ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 62

“เราเป็นคนแรกเลยที่พี่แต่งหน้าให้แล้วรู้สึกสบายใจ หน้าเราใสมากอย่างกับผิวเด็กเลยแถมยังแต่งง่ายไม่เปลืองเครื่องสำอางอีก เรามีเคล็ดลับดูแลผิวยังไง” ดีนี่ถามขึ้นขณะที่กำลังแต่งหน้าให้ยี่หวา ถึงแม้หน้าเธอตอนไม่แต่งก็สวยมากอยู่แล้วก็ตาม

“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ อาจจะเป็นเพราะอาหารที่ทานมั้งคะ”

“ก็ว่าทำไมเราถึงได้สวยขนาดนี้ ขนาดพี่เป็นผู้หญิงยังเกือบหลงเลย”

“ขอบคุณค่ะ”

“พี่ว่าถ้าหนังเรื่องนี้ฉายเมื่อไหร่เราต้องกลายเป็นดาราดังแน่เลย” ผู้หญิงคนนี้จะอวยเธอเกินไปแล้ว ไม่รู้จะตอบว่ายังไงแล้ว จึงทำได้แค่ส่งยิ้มให้เบาๆ “ว่าแต่ทำไมเราถึงมาแสดงหนังเรื่องนี้ได้ เพราะเท่าที่พี่ได้ข่าวมาเราไม่ได้เป็นนักแสดงแล้วก็ไม่เคยแสดงหนังด้วย”

“พี่พีชแนะนำมาค่ะ”

“เราสนิทกับพีชเหรอพี่เห็นเรานั่งคุยกัน แถมยังมีเดวิลด้วย รายนี้ปกติเขาไม่เคยคุยกับใครเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เห็นเดวิลคุยกับคนอื่น”

“ปกติหมอนั่นเป็นคนเก็บตัวเหรอคะ” ยี่หวาไม่อยากบอกว่าเป็นน้องสาวของพีรพัฒน์ เธอจึงเบี่ยงเบนไปที่เดวิลแทน

“ยิ่งกว่าเก็บตัวอีก ว่าแต่ทั้งสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นี่สินะวงการบันเทิง อยากรู้อะไรต้องได้รู้

“เพื่อนสมัยเรียนค่ะ”

“ดีจัง ได้เป็นเพื่อนกับเดวิลด้วย น่าอิจฉาสุดๆ ไปเลย…เสร็จล่ะ” ในที่สุดก็แต่งหน้าเสร็จสักที เล่นเอายี่หวาเกร็งไปหมดแล้ว

“ขอบคุณค่ะ” ยี่หวาขอบคุณเสร็จก็รีบออกมาจากห้องนั้นก่อนที่จะโดนชวนคุยอีก เพราะตามปกติแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่คุยเก่งอยู่แล้ว

พีรพัฒน์ที่เห็นสีหน้ายี่หวาลำบากใจออกมาจากห้องก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “โดนถามอะไรบ้าง”

“เป็นอะไรกับพี่แล้วก็เป็นอะไรกับเดวิล”

“พี่ว่าแล้วว่าเราต้องโดนถามเรื่องนี้แน่”

“หวาแสดงแค่เรื่องนี้นะ หวาไม่อยากเป็นดารา” ขืนเธอไปเป็นดาราแล้วโดนถามแบบนี้ทุกวันได้ประสาทกินแน่ๆ

พีรพัฒน์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ก็นะ”

“อะไรคือก็นะ พูดมาให้ชัดๆ นะพี่พีช”

“ไม่มีอะไรครับ” เขาไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าเมื่อครู่ผู้กำกับเพิ่งเดินมาบอกเขาว่าจะให้จะให้ยี่หวาแสดงหนังภาคต่อจากเรื่องนี้

“บอกมานะพี่พีช” ยี่หวาเอื้อมมือไปดึงแขนพีรพัฒน์ ส่วนเขาก็หันกลับมาขยี้หัวยี่หวา “ผมยุ่งหมดแล้ว พี่ดีนี่เพิ่งทำผมให้ใหม่เองนะ”

“พี่ลืมไปเลย โทษที มาๆ เดี๋ยวจัดให้ใหม่” พีรพัฒน์ลูบหัวยี่หวาเพื่อจัดทรงผมเธอให้เหมือนเดิม ซึ่งการกระทำของทั้งสองคนตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้คนที่อยู่ในสตูดิโอ

“ผู้หญิงคนนั้นสนิทกับพีชเกินไปหรือเปล่า”

“คิดจะจับพี่พีชหรือไง”

“สวยซะเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น”

ยี่หวาชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงจากผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ทำไมพวกเขาถึงคิดแบบนี้ไปได้ กิริยาท่าทางของเธอดูเป็นอย่างนั้นหรอกเหรอ

เดวิลที่กำลังเดินมาหายี่หวาได้ยินเข้าพอดี รีบหันขวับพร้อมส่งสายตาอันโหดเหี้ยมไปให้ผู้หญิงกลุ่มนั้นก่อนจะตะโกนขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ปากว่างมากก็หาอะไรยัด!”

ผู้หญิงพวกนั้นถึงกับหุบปากแทบไม่ทัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าเดวิลน่ากลัวขนาดไหน แถมไม่เกรงใจใคร แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัวเพราะตามปกติก็ไม่มีใครกล้าไปรบกวนเขาอยู่แล้ว

“ไม่ต้องไปสนใจ” พีรพัฒน์พูดปลอบ พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างไปปิดหูเธอ เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กหรือไง ถึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะไม่ได้ยิน

“ไม่เป็นไรหรอก เธอมีภูมิคุ้มกันเยอะ เพราะสมัยเรียนช่วงแรกก็โดนบ่อยๆ” เดวิลหันไปคุยกับพีรพัฒน์ด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับเลย

หมอนี่เป็นคนสองบุคลิกหรือเปล่า

พีรพัฒน์หน้าเสียทันทีที่ได้ยิน ยี่หวาที่เห็นดังนั้นจึงส่ายหัวไปมา “หวาไม่เป็นไร เหมือนจะมีภูมิคุ้มกันอย่างที่เดวิลบอกจริงๆ นั่นแหละ ก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงคิดแบบนั้น”

“ก็แค่พวกขี้อิจฉา ไปกันเถอะ” เดวิลพูดจบก็โอบไหล่ยี่หวาให้เดินตามเขาไปทันที

พวกเด็กๆ ต่างก็ร้องไห้กันไม่หยุด ทั้งคุณครูและผู้ปกครองต่างก็คอยปลอบ แต่ไม่ว่าจะปลอบยังไงพวกเขาก็ไม่มีท่าทีจะหยุดร้องกันเลย

เรนจิส่ายหัวไปมาให้กับความเด็กของเพื่อนเขา ก่อนจะแบมือไปตรงหน้าวายุ “ขอโทรศัพท์”

วายุรู้ว่าลูกชายเขาจะทำอะไร จึงส่งโทรศัพท์ให้แต่โดยดี เรนจิรับโทรศัพท์มาก่อนจะเข้าไลน์แล้วโทรวิดีโอคอลหายี่หวา เพียงไม่นานปลายสายก็รับสาย

“หม่ามี๊!” เสียงของเรนจิดังขึ้น พวกเด็กๆ ต่างก็หยุดร้องอัตโนมัติแล้วหันมาทางเรนจิด้วยความรวดเร็ว

“พ่อหนูไปรับแล้วเหรอ ขอโทษนะที่วันนี้หม่ามี๊ไม่ได้ไปรับ พอดีหม่ามี๊ต้องทำงาน”

“ผมรู้ครับ ผมเข้าใจหม่ามี๊ แต่เหมือนว่าพวกเพื่อนผมจะไม่เข้าใจร้องไห้กันใหญ่เลย” เรนจิจงใจพูดเสียงดัง ทำให้พวกเพื่อนๆ ของเขารีบตะโกนแทรกขึ้น

“พวกเราเข้าใจ พวกเราไม่ได้ร้องไห้” พวกเด็กๆ ต่างก็รีบปาดน้ำตาแล้ววิ่งเข้ามาหาเรนจิที่กำลังเปิดกล้องกับยี่หวาอยู่ ทำเอาคุณครูและผู้ปกครองแต่ละคนต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดว่าวันนี้พวกเด็กๆ จะไม่หยุดร้องเสียแล้ว

ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีอิทธิพลต่อเด็กๆ ขนาดนี้ มีหวังพวกเขาต้องแอบถ่ายรูปเธอแล้วพรินต์ออกมาเป็นเครื่องรางทำให้ลูกหยุดร้องเสียแล้ว

“พวกเธอเก่งมาก” ยี่หวาส่งยิ้มหวานให้ ทำให้พวกเด็กๆ ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

“พี่สาวทำงานสู้ๆ” เด็กๆ ชูกำปั้นเล็กๆ ส่งให้ยี่หวากันอย่างพร้อมเพรียง

“ขอบใจจ้ะ”

“งั้นหม่ามี๊ตั้งใจทำงานนะครับ ผมไม่กวนแล้ว เลิกงานแล้วโทรหาผมด้วยนะ”

“โอเคจ้ะ”

หลังจากวางสายเด็กน้อยแต่ละคนก็เดินไปหาผู้ปกครองของตัวเองอย่างว่าง่าย ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าพวกเขาจะหลอกล่อด้วยวิธีไหนเจ้าตัวก็ไม่ยอมกลับเลย

วายุไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรรู้สึกยังไง แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็สามารถเป็นศัตรูกับเขาได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหนังที่เธอเล่นฉายออกมา มีหวังเขาคงได้เป็นศัตรูกับคนทั้งประเทศแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม