเรนแล้ว คงจะไปเป็นแม่ให้พวกหนูไม่ได้”

ทันทีที่ยี่หวาพูดจบเด็กน้อยทั้งหลายต่างก็ทำท่าจะร้องไห้ ผิดกับเรนจิที่ตอนนี้เก็บอาการไม่อยู่แล้ว ยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข

หม่ามี๊เลือกเขา…

หม่ามี๊เป็นของเขา…

หม่ามี๊เป็นแม่ของเขา…คนเดียว!!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม