“ก็แค่คาดเดา”
เทียนเอินพูดอย่างจริงจังว่า “มีความเป็นไปได้สูงมาก”
อวี้หนานเฉิงเป็นคนที่ขึ้นชื่อในเมืองจินหลิงว่าไม่เข้าใกล้ผู้หญิง แต่เกาหย่าเหวินกลับอยู่ข้างกายเขามานานถึงหกปี นอกจากความเฉลียวฉลาดของเธอแล้ว จะต้องมีคนคอยชี้แนะเธอ ไม่อย่างนั้นเพียงแค่อาศัยฐานะนักแสดงของเธอ คุณท่านตะกูลอวี้ไม่มีทางยอมให้เธอเข้าออกในตระกูลอวี้อันยิ่งใหญ่หรอก
เมื่อพยายามเข้าใจในจุดนี้ เซิ่งอันหรานก็มีความรู้สึกสั่นเทา
เกรงว่าเรื่องนี้แม้แต่อวี้หนานเฉิงก็คงจะไม่รู้
เมื่อเห็นสีหน้าที่กังวลของเซิ่งอันหราน เทียนเอินก็ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย
“อย่าคิดมาก ผมจะลองหาเวลาสืบดู ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ คุณก็เตือนเขาหน่อยนะ ให้เขาระวังเกาหย่าเหวินไว้หน่อยก็ดี”
สติของเซิ่งอันหรานกลับมา สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ใครอยากจะเตือนเขา ?”
ท่าทางของเทียนเอินไม่ชัดเจน เขาเหลือบมองที่ประตูห้องนอนอย่างมีความหมาย จากนั้นสายตาของเขาก็ตกลงไปยังรอยต่อของพื้น ร่างนั้นช่างน่าหลงใหล
“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ ผมกลับไปพักผ่อนก่อนนะ ถ้ายิ่งดึก ผมเกรงว่าใครบางคนจะต้องมาทุบประตูจากข้างนอกแน่”
เซิ่งอันหรานตกตะลึงครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“โอเค งั้นคุณกลับเถอะ”
หลังจากเทียนเอินออกไป เซิ่งอันหรานก็นั่งคิดเรื่องนี้อยู่ภายในห้อง
ถ้าเกาหย่าเหวินสมรู้ร่วมคิดกับอวี้ฉีเฟิงจริง ถ้างั้นเธอต้องพูดความจริงกับอวี้หนานเฉิงหรือว่าต้องโกหก ? ครั้งนี้อวี้ฉีเฟิงกลับมาเซิ่งถังใหม่อีกครั้ง เธอต้องใช้แรงอีกมากเท่าไหร่
คิดแล้วก็รู้สึกทึ่ง จนไม่ทันได้สังเกตว่ามีร่างหนึ่งเดินเข้ามา
หลังจากเสียงปิดประตูเบาๆ สติเธอก็กลับมา เธอหันไปมองอย่างงุนงง ถึงเห็นว่าอวี้หนานเฉิงเข้ามายืนอยู่ในห้องนอนแล้ว เขาสวมเสื้อลายดอกที่เพิ่งซื้อมาใหม่และกางเกงขายาวสีเบส ผมของเขาเปียกโชก และกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำกลิ่นมะลิก็ตลบอบอบอวลไปทั่วร่างกาย
ก่อนที่เซิ่งอันหรานจะพูดอะไร เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“หาไดร์เป่าผมไม่เจอ”
“โอ้” เซิ่งอันหรานตกตะลึงครู่หนึ่ง “ไดร์เป่าผมอยู่ที่หัวเตียงของฉัน คุณรอเดี๋ยวนะฉันไปหยิบมาให้”
“ไม่เป็นไรผมไปหยิบเอง คุณนั่งเถอะ”
หลังจากพูดจบ อวี้หนานเฉิงก็เดินไปที่หัวเตียงเอง
เมื่อเดินผ่านหน้าเซิ่งอันหราน สายลมก็ผัดมา กลิ่นหอมของดอกมะลิก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
เซิ่งอันหรานไม่ตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง
เขามาเอาไดร์เป่าผมแล้วจะปิดประตูทำไม ?
“อยู่ในลิ้นชักชั้นบน” เซิ่งอันหรานเตือน
อวี้หนานเฉิงนั่งข้างเตียง มือเปิดลิ้นชักออก แต่กลับไม่รีบหยิบไดร์เป่าผมออกมา แต่เขากลับดูในลิ้นชักไม่ขยับเขยื้อนไปชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นอะไรไป ? ไม่มีเหรอ ?”
เซิ่งอันหรานเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย “ฉันดูหน่อย”
โคมไฟข้างเตียงส่องสว่างไสวที่มุมลิ้นชัก เซิ่งอันหรานเดินมาถึงหัวเตียงก็ชะงักครู่หนึ่ง เมื่อเห็นกล่องสีฟ้าที่ยังไม่ได้แกะกล่อง หน้าของเธอก็แดงลงมาถึงคอ........
คำว่า ‘ถุงยาง’ สะท้อนให้เห็นชัดเจนบนกล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน
แม่เจ้า ทำไมถึงยังไม่ทิ้งนะ ?
อวี้หนานเฉิงเงยหน้ามองเธอ สายตาของเขาสงบนิ่งมาก “นี่คือของที่พวกเราใช้ไม่หมดก่อนหน้านี้เหรอ ?”
แล้วมันเป็นปัญหาด้วยเหรอ ?
เซิ่งอันหรานกระตุกมุมปาก สีหน้าของเธอเย็นชาลง “ไม่อย่างนั้นล่ะ ? คุณหมายความว่ายังไง ?”
เดิมทีเธอจะรับกล่อง ‘ถุงยาง’ ไว้ แต่เมื่อปลายนิ้วของเธอกำลังจะสัมผัส เธอก็ไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธของตัวเองได้ เธอคว้ามันแล้วโยนกระแทกไปที่อวี้หนานเฉิง
“เล่นตลกกับฉันได้อะไรเหรอ ? คุณบ้าไปแล้วเหรอ ?”
อารมณ์ของเซิ่งอันหรานเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว ความอดทนทั้งหมดในไม่กี่วันนี้ก็ออกมาทีเดียวจนหายใจไม่ทัน น้ำเสียงเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ
“ใช้จิ่นซีมาเป็นไพ่แย่ๆให้ฉันไปทำอาหารบ้านคุณ ได้ เห็นแก่เด็กฉันจะไป คุณและคู่หมั้นของคุณก็แสดงความรักต่อกันและแอบเยาะเย้ยฉันว่าไม่คู่ควรกับความรักอันบริสุทธิ์ของคุณ ฉันหลบต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้คุณวิ่งมาบ้านฉัน ฉันให้คุณเข้ามา แล้วคุณมาทำให้ฉันรู้สึกอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณแค่ต้องการใช้วิธีนี้เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถเพียงพอ และผู้หญิงคนไหนที่ทิ้งคุณไปก็จะยังคิดถึงคุณไม่ลืมใช่ไหม?”
อวี้หนานเฉิงมองเธอ คิ้วและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เซิ่งอันหรานทำเป็นเหมือนไม่รู้จักเขา และเต็มไปด้วยความโกรธ เธอโยนหมอนข้างๆไปกระแทกเข้ากับเขาโดยตรง คุณมันเป็นคนบ้า ออกไปเดี๋ยวนี้.........
หมอนกระทบกับร่างกายของอวี้หนานเฉิงเบาๆ ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเจ็บ
เมื่อโยนทุกอย่างในมือไปหมดแล้ว เซิ่งอันหรานก็เหนื่อยหอบ เธอยังเต็มไปด้วยโกรธ จากนั้นก็ชี้ไปที่อวี้หนานเฉิงด้วยความสั่นเทา
“ดังนั้นคุณหมายความว่า คุณยังคิดถึงผมอยู่เหรอ ?”
อวี้หนานเฉิงดึงหมอนและผ้าห่มออก โดยยังคงนั่งมองเธอจากข้างเตียง ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากความโกรธของเธอเลย รูปลักษณ์ที่สงบนิ่งและสมเหตุสมผลของเขาในสายตาของเซิ่งอันหรานแล้ว เธอเกลียดยิ่งนัก
“ไม่ !”
เธอปฏิเสธเสียงดัง “ใครยังคิดถึงคุณก็โง่แล้ว”
“ถ้างั้นตอนนี้คุณอยากทำอะไรล่ะ ?”
อวี้หนานเฉิงถาม
เซิ่งอันหรานยังคงสวมชุดอยู่บ้านที่ใส่ออกไปชุดนั้น กางเกงขากว้าง เสื้อสเวตเตอร์แขนค้างคาวสีฟ้าอ่อน เพราะว่าเธอตื่นตระหนกมากเกินไปจึงทำให้ไหล่ของเธอเปลือยออกมาจากเสื้อครึ่งหนึ่ง เธอหายใจหอบไม่หยุด และหน้าอกของเธอก็กระเพื่อม
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงไม่ลืม และยังแคร์กับพูดและการกระทำของตัวเองมากเกินไป ถ้างั้นตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ ?
เธอหลอกตัวเองมาตั้งนาน และคิดว่าตัวเองฉลาดพอแล้ว แต่บังเอิญในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะสายตาของฝ่ายตรงข้าม มันกลับเห็นชัดเจนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน