ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 49

จากนั้นยี่หวาก็เดินมาถึงจุดที่จอดรถไว้ โดยตลอดทางที่เดินมาก็อุ้มเรนจิไว้ในอ้อมกอดตลอด ซึ่งยี่หวากลับไม่รู้สึกว่าหนักหรือเมื่อยเลย ส่วนเรนจิทั้งที่ปกติไม่ชอบการถูกอุ้ม กลับอยากโดนอุ้มไปตลอดเลย เพราะคนที่อุ้มก็คือหม่ามี๊ของเขา

“จริงสิ ภูวิศนี่ใครเหรอ” ยี่หวาถามสิ่งที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อครู่ เพราะเมื่อกี้เธอได้ยินพวกเขาพูดถึงคนชื่อภูวิศแทนที่น่าจะเป็นวายุ

เรนจิหัวเราะเล็กน้อย “ชื่อจริงพ่อครับ”

คนส่วนใหญ่จะรู้จักวายุในชื่อของประธานภูวิศ ซึ่งในแวดวงธุรกิจทุกคนก็มักจะเรียกแต่ประธานภูวิศ น้อยคนนักที่จะรู้ชื่อเล่นของเขา

ส่วนยี่หวาก็ได้แต่คิดในใจ ‘ถ้าชื่อจริงเขาจะสั้นขนาดนี้คราวหลังไม่ต้องมีชื่อเล่นก็ได้นะ’

ยี่หวาพยักหน้าเข้าใจ “แล้วคนเก่งรู้ไหมว่าเวลานี้ปกติพ่อหนูอยู่ไหน”

“ทุกทีพ่อจะมารับผมตอนเย็นแล้วพาไปนั่งรอที่บริษัทครับ”

แสดงว่าตอนนี้เขาก็คงจะอยู่ที่ทำงานสินะ แต่เธอจะเข้าไปหาเขาได้เลยงั้นเหรอ เพราะจากที่ได้ยินคนอื่นๆ พูดมาวันนี้ เหมือนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครก็เข้าใกล้ได้แถมรู้สึกว่าเขาจะดังมากด้วยสิ

“งั้นเดี๋ยวหม่ามี๊ลองโทรถามพ่อหนูให้แน่ใจอีกทีดีกว่า” เพื่อความชัวร์ เพราะบางทีเขาอาจจะไม่ชอบให้เธอเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาก็ได้

ไม่รอช้ายี่หวารีบกดเบอร์โทรออกทันที เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงจากปลายสายเอ่ยขึ้น “ครับ?”

“…” ทันทีที่ยี่หวาได้ยินเสียงจากคนที่อยู่ปลายสาย อยู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมองฉับพลัน

บ้าหน่า เป็นคนคนเดียวกันจริงเหรอ…

เรื่องสำคัญแบบนี้เธอลืมไปได้ยังไง!

เมื่อวายุไม่ได้ยินเสียงจากปลายสายจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฮัลโหล? ได้ยินฉันไหม”

“เอ่อ…ฉัน…ยี่หวาค่ะ” เสียงของยี่หวาขาดๆ หายๆ เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่เพิ่งนึกได้ในหัว

“ฉันรู้ ฉันเมมเบอร์เธอไว้”

“รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ”

ถ้าเขาคือผู้ชายที่ยี่หวารู้จักก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่พูดแบบนี้ออกไปเลย เพราะอยู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่านามสกุลพิทวัสชญวงศ์ที่คนพวกนั้นพูดถึง ก็คือนามสกุลของคนที่ยื่นขอเป็นตัวแทนแบรนด์เฮอเซน

ซึ่งยี่หวาก็ได้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมาแล้วคร่าวๆ ทำให้รู้ว่านามสกุลนี้มีอิทธิพลต่อประเทศนี้ขนาดไหน แล้วนี่เธอกำลังทำบ้าอะไร เธอจะโทรไปหาเขาทำไม!!!

วายุรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของยี่หวาแปลกไป บวกกับถ้อยคำที่เธอพูดกับเขา จึงรีบเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ เปล่าๆ ไม่มีอะไรค่ะ แค่จะโทรมาบอกว่าฉัน เอ๊ย! ไม่สิ ดิฉัน เอ่อ…ฉันมารับเรนแล้วนะ”

เรนจิไม่ตอบได้แต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่คิดว่าพ่อของเขาจะอยากให้หม่ามี๊ไปหาขนาดนี้ เพราะเขาจำได้ว่าแม่ของเขาก็เคยมาหาพ่อที่บริษัทเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเหยียบเข้าบริษัทก็ถูกยามหน้าประตูไล่กลับไป อย่างกับว่าเป็นคำสั่งไว้อยู่ก่อนแล้ว

เขาจะเห็นแก่ที่พ่ออยู่ฝั่งเดียวกับเขา ดังนั้นเขาจะเป็นคนช่วยพ่อเอง

“ใช่ครับ เป็นคำสั่ง” ของหัวใจที่ให้หม่ามี๊ไปหา เพราะเอาจริงๆ แค่หม่ามี๊ปฏิเสธพ่อก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก เผลอๆ ได้แต่นั่งเสียใจเองด้วยซ้ำ

“งั้นเราสองคนรีบไปกันเถอะ คนเก่งบอกทางหม่ามี๊ด้วยนะ”

“ครับ”

เรนจิยิ้มอย่างร่าเริง เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจจะได้หม่ามี๊มาเป็นแม่จริงๆ ก็ได้ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

เพียงไม่กี่นาทีต่อมารถของยี่หวาก็มาจอดอยู่ที่หน้าบริษัทพิชญไพศาลกรุ๊ปแล้ว และไม่คิดว่าบริษัทเขาจะใหญ่ขนาดนี้ มีพนักงานกี่หมื่นคนกันแน่

“หม่ามี๊ขับรถเร็วเกินไปแล้วครับ ปกติจากโรงเรียนผมถึงบริษัทพ่อใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่หม่ามี๊ขับไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ” ทันทีที่ลงจากรถ เรนจิก็รีบบ่นหม่ามี๊ของตัวเองด้วยน้ำเสียงดุดัน

แต่คนที่ถูกดุก็ยังคงยิ้ม เพราะยี่หวารู้ว่าเด็กน้อยกำลังเป็นห่วงเธอจะให้ทำหน้าสลดก็คงไม่ได้

“ไม่ดุหม่ามี๊นะ พอดีว่ารถมันแรงไปหน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม