เซิ่งอันหรานเงียบไป
อีกคนพูดเสริมขึ้นอย่างคนขาดสติว่า "เรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องหาโอกาสเอาเงินพวกนั้นมาอยู่ในมือของเธอให้ได้ ครั้งก่อนฉันบอกเธอไปแล้วว่า ให้เธอกลับไปเยี่ยมเยียนและดูแลพ่อของเธอบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อของเธอคิดเลอะเลือน นึกว่าตัวเองเหลือลูกสาวเพียงแค่คนเดียว และยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาให้กับนางจิ้งจอกเซิ่งอันเหยาคนนั้น ”
“จะให้ก็ให้ไปเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องนี้หรอก”
“พี่สาว หรือเธอมีแผนอะไรแล้ว อย่ารอจนกระทั่งคนไม่อยู่ สมบัติเธอก็จะไม่ได้ สุดท้ายแล้วเธอก็จะไม่เหลืออะไรเลย ”
ถานซูจิ้งพูดเตือนสติเซิ่งอันหรานด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เธอคิดว่าเซิ่งอันหรานต้องการเงินทุนจำนวนมากและมันก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าแม้วันหนึ่งเธอจะเลิกรากับอวี้หนานเฉิงไปแล้ว เธอก็ยังมีทางเดินและสามารถดูแลตัวเองต่อจากนั้นได้ และหากเธอต้องการเอาอวี้จิ่งซีกลับคืนมา เธอก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก มันอาจจะสบายไปตลอดชาติโดยที่เธอไม่จำเป็นจะต้องโหยหาอะไรอีก
“ฉันเข้าใจแล้ว” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพยักหน้าตกลง
เวลาบ่ายโมงครึ่ง เซิ่งอันหรานลางานตอนบ่ายเพื่อเดินทางไปส่งเทียนเอินไปที่สนามบิน
"ถ้าไปถึงแล้วส่งข้อความมาบอกฉันด้วย "
เซิ่งอันหรานมองไปที่เทียนเอิน เขาสวมชุดสูทลำลองและยืนอยู่ต่อหน้าของเธอ เธอยังมีความรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย
“ผมโตแล้วนะ”เทียนเอินพูดอย่างจำใจ “อย่ามองผมราวกับว่าผมเป็นเด็กไร้เดียงสาแบบนี้สิ มันจะทำให้ผมรู้สึกว่าพี่เหมือนแม่ของผมเลย”
“แม่ของนาย?” เซิ่งอันหรานดูประหลาดใจ “นายนึกเรื่องแม่ออกแล้วเหรอ?”
"ผมหมายความว่า รู้สึกเหมือนเป็นแม่"
เทียนเอินก้มศีรษะลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพยายามปิดบังความสับสนนัยน์ตาของเขา
เซิ่งอันหรานมองดูเทียนเอินค่อยๆเดินเข้าสู่จุดตรวจความปลอดภัยของสนามบิน
บนท้องฟ้ามีเสียงร้องคำรามดังกึกก้อง และตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที ก็เห็นเพียงแค่ร่องรอยของไอที่พ้นออกมาจากเครื่องบินยาวเป็นเส้นตรงบนท้องฟ้า เซิ่งอันหรานเหลือบมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงพอดี
เครื่องบินไฟท์ที่อวี้หนานเฉิงจะต้องเดินทาง ก็ดูเหมือนว่าจะออกตอนเวลาบ่ายสอง จู่ๆ เธอก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
คำพูดที่เขาพูดเกี่ยวกับหลินมั่นหันก่อนจะจากไป ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัญชาตญาณของผู้หญิงก็มักเป็นแบบนี้ มักจะเก็บคำพูดเล็กๆน้อยๆมาคิดฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะ หากผู้ชายพูดน้อยก็คิดมาก หากผู้ชายพูดมาก ก็คิดมากเข้าไปใหญ่
ไม่สนใจแล้ว !
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เซิ่งอันหรานก็รู้สึกหงุดหงิด เธอเหยียบคันเร่งรถและขับตรงขึ้นไปบนทางด่วน
เป็นเพราะวันนี้เธอขอลางานในช่วงบ่าย เพื่อจะกลับไปบ้านตระกูลเซิ่ง
ไม่ใช่ว่าเธอต้องการกลับไปเอาทรัพย์สินอย่างที่ถานซูจิ้งพูด แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เซิ่งชิงซาน โทรมาหาเธอ น้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอจึงอยากจะกลับไปดูเขา
เมื่อมาถึงประตูหน้าบ้านของบ้านตระกูลเซิ่ง เซิ่งอันหรานกดกริ่งประตูอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นแม่บ้านก็เดินเข้ามาเปิดประตู
หญิงวัยกลางคนที่ดูไม่คุ้นเคยนัก มองมาที่เซิ่งอันหรานด้วยความตื่นตัว
"คุณเป็นใคร?"
เซิ่งอันหรานยิ้มแบบเจื่อน ๆ
“ฉันชื่อเซิ่งอันหราน คุณเป็นแม่บ้านคนใหม่ใช่ไหม?”
“เซิ่งอันหราน?” แม่บ้านขมวดคิ้วพร้อมกับปิดประตู “ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ คุณมาผิดแล้วล่ะ ”
"รอสักครู่"
เซิ่งอันหรานใช้มือดันประตู "เป็นเรื่องปกติที่คุณจะไม่เคยเห็นฉัน พ่อของฉันคือเซิ่งชิงซาน เจ้าของบ้านหลังนี้ เขาไม่อยู่ที่นี่หรือ ?"
“คุณพ่อของคุณย้ายเข้ามาเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตอนที่เขาย้ายเข้ามา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็มองเห็นไม่ค่อยชัดแล้ว แม้ว่าเราจะใช้ยารักษาและควบคุมมัน แต่ทว่ามันก็ไม่ดีขึ้น ”
“คุณหมอหมายความว่า พ่อของฉันอาจตาบอด ?”
เซิ่งอันหรานรู้สึกเจ็บหน้าออกขึ้นมาทันที เธอกำมือแน่น "เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไง?"
“มีสาเหตุเฉพาะอยู่หลายประการ จากผลการทดสอบการทำงานของตับ ตับคุณพ่อของคุณมีการทำงานที่เสื่อมลง แม่ของคุณยังบอกด้วยว่าเขามักจะดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และดื่มทีล่ะมากๆ นอกจากนี้ การทานอาหารไม่เป็นเวลาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง คุณพ่อของคุณมีโรคประจำตัวหลายอย่าง และมันส่งผลให้เขาสูญเสียการมองเห็น"
คุณหมอรู้เพียงว่าเธอคือลูกสาวของเซิ่งชิงซาน และโดยธรรมชาติแล้วเขาก็คิดว่าอวี๋ซู่ซินเป็นแม่ของเธอด้วย เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว และไม่ได้สนใจในข้อนี้ เธอรีบถามคุณหมอต่อว่า
“อาการการสูญเสียการมองเห็นของคุณพ่อรักษาได้ไหมคะ ?”
“เกรงว่าจะทำไม่ได้” หมอส่ายหน้าด้วยความเสียใจ “เรื่องนี้ต้องทำใจยอมรับ ทำได้เพียงแค่ใช้ยาควบคุมเท่านั้น พวกเราพยายามรักษาและพยุงอาการ แต่หากว่ามันควบคุมไม่ได้ละก็ ตาของเขาก็จะต้องบอดสนิทไปเลย นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณแม่ของคุณได้บอกเรื่องนี้กับคุณหรือยัง ”
"อะไร?"
“คุณพ่อของคุณอาจจะสูญเสียการได้ยินด้วย”
เซิ่งอันหรานกำหมัดแน่นจนเล็บของเธอจิกลงกลางฝ่ามือ ความเจ็บปวดย้ำเตือนตัวเธอว่านี่มันไม่ใช่ ความฝัน เธอกำลังอยู่ในโรคแห่งความเป็นจริง คุณหมอบอกว่าพ่อของเธอนอกจากจะตาบอดแล้วยังจะหูหนวกอีกด้วย ?
แม้ว่าเป็นเพราะเรื่องของคุณแม่ทำให้เธอมีความขุ่นเคืองใจต่อคุณพ่อ แต่ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ภายใต้การดูแลของคุณพ่อ เธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนบิดาคนหนึ่งที่รักลูก ในสายตาของเธอ ยังไงซะเขาก็เป็นพ่อ
หลังจากที่เธอออกมาจากห้องทำงานของคุณหมอ เซิ่งอันหรานนั่งอยู่หน้าเตียงของเซิ่งชิงซาน เป็นเวลานาน
"คุณพยาบาล……"
เขาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และค่อยๆจับขอบเตียงเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นมา สายตาของเขามองไปที่เซิ่งอันหราน แต่เป็นเพราะมองไม่ชัด มันจึงยากที่จะโฟกัสได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน