ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 240

ท้ายที่สุดอวี้หนานเฉิงก็เกิดความรู้สึกสงสาร เขาไม่อยากทำร้ายเธออีก

เซิ่งอันหรานสงบสติอารมณ์ลง นึกย้อนถึงความขัดแย้งระหว่างคนสองคนเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จนกระทั่งถึงวันนี้ เธอรู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องคุยกัน

แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้ว แต่ก็สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันได้

“ฉันไปหาเซี่ยวเฉิงจงเพื่อดูว่าเขาต้องการทำอะไร แม้ว่าคุณจะไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น ฉันก็คงจะไม่เข้าไปในห้องกับเขาง่ายๆหรอก ถ้าหากไม่มีคนจงใจชี้นำเขา ฉันไม่เชื่อ ว่าเขาจะสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของฉัน และพยายามมาทำลายความร่วมมือระหว่างฉันกับ เฉียวอันกรุป

เซิ่งอันหรานเชื่อว่าคำอธิบายของตัวเองนั้นชัดเจนมากพอ เธอหันไปมองอวี้หนานเฉิงทางด้านข้างอย่างระมัดระวัง และเห็นเขากำลังใช้มือนวดตรงหว่างคิ้วของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาได้ฟังคำพูดของเธอหรือเปล่า

“ดังนั้น หากคุณกังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุและอดีตของฉัน เราก็สามารถพูดคุยกันได้ เดิมทีมันเป็นเรื่องง่ายๆ ฉันกล่าวขอบคุณมันก็น่าจะจบ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ด้วยล่ะ?”

เธอกล่าวต่อว่า "แม้ว่าจะเลิกรากันแล้ว ก็อยากให้เลิกราแบบจบกันด้วยดี ครั้งต่อไปเจอหน้ากันก็ยังเป็นเพื่อนกันได้"

"พอแล้ว"

อวี้หนานเฉิงพูดขัดจังหวะด้วยเสียงที่เย็นชา และแฝงไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิด

“พูดมากอยู่ได้ ไม่อยากออกไปแล้วหรือยังไง?”

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “ฉันแค่คิดว่าตั้งแต่ครั้งนั้นมา เรายังไม่เคยได้นั่งคุยกัน และปรับความเข้าใจกันมาก่อน ”

เธอพูดคำว่า 'ครั้งนั้น' ด้วยน้ำเสียงที่ดูอึดอัด เนื่องจากมันเป็นบาดแผล ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะไปเปิดมันออกอีก

เมื่อเขาได้ยินคำว่า 'ครั้งนั้น' การแสดงออกของอวี้หนานเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วของเขากระตุกสองถึงสามครั้งอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ดูเงียบสงบมาก

“ฉันยอมรับว่าฉันปิดบังเรื่องบางอย่างกับคุณ แต่เพราะฉันรู้สึกเพียงแค่ว่าการแต่งงานระหว่างฉันกับกู่เจ๋อมันเป็นเพียงแค่งานแต่งงานปลอมๆเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ ฉันพาเสี่ยวซิงซิงไปสหรัฐอเมริกา ถ้าหากว่าฉันไม่สามารถหา กรีนการ์ดได้ ก็หมายความว่าฉันจะต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆไม่สามารถมีฐานะทางสังคม ก็คือ ผู้อพยพผิดกฎหมาย”

“ดังนั้นเพื่อกรีนการ์ดแล้ว คุณจึงแต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ? ”

ก่อนหน้านี้อวี้หนานเฉิงมีท่าทางไม่สบอารมณ์ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เมื่อเซิ่งอันหรานเริ่มปริปากพูดเรื่องนี้ขึ้น อารมณ์ของเขาจึงสงบลงกว่าเมื่อก่อนมาก

“ไม่ใช่ทำตามใจชอบ” เซิ่งอันหรานปฏิเสธ และอธิบายต่อ

“กู่เจ๋อไม่อยากแต่งงาน และเป็นคนบ้างานเต็มตัว เขาไม่มีเงิน ส่วนฉันไม่มีตัวตน การที่เราแต่งงานกันฉันคิดว่ามันไม่เป็นปัญหาอะไร นอกจากนี้เราไม่เคยอยู่ด้วยกันเลยหลังจาก ที่ตกลงแต่งงานกัน โดยเฉลี่ยแล้วในหนึ่งปีเราจะมาเจอกันครั้งสองครั้ง ส่วนมากก็จะเป็นพวกวันคริสต์มาสหรือเทศกาล อะไรประมาณนั้น”

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าอวี้หนานเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ผู้ชายจะให้ความสนใจในความสัมพันธ์ก่อนหน้าของผู้หญิงของเขา และเมื่อดูจากมุมมองของ อวี้หนานเฉิง เธอกับกู่เจ๋อยังไม่ได้หย่ากันเลย

ก่อนหน้านี้ถ้าหากไม่ใช่เพราะอวี้หนานเฉิงพูดแรงเกินไป เธออาจจะบอกเขาเรื่องเกี่ยวกับกู่เจ๋อตั้งแต่ครั้งแรงที่เขาถามถึง

นัยน์ดวงตาของอวี้หนานเฉิงดูซับซ้อน เขาพยายามตั้งสติโดยกำหมัดแน่น จากนั้นก็ถามขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันว่า "คุณกับเขาแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นใช่ไหม?"

เซิ่งอันหรานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

เพราะความเข้าใจผิดนี้อาจก่อให้เกิดปัญหามากมาย หรืออาจเกิดจากคนสองคนโกรธกันโดยสิ้นเชิง แต่จากเหตุการณ์นี้ จะเห็นได้ว่า จริงๆ แล้วมีหลายสิ่งที่ไม่เหมาะสมระหว่างเธอกับอวี้หนานเฉิง

อวี้หนานเฉิงจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังพยายามทำความเข้าใจกับคำอธิบายของเธออยู่

เวลาผ่านไปพักหนึ่ง นัยน์ดวงตาของเขาดูผิดหวัง เขาก้มลงไปช้าๆ นิ้วมือเรียวของเขาสอดเข้าไปในผมบนศีรษะ ปลายนิ้วมือค่อยๆหลุดออกจากเส้นผม จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและนั่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน

ระหว่างที่สนทนากัน โจวฟังเพิ่งไปรับยากลับมา เมื่อเห็นบรรยากาศอันสงบในห้องฉุกเฉิน เขาจึงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความงงงวย “ผมมารบกวนพวกคุณหรือเปล่าครับ ?”

ดวงตาที่เย็นเฉียบของอวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่โจวฟัง โจฟังตื่นตระหนก "ผมคิดขึ้นมาได้ว่ามียาที่ผมยังไม่ได้ไปรับ ผมขอตัวไปก่อน เชิญพวกคุณคุยกันต่อ ... "

เซิ่งอันหรานหยุดเขา "เอาล่ะๆ รู้จักกันไม่ใช่แค่วันสองวัน ทุกคนเข้าใจดี อย่ามาใช้มุกนี้เลย ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องไปทำต่อ จะต้องไปแล้วจริงๆ"

อวี้หนานเฉิงรีบลุกขึ้นทันที “ผมจะไปส่งคุณ”

“ไม่ต้องหรอก ” เซิ่งอันหรานเหลือบมองที่หน้าอกของเขา “หมอบอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย คุณควรจะพักผ่อนมากกว่านี้ โรงแรมของฉันอยู่ใกล้แค่นี้ ฉันเดินกลับไปเองได้ ต่อไป……ถ้ามีโอกาสค่อยติดต่อกันใหม่”

เธอพูดขึ้นพลางหยิบกระเป๋า พร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันไปล่ะ”

อวี้หนานเฉิงยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ เขามองตามแผ่นหลังของเธอ ความอบอุ่นแต่เดิมนัยน์ดวงตาค่อยๆจางหายไปเมื่อเธอเดินจากไป จากนั้นไม่นาน อวี้หนานเฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากดออกไปยังเบอร์โทรหนึ่ง พร้อมกับระเบิดอารมณ์โกรธสุดขีดกับปลายสายที่อยู่ในโทรศัพท์

“เกาจ้าน เรื่องอันหรานและกู่เจ๋อแต่งงานกันปลอมๆ นายทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน?”

จู่ ๆ เสียงคำรามราวกับฟ้าร้องก็ดังก้องไปทั่ววอร์ด ทำให้ โจวฟังผู้ซึ่งเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้เกิดสั่นสะท้าน มือที่ถือกล่องยาสั่นเทาไปหมด จนเกือบทำให้ยาร่วงหล่นลงพื้น

เมื่อเห็นอวี้หนานเฉิงสบถอย่างรุนแรงทางโทรศัพท์ โจวฟังก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แพทย์และผู้ป่วยจะสังเกตเห็น เขาเดินไปปิดประตูห้องอย่างเร่งรีบ แล้วนั่งยอง ๆ ที่ประตูเพื่อส่งข้อความถึงเซิ่งอันหราน

ภาพลักษณ์ของเจ้านายแทบจะไม่มีเหลือ นี่อวี้หนานเฉิงต้องโดนกระตุ้นขนาดไหนกัน ?

ในอีกด้านหนึ่ง เซิ่งอันหรานเพิ่งเดินพ้นออกจากประตูโรงพยาบาลไป ดวงจันทร์ส่องแสงอยู่ทางด้านนอก 'ติ๊ง' เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เธอล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าทันที

“คุณพูดอะไรกับประธานอวี้บ้าง? ช่วยส่งสัญญาณให้ผมหน่อยก็ดี ไม่นานหลังจากที่คุณออกไป เขาก็โทรศัพท์ไปด่าคุณเกาจ้าน ด่าอย่างไม่มีชิ้นดี ผมกลัวว่าผมจะโดนลูกหลงไปด้วย ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน