“เริ่ม”
เสียงของพิธีกรดังขึ้น ทั้งงานก็คึกคัก
นอกจากคู่ของเซิ่งอันหราน อีกสองคู่ก็จูบกันนานแล้ว เซิ่งอันหรานมองไปทางอวี้หนานเฉิงซึ่งยังคงอยู่ห่างจากตัวเอง ในใจก็ผ่อนคลายลง
“ถึงคุณ….อุ๊บส์…”
ยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกปิดไว้แล้ว เซิ่งอันหรานถลึงตามองอวี้หนานเฉิง ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเข้ามาจูบจริงๆ
ดิ้นรนก็ไร้ประโยชน์ มือทั้งสองข้างของเขากอดเอวของเธอแน่น ทั้งสองคนแทบจะแนบชิดติดกัน การดิ้นรนของเธอคือเสียแรงเปล่า จนกระทั่งเขาใช้ความพยายามในการจูบอย่างลึกซึ้ง
เสียงนับถอยหลังของพิธีกรเหมือนกับลมยามค่ำคืนลอยผ่านหู หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่อยู่ในความทรงจำของเธอ แต่ในความทรงจำของเธอ มีเพียงแค่เสียงจูบ และมีเพียงความดื้อรั้นที่อยู่ในสายตาของอวี้หนานเฉิง
นอกจากความอาย เหมือนกับในสุดก็ทำลายกำแพงที่เธอพยายามสร้างขึ้นมาในช่วงนี้ลงไปแล้ว แทรกซึม ความหวานชื่นเข้ามา หลังจากนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
เธอค่อยๆหลับตาลง ละทิ้งความมีเหตุมีผลทั้งหมดลง ทำตามใจตัวเองสัมผัสได้ถึงรสจูบอันแสนหวาน
ยาวนานราวกับผ่านไปหนึ่งทศวรรษ ลมหายใจของทั้งสองก็หนักหน่วงขึ้น เวลานี้แทบจะมีเหงื่อไหลออกมาจากแผ่นหลัง ในที่สุดพิธีกรก็ตะโกนให้หยุด
“ฉันว่าทั้งสองท่านน่าจะยังจูบกันไม่พอนะ เวลาที่พวกคุณจูบกัน คือสิบสามนาทีสิบสี่วินาที ไม่มีหยุด”
เซิ่งอันหรานลืมตาขึ้น พบว่าคู่รักทั้งสองคู่แยกออกกันนานแล้ว ในขณะเดียวกันแม้แต่พิธีกรและคนบริเวณรอบๆก็มองเธอกับอวี้หนานเฉิง เธอแทบอยากจะซุกแผ่นดินหนีออกไป
อึดอัดมากจริงๆ…
“ยินดีกับพวกคุณด้วย พวกคุณได้รับรางวัลที่หนึ่ง รถจักรยานหนึ่งคน”
คนบริเวณรอบๆผิวปากโห่ร้อง เซิ่งอันหรานนำใบหน้าของตัวเองยัดเข้าไปในหมวกของเสื้อคลุม ตามหลังอวี้หนานเฉิงไปรับจักรยานคันสีชมพู
เวลาที่รับก็มองดูจักรยาน เธอพูดบ่มพึมพำ“ไม่ใช่พูดว่าจะเอาช็อกโกแลตเหรอ?”
อวี้หนานเฉิงหันหน้ากลับไปมองเธอ“งั้นพวกเราเปลี่ยนกับคนที่ได้รางวัลที่สอง”
“อย่า”เซิ่งอันหรานมองผ่านหมวกของเสื้อคลุม“รถจักรยานคุ้มค่ากว่า”
ขายหน้าขนาดนี้แล้วยังจะเอาช็อกโกแลตกลับไปอีก ยังไม่คุ้มกับที่ตัวเองเสียไป!
จำเป็นต้องได้รถจักรยาน
อวี้หนานเฉิงมองเธอและยิ้มอย่างอ่อนโยน“ได้”
ทั้งสองคนเข็นรถจักรยานกลับบ้าน เข้าไปในบ้าน ก็มองเห็นเทียนเอินใส่ชุดนอนสีดำดูนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
“เอาจักรยานมาจากไหนล่ะ?”
เขาวางกล่องมันฝรั่งทอดลง มองทั้งสองคนด้วยความสงสัย
“ซื้อของก็ได้ฟรีมา”
เซิ่งอันหรานสายตากะพริบ แย่งอวี้หนานเฉิงพูดตอบก่อน
“แล้วต้องซื้อของเยอะเท่าไหร่?”
เทียนเอินขมวดคิ้วขึ้น สายตาอยู่บนปากของเซิ่งอันหราน“พี่อันหราน ทำไมปากคุณบวม?”
“หา?”
เซิ่งอันหรานปิดปากทันที“เปล่า ฉันทาลิปสติก และกินของเข้าไป”
“กินอะไร?พวกคุณกินอะไรกันข้างนอกแล้ว”
เซิ่งอันหรานไม่ได้สนใจที่จะตอบ รีบปิดปากวิ่งหนีเข้าไปในห้อง “ดึกแล้ว ฉันนอนแล้ว”
ในห้องรับแขกเหลือแค่เทียนเอินกับอวี้หนานเฉิงสองคน
อวี้หนานเฉิงสีหน้าแย่มาก จ้องมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิทโดยไม่ได้ขยับเป็นเวลานาน
เซิ่งอันหรานเรียกกู้เทียนเอินเพื่อคุยเรื่องเกาหย่าเหวินกับเขา
“ก่อนหน้านี้ที่นายพูดว่าสามปีก่อนจิ่งซีถูกคนวางยาอวี้หนานเฉิงวางแผนอยู่เบื้องหลัง แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาจิ่งซีเกิดเหตุสุดวิสัยมากมายทั้งเล็กน้อยและรุนแรง ฉันเจอมาสามครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พูดตามเหตุผลเขาได้รับสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ดังนั้นเรื่องสุดวิสัยเมื่อสามปีก่อนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเขา”
เซิ่งอันหรานไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วอวี้หนานเฉิงทำขึ้นมาเพื่อจะยึดอำนาจจริงๆ งั้นหลังจากเรื่องที่อวี้ฉีเฟิงออกจากเซิ่งถังกรุป เขาก็ไม่ได้มีเจตนารมณ์
“พูดตามเหตุผลเรื่องราวน่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขา พี่ คุณไปตรวจสอบอะไรมาแล้ว?”
“เกาหย่าเหวิน”เซิ่งอันหรานสีหน้าเย็นชา “วิเวียนบอกฉันว่า เรื่องไฟไหม้เกาหย่าเหวินเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นฉันจึงสงสัยว่าจิ่งซีเกิดเรื่องสุดวิสัยอาจจะเกี่ยวข้องกับเธอ”
“แต่จิ่งซีเกิดเรื่องสุดวิสัยไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอ”กู้เทียนเอินพูดวิเคราะห์
“ใครก็รู้ว่าจิ่งซีเป็นเหมือนหัวใจของอวี้หนานเฉิง สามารถให้เกาหย่าเหวินอยู่ข้างกายเขามาหลายปีนี้ได้ก็เพราะว่าจิ่งซีเชื่อฟังเกาหย่าเหวิน ถ้าหากจิ่งซีเกิดเรื่อง ก็มีผลดีกับการที่เธอจะเป็นคุณหญิงของตระกูลอวี้”
“เรื่องไฟไหม้จะอธิบายยังไง?”
เซิ่งอันหรานไม่ใช่ครั้งแรกที่สงสัยเกาหย่าเหวิน ครั้งแรกที่พบกับจิ่งซี เป็นเวลาเดียวกับที่โคมไฟระย้าคริสทัลของโรงแรมตกลงมา พอดีกับที่เกาหย่าเหวินเพิ่งจะเข้ามาพักในโรงแรม ทุกอย่างบังเอิญเกินไป
กู้เทียนเอินสีหน้าซับซ้อน เงียบไม่พูดจาไปนานมาก พูดด้วยสีหน้าจริงจัง“เกาหย่าเหวินไม่กล้าจะทำร้ายอวี้หนานเฉิง ถ้าหากเธอทำจริงๆ งั้นผมก็สงสัยว่าเรื่องนี้ต้องมีคนบงการเธออยู่เบื้องหลัง”
“จะเป็นใคร?”
“คนตระกูลอวี้”กู้เทียนเอินยืนยันกับคำตอบนี้
“คนตระกูลอวี้อยากให้ผู้อาวุโสตายไป หลังจากนั้นพวกเขาก็มีโอกาสได้รับหน้าที่ดูแลบริษัท พวกเขามีเจตนารมณ์นี้ คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คืออวี้ฉีเฟิง”
“คุณสงสัยเกาหย่าเหวินกับอวี้ฉีเฟิง?”
เซิ่งอันหรานตึงเครียดขึ้นมา การคาดเดานี้เกินความคาดหมายของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน