ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 60

เรื่องให้ความรู้สึกบอกว่ารัก โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อเวนิสถูกรถชน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนจนได้พบกับกอหญ้านางเอกของเรื่องที่สามารถมองเห็นเธอได้ ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ของเวกัสซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทั้งคู่ ทำให้เขาเหลือแค่น้องสาวคนเดียว โดยเวนิสจำเรื่องก่อนหน้าที่มีชีวิตอยู่ได้ ถึงแม้ความจำจะขาดหายไปบ้าง แต่เธอก็รู้ว่าพี่ชายเธอต้องอยู่คนเดียว จึงขอร้องให้กอหญ้าช่วยเข้าหาเวกัส เพื่อที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

ในตอนแรกกอหญ้าก็ไม่ยอมช่วยแต่เพราะทนเห็นแววตาอ้อนวอนของเวนิสไม่ไหวเธอจึงตัดสินใจช่วย กอหญ้าและเวนิสร่วมมือกันดักรอตามสถานที่ต่างๆ ที่เวกัสจะไป จนในที่สุดกอหญ้าและเวกัสก็เริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ เพราะเวกัสรู้สึกว่าเวลาที่เขาอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าได้อยู่กับน้องสาวอีกครั้ง

“คัท! ดีมาก” เสียงผู้กำกับกวินดังขึ้นหลังจบการถ่ายทำฉากที่ 22 ซึ่งเป็นฉากของเวกัสและกอหญ้า โดยมีเวนิสโผล่ไปนิดหน่อย “พักกอง เดี๋ยวเริ่มถ่ายอีกทีตอนบ่าย”

ยี่หวาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า ไม่คิดว่าการแสดงหนังจะเหนื่อยขนาดนี้ เพราะตั้งแต่ที่เธอมาถึงสตูดิโอก็ยังไม่ได้พัก ผู้กำกับสั่งให้คนเปลี่ยนชุดทำผมให้เธอใหม่แล้วเข้าฉากเลย

“เหนื่อยไหม” พีรพัฒน์ถามออกไปทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว เข้าฉากติดต่อกันเกือบสิบฉากจะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง แต่ก็แปลกที่น้องสาวเขายังคงแสดงได้ดีในทุกฉาก ไม่มีหลุด ไม่มีเทค ทำเอาผู้ช่วยคนอื่นๆ ต่างก็ไม่เชื่อว่าเธอเพิ่งเคยแสดงหนังครั้งแรก เพราะเธอสามารถรู้มุมกล้อง รู้ว่าควรอยู่ตรงไหนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้บางคนเกิดการเปรียบเทียบว่ายี่หวาแสดงดีกว่าลูกแพร์ดาราหญิงชื่อดังเสียอีก

“ขอคำถามที่ดีกว่านี้” ยี่หวาหันไปมองค้อนใส่พีรพัฒน์ที่ถามคำถามไม่รู้จักคิดกับเธอ เพราะแค่ดูจากสภาพเธอตอนนี้คำตอบก็ขึ้นมาในหัวแล้ว

“ไปหาข้าวกินกันไหม พี่เลี้ยง”

“ก็ดี” โชคดีที่ชุดของยี่หวาเป็นเดรสสีขาวสายเดี่ยวผูกโบที่ไหล่ กระโปรงยาวแต่งระบายแซมด้วยลูกไม้ลายสวย ที่ได้ลุคสวยหวานแถมยังดูน่ารักแบบเซ็กซี่ ทำให้เธอสามารถกินได้ตามใจชอบไม่ต้องกลัวพุงออก

“พีชจะไปกินข้าวเหรอคะ แพร์ขอไปด้วยได้ไหม” เสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นแทรกยี่หวาและพีรพัฒน์ ทำให้ทั้งคู่ต้องทำหน้าไม่สบอารมณ์ออกมา

“เธอไม่กลัวอ้วนไง?” พีรพัฒน์หันไปพูดกับลูกแพร์ เพราะชุดที่เธอใส่ส่วนใหญ่จะเน้นรูปร่างเพื่อให้เห็นเอวชัดๆ

“แพร์ยอมอ้วนถ้าได้ไปกับพีช”

พีรพัฒน์หันไปหายี่หวาเพื่อถามความเห็นของเธอ ซึ่งยี่หวาก็พยักหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พีรพัฒน์จึงตอบกลับลูกแพร์ “ตามใจเธอ”

ส่วนเขาก็โอบไหล่ยี่หวาเดินออกมาไม่ได้สนใจลูกแพร์สักนิด ลูกแพร์รู้แค่ว่ายี่หวาเป็นคนรู้จักของพีรพัฒน์และเขาก็แนะนำเธอให้มาเล่นหนังแทนคนเก่า แต่พวกเขาดูจะสนิทกันเกินไปหรือเปล่า

ไม่ได้การล่ะเธอต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่รอช้าลูกแพร์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโพสต์สถานะ

[พักกอง ได้กินข้าวแล้ว]

ซึ่งเหล่าแฟนคลับของลูกแพร์ก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน และกำลังจะไปที่ไหน ทำให้ตอนนี้ที่หน้าสตูดิโอเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น ยี่หวาที่กำลังเดินคุยกับพีรพัฒน์ต้องรีบหันกลับทันทีที่มาถึงหน้าทางเข้า

ลูกแพร์รีบวิ่งเข้าไปบังยี่หวาแล้วควงแขนพีรพัฒน์ ซึ่งยี่หวาก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเธอคงจะมาช่วย แต่ดูเหมือนว่ายี่หวาคงจะไม่ได้ไปกินข้าวแล้ว

“กรี๊ด!!! พี่พีชพี่แพร์”

“ลูกแพร์ควงแขนลูกพีชมาด้วย! รีบกดถ่ายเลยต้องได้สกู๊ปเด็ดแน่ๆ” พีรพัฒน์ที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ตะโกนร้องในใจ

‘เขาชื่อพีชที่เป็นดอกไม้ ไม่ใช่ลูกพีชผลไม้!’

“เมื่อกี้เหมือนจะเห็นพีชโอบไหล่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เลย หรือว่าฉันจะตาฝาด”

“ตาฝาดแล้ว ฉันเห็นมีแต่เทพธิดาของฉัน”

“คู่จิ้นพีชแพร์เหมาะสมกันที่สุด”

ยี่หวาไม่ได้เดินตามทั้งคู่ไป เพราะข้างนอกคนเยอะเกินไป เธอจึงส่งข้อความไปหาพีรพัฒน์ให้ซื้อข้าวเข้ามาให้แทน แต่เพราะเธอมัวแต่เดินพิมพ์ข้อความอยู่ทำให้หัวไปชนกับแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่หยุดเดินกะทันหันเข้า

“ขอโทษค่ะ”

เดวิลที่หยุดเดินเพราะข้างหน้าเขามีคนกำลังยกฉากผ่านไป แต่ไม่คิดว่าจะมีคนเดินไม่ดูทางแล้วมาชนหลังเขาแบบนี้ ไม่รอช้าเดวิลรีบหันไปต่อว่าทันที

“เดินอะไรของเธอ”

ยี่หวารีบเงยหน้าขึ้นเพื่อตอกกลับไป เพราะไม่ใช่ความผิดเธอคนเดียวสักหน่อย “ก็คุณหยุดเดินเอง”

วินาทีนั้นที่เดวิลได้เห็นใบหน้าของคนตรงหน้าชัดๆ ร่างกายเขาก็นิ่งค้างราวกับคนไร้สติ เป็นไปได้ไง! ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้เหมือนยี่หวาขนาดนี้

จนเวลาผ่านไปหลายนาที ยี่หวาที่เห็นว่าคนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าเธออย่างไม่ละสายตา จึงยกมือโบกไปมาให้ตรงหน้าและเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติ “ยังอยู่ใช่ไหม”

“ยี่หวา?”

ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รู้ชื่อเธอ “คุณรู้จักฉัน?” ยี่หวาชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างงงๆ

“เธอจริงๆ เหรอ เป็นเธอจริงๆ ใช่ไหม” เดวิลที่ตอนนี้แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ได้แต่ถามออกมาซ้ำๆ อย่างตื่นเต้น

“ฉันชื่อยี่หวาก็จริง แต่คงไม่ใช่คนที่คุณคิดหรอก”

“ไม่มีทาง หน้าแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ เป็นเธอไม่ผิดแน่ เธอจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันเดวิลไง เพื่อนตอนมัธยมปลายของเธอ เพื่อนคนแรกของเธอด้วย”

“แสดงหนัง”

“ฮะ!” เดวิลตกใจเล็กน้อย “เธอไม่ได้ชอบความสงบเหรอ” แต่ก็ว่าเธอไม่ได้ เพราะเขาเองก็มาเป็นดาราเหมือนกัน แต่ในเมื่อเธอกลับมาแล้วแสดงว่าเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาเล่นเป็นดาราแล้วสิ

“โดนพี่บังคับ”

“ถึงว่า เพราะถ้าเป็นเธอปกติคงไม่ยอมมาทำอะไรที่เป็นจุดสนใจแบบนี้ แล้วเธอแสดงเรื่องอะไร สตูดิโอนี้ไม่ใช่ว่าเหมาถ่ายเรื่องให้ความรู้สึกบอกว่ารักหรอกเหรอ”

“ฉันแสดงเรื่องนั้น”

“ฮะ?” เดวิลตะโกนออกมาอย่างตกใจอีกครั้ง “เธอแสดงเป็นใคร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ฉันแสดงเป็นเวนิส หรือว่านายก็แสดงหนังเรื่องนี้เหมือนกัน”

“ใช่ เป็นทราฟฟิค”

“ก็เหมาะดีนะ แปลว่าฉันก็ต้องเข้าฉากกับนายบ่อยๆ เลยสิ”

“โชคดีที่เป็นเธอ ไม่ใช่ยัยโรคจิตนั่น ฉันกำลังเครียดอยู่เลยว่าใครจะมาแสดงแทน เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีฉากหวานแต่ก็ต้องอยู่ใกล้อีกฝ่ายอยู่ดี” ถ้าเป็นผู้หญิงปกติเขาก็พอจะแสดงด้วยได้ แต่ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะเกาะเขาดัง พยายามทำตัวเป็นปลิง หวังจะให้นักข่าวถ่ายรูปหลุดคู่กับเขา

“แล้วอยู่ใกล้ฉันจะไม่เป็นไรเหรอ”

“เธอเป็นข้อยกเว้น” ถ้าเป็นยี่หวาเขาอยากจะเรียกนักข่าวให้มาถ่ายเดี๋ยวนี้ ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นเกย์จะได้หายไปสักที

“แล้วที่ผ่านมาทำยังไง เพราะนายก็เป็นนักแสดงมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ทำใจ แต่ส่วนใหญ่ฉันก็แสดงเป็นตัวรอง ไม่เคยแสดงเป็นพระเอก” ถึงแม้ว่าจะมีบทพระเอกส่งมาเยอะแต่ก็โดนเดวิลปฏิเสธหมด อีกอย่างงานนี้ก็ไม่ใช่งานหลักของเขาอยู่แล้ว

“จริงสิ นายช่วยเล่าเรื่องเมื่อก่อนให้ฉันฟังหน่อย เผื่อความจำฉันจะกลับมาบ้าง”

“ไม่รู้จะเล่าอะไร” เพราะปกติเดวิลไม่ใช่คนพูดเก่ง เพิ่งจะมาพูดมากตอนเจอยี่หวาด้วยซ้ำ “เอาอย่างนี้แล้วกันเธอเอาโทรศัพท์นี้ไปดูรูป ฉันเก็บทุกรูปที่ถ่ายไว้ในเครื่องนี้” เดวิลหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงส่งให้ยี่หวา “เดี๋ยวฉันไปแต่งหน้าเปลี่ยนชุดก่อน”

“ขอบคุณมาก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม