พูดไปพูดมา ก็คืออวี้จิ่งซีเป็นโรคปิดกั้นตัวเอง
"ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจถาม"เซิ่งอันหรานขอโทษอย่างจริงใจ "เอาแบบนี้นะ เพื่อแสดงความขอโทษของฉัน มื้ออาหารในวันนี้ฉันเลี้ยงโอเคไหม?"
อวี้หนานเฉิงได้สติ เห็นหน้าเธอไม่สบายใจ ก็รู้ว่าท่าทีตัวเองเมื่อกี้บางทีอาจจะกระด้างไปหน่อย นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้เธอยังช่วยจิ่งซี ตอนนี้น้ำเสียงอ่อนลง อธิบายว่า
"จิ่งซีไม่ใช่พูดไม่ได้ เพียงแต่ไม่ชอบพูดเท่านั้น"
เซิ่งอันหรานพยักหน้า ไม่กล้าถามมากอีก
อีกด้านหนึ่ง อวี้จิ่งซีนั่งในบ่อลูกบอลหลากหลายสี จู่ๆ ไม่เห็นตัวของเซิ่งเสี่ยวซิง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แสดงสีหน้ากังวลนิดๆ
"ฮ่าๆ"จู่ๆ บ่อบอลตรงหน้าก็ระเบิดกระจัดกระจายออกมา เซิ่งเสี่ยวซิงลุกขึ้นจากด้านล่าง มองเขาหัวเราะเสียงดัง "หนูอยู่ตรงนี้!"
อวี้จิ่งซีตกใจเพราะเธอ เหมือนครั้งแรกที่มีคนเล่นกับเขาแบบนี้ แข็งเป็นหินทันที
เซิ่งเสี่ยวซิงตกใจ"พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป?"
อวี้จิ่งซีส่ายหน้า จู่ๆ ดึงมือเธอไว้ ชี้นิ้วไปทางโต๊ะอาหาร บ่งบอกว่าอยากกลับไป
ถึงแม้จะยังเล่นไม่สะใจ แต่เห็นท่าทาง อวี้จิ่งซีตกใจ เซิ่งเสี่ยวซิงก็พยักหน้าอยากเข้าใจ "หิวแล้วเหรอ? งั้นพวกเรากลับกันเถอะ"
เวลากินข้าวอวี้จิ่งซีจะนั่งติดเซิ่งอันหรานให้ได้ อวี้หนานเฉิงว่ายังไงก็ไม่มีประโยชน์ ดีที่เซิ่งเสี่ยวซิงใจดี ปีนมานั่งตรงข้างอวี้หนานเฉิง พูดด้วยโทนเสียงหวาน
"พี่ชายชอบหม่าม้าหนูขนาดนี้ ก็ให้เขานั่งข้างหม่าม้าหนูก็ได้ หนูนั่งตรงนี้ได้"
เห็นเซิ่งอันหรานก็ไม่ขัด อวี้หนานเฉิงทำได้แค่เลยตามเลยไป จ้องสาวน้อยน่ารักคนนี้ข้างกาย กลับรู้สึกดึงดูดแปลกๆ
"เขาชื่อจิ่งซี"
"พี่จิ่งซี"เซิ่งเสี่ยวซิงพยักหน้าอย่างเด็กดี จู่ๆ เหมือนคิดอะไรได้เลยถาม "จริงสิ พี่จิ่งซีอายุเท่าไหร่? ถ้าเด็กกว่าหนูล่ะ?"
"5 ขวบ เกิดก่อนวันไหว้พระจันทร์ 1วัน"
เซิ่งอันหรานได้ยินน่าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนวันไหว้พระจันทร์ 1วัน? บังเอิญขนาดนี้เลย? เกิดวันเดียวกันกับซิงซิงน้อย?
"หนูล่ะ?"
เห็นอวี้หนานเฉิงถามกลับ เซิ่งเสี่ยวซิงเอียงหน้าขอความช่วยเหลือจากเซิ่งอันหราน เรื่องวันเกิดของตัวเองเธอจำไม่ได้จริงๆ อย่างไรก็ตามก็เป็นแค่เด็กอายุ 5 ขวบ
ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ เซิ่งอันหรานบอกวันเกิดเซิ่งเสี่ยวซิงถอยหลังไปหนึ่งเดือนอย่างลับๆ ล่อๆ
"ซิงซิงน้อยเกิดเดือน 9 วันที่ 14"
เรื่องนี้อวี้หนานเฉิงกลับไม่ได้ถามอะไรอีก เหมือนแค่ถามไปงั้นๆ เอง ไม่ได้คิดอะไร
ตอนกินข้าว เซิ่งเสี่ยวซิงและอวี้จิ่งซีทั้งสองชอบรสชาติเหมือนกัน ติดหวาน หลังจากของหวานจานสุดท้ายขึ้นโต๊ะ เซิ่งเสี่ยวซิงกินไปพลางมีความสุขไปพลาง อวี้จิ่งซีกลับกินเงียบๆ แต่จากการกินของหวานจนจานสะอาดก็ถือว่าพอใจ
เด็กอยู่นิ่งไม่ได้หรอก กินข้าวเสร็จทั้งสองก็วิ่งไปโซนเครื่องเล่นเด็ก เซิ่งอันหรานกับอวี้หนานเฉิงอยู่เป็นเพื่อนสักพัก ตอนแรกยังหน้านิ่งเฉย ถึงตอนหลังเวลายิ่งนานขึ้นเรื่อยๆ เซิ่งอันหรานเริ่มมองเวลาบ่อยๆ
เตือนอยู่หลายครั้ง
"ซิงซิงน้อย พวกเราต้องกลับบ้านแล้ว"
เซิ่งเสี่ยวซิงจากบ่อลูกบอลเงยหน้ามองเซิ่งอันหรานก่อน "ไม่เอาน่า เล่นกับพี่จิ่งซีอีกเดี๋ยว "
"เซิ่งเสี่ยวซิง"
ปกติเซิ่งอันหรานตอนเรียกชื่อเต็ม ของเซิ่งเสี่ยวซิงคือใกล้จะโมโหแล้ว
เวลาปกติก็ใช้ได้ แต่วันนี้ ไม่รู้เซิ่งเสี่ยวซิงเอาความกล้ามาจากไหน กลับไม่สนใจ เล่นสงครามกับอวี้จิ่งซีในบ่อลูกบอลกันสองคน
สุดท้ายเซิ่งอันหรานลงไปด้วยตัวเอง ดึงเซิ่งเสี่ยวซิงออกมา "กี่โมงแล้ว หนูควรกลับบ้านกลับแม่แล้ว
เซิ่งอันหรานกำลังจะลากเซิ่งเสี่ยวซิงไปดื้อๆ
อวี้จิ่งซีที่อยู่ใกล้ๆ รีบค้นกระดาษโน้ตในกระเป๋าตัวเอง หลังจากวาดอยู่2ทีก็ยกมือขึ้น ให้อวี้หนานเฉิง ปรากฏว่าเป็น
"ให้ซิงซิงน้อยไปเล่นบ้านผม"
อวี้หนานเฉิงตกใจนิดๆ น้อยมากที่อวี้จิ่งซีจะขอร้องเขา ไม่ว่าจะเป็นอะไรเกี่ยวกับเพื่อน
คิดถึงคำพูดจิตแพทย์ก่อนหน้านี้เรื่องเด็กเป็นโรคปิดกั้นตัวเองต้องการการสัมผัสคนให้มาก ในใจเขาหวั่นไหว หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง พูดสีหน้าจริงจัง
"อาทิตย์หน้าวันเสาร์ ผมให้คนไปรับคุณ คุณพาซิงซิงน้อยมาบ้านผมดีไหม? "
"หา?" เซิ่งอันหรานเบิกตากว้าง นึกว่าตัวเองฟังผิด
เซิ่งเสี่ยวซิง กลับโดดด้วยความดีใจแล้ว ลงมาจากอ้อมกอดของอวี้หนานเฉิง จับมืออวี้จิ่งซีไว้ ตบฝ่ามือกับเขาแรงๆ
"เย้ๆ…พี่จิ่งซี หนูไปเล่นบ้านพี่ได้แล้ว"
ในเมื่ออวี้หนานเฉิงเปิดปากชวนแล้ว เป็นธรรมดาที่ยากจะปฏิเสธ เซิ่งอันหรานยอมรับเรื่องนี้เงียบๆ เรื่องดีเรื่องเดียวกับคือ ในที่สุดเด็กทั้งสองก็ยอมออกจากร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว
หากอยู่ต่อไป เซิ่งอันหรานรู้สึกพนักงานทั้งหมดในร้านคงรู้จักตัวเองแล้ว
ออกจากห้าง คนขับรถของอวี้หนานเฉิงขับรถออกมา ยากที่อวี้หนานเฉิงจะเป็นสุภาพบุรุษ พูดเสียงเข้ม
"ผมส่งพวกคุณกลับ"
ไม่รอให้เซิ่งอันหรานเปิดปากปฏิเสธ เซิ่งเสี่ยวซิงก็ก้าวไปข้างหน้า ใช้มือเท้าปีนขึ้นหลังรถแล้ว นั่งในรถโบกมือเรียกเซิ่งอันหราน
"หม่าม้าขึ้นรถ รถคันนี้นั่งสบายมาก!"
เซิ่งอันหรานกุมขมับ เหงื่อตกในหัว สัญชาตญาณบอกตัวเองว่า ผ่านวันนี้ไป อวี้หนานเฉิงต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองของเด็กซน โดยเฉพาะไม่รู้จักสั่งสอนเด็กแบบนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน