"เธอว่าอะไรนะ?"
อวี๋เหมิงไม่เข้าใจว่าอวี้หนานเฉิงหมายถึงอะไร
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเซิ่งอันหราน ก่อนที่เซิ่งอันหรานจะรู้ตัวและมองไปที่อวี๋เหมิง
"ตอนนี้หนานเฉิงเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของเซิ่งซื่อกรุป"
“อะไรนะ?” อวี้เหมิงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นคนของเซิ่งถังกรุป แล้วเขาจะมาเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินเราได้ยังไง? ทำไมคุณถึงทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ คุณยังเห็นคณะกรรมการอยู่ในสายตาบ้างไหม?”
"ฉันเห็นค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ในสายตาของคณะกรรมการด้วยหรือเปล่า"
เสียงของเซิ่งอันหรานลดลง
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตั้งใครตามอำเภอใจ หากไม่ใช่เพราะมีคณะกรรมการบริษัทบางคนกำลังเล่นตลกกับฉัน ฉันไม่คิดว่าการประชุมครั้งนี้จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ "
“นี่เธอ...” อวี๋เหมิงหน้าแดงและกระทืบเท้าอย่างแรง “เหมือนที่แม่ฉันพูดไม่มีผิด เธอมันตัวซวย เธอเป็นตัวแทนแห่งความโชคร้าย ใครอยู่ใกล้เธอก็ซวยกันไปหมด แม้แต่พ่อแม่แท้ๆ หรือพี่สาวร่วมสายเลือดก็ตายกันไปหมด!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซิ่งอันหรานก็บีบมือและใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ ซีดลง
คำพูดเหล่านี้ที่อวี๋เหมิงพูดเหมือนกับคำพูดที่ติดหูของเซิ่งอันหรานเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ในตอนนี้ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าคำพูดเหล่านี้ไม่น่าเชื่อถือ แต่ความน่ากลัววัยเด็กยังคงอยู่ในจิตวิญญาณและสั่นสะท้านในห้วงลึกจิตใจของเธอ
“เธอมันตัวซวย เกิดมาก็ทำให้แม่ตาย ไม่กี่ต่อมาก็ทำให้ตาตาย”
“ส่งเธอมาที่นี่ อยากจะทำให้ใครตายอีกล่ะ?”
"อยู่ให้ห่างจากเธอ"
"..."
“ถ้าพูดอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ตำรวจสอบสวนอะไรแล้วสินะ เพราะเธอต้องถูกฆ่าตายโดยเซิ่งอันหรานอยู่ดี”
ทันใดนั้นเสียงของอวี้หนานเฉิงก็ดังขึ้น ดึงเซิ่งอันหรานออกจากความทรงจำอันเจ็บปวด
“แต่ดูเหมือนว่าการฆ่าคนจะไม่ถูกพิพากษานะ?”
“คุณหมายความว่ายังไง?” อวี้เหมิงก้าวถอยหลังด้วยใบหน้าตกใจ “ที่นี่คือบริษัท คุณกล้า...”
“ผมไม่กล้า” อวี้หนานเฉิงยืนนิ่ง แต่ความเยือกเย็นในร่างกายกลับทำให้เซิ่งอันหรานรู้สึกกลัว
“ต่อไป ถ้าคุณกล้าที่จะพูดอะไรต่อหน้าอันหรานอีก ผมจะทำให้คุณพูดไม่ได้อีกเลยตลอดไป คุณดูเอาละกันว่าคนที่ถูกไล่ออกจากเมืองจินหลิงไปยังจะสามารถทำอะไรได้อีก”
อวี๋เหมิงตกใจมากจนหน้าซีด เธอมองไปรอบ ๆ และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จากไป อวี้หนานเฉิงก็หันหลังและเดินกลับไปที่ด้านข้างของเซิ่งอันหราน จับมือเผชิญหน้ากันและพูดว่า “ปกติก็เห็นพูดเก่งนี่นา ทำไมต่อหน้าเด็กน้อยแบบนี้ถึงกลายเป็นใบ้ไปซะแล้วล่ะ?”
“ฉันแค่ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนที่ฉันเด็กๆฉันได้ยินอะไรแบบนี้มากมาย บางครั้งฉันก็คิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูก”
เซิ่งอันหรานก้มศีรษะลง เสียงของเธอแข็งทื่อเล็กน้อย
หากมีสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรมในโลกนี้ เธอสงสัยอย่างจริงจังว่าเธอคือตัวแทนแห่งความโชคร้ายในตำนานหรือเปล่า...
เขาจับมือเธอไว้แน่น อุณหภูมิฝ่ามือของอวี้หนานเฉิงปกคลุมหลังมือของเธอ และเสียงของเขาก็ดังก้อง "ถ้าคุณตัวแทนแห่งความโชคร้ายจริงๆ แล้วผมล่ะ ผมคืออะไร? ชีวิตความเป็นความตายไม่มีใครบังคับมันได้ ตัวแทนแห่งความโชคร้ายคงเป็นตาของผมก่อนที่จะถึงตาของคุณ”
อวี้หนานเฉิงสูญเสียพ่อไปเมื่ออายุได้สิบสาม และขับไล่มารดาผู้ให้กำเนิดออกจากบ้านในปีเดียวกัน หลังจากนั้น เขาใช้เวลาอยู่คนเดียวกว่า 20 ปี เขารู้สึกว่าตนเองเหมาะกับคำๆนี้มากกว่าเซิ่งอันหรานเสียอีก
“ใครในเมืองจินหลิงที่ไม่รู้ว่าคุณเป็นคุณชายคนโตของตระกูลอวี้ หากคุณสามารถวางตัวเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินขององค์กรขนาดเล็กเราได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง เลิกพูดไร้สาระและรีบไปได้แล้ว"
นี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว เธอรู้ดีว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน ท้ายที่สุดเขาเป็นหลานชายคนเดียวของชายชราและเป็นทายาทคนเดียวของเซิ่งถังกรุป รอให้ชายชราหายโกรธแล้วเขาก็ต้องกลับไปอยู่ดี
แต่อวี้หนานเฉิงเป็นคนอยากมาทำงานที่เซิ่งซื่อกรุปเอง
ประการแรก ภายในของกรุปนั้นกำลังเกิดความวุ่นวาย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สำนักภาษีต้องสอบสวน ด้วยการใช้โอกาสนี้ อวี้หนานเฉิงจึงริเริ่มขอความช่วยเหลือในการแยกแยะปัญหา แก้ไขปัญหาและปรับปรุงระบบการเงินของบริษัท
ประการที่สอง มันเป็นเรื่องของการที่อวี้หนานเฉิงจะกลับไปที่เซิ่งถังกรุปได้อย่างราบรื่น คุณชายผู้สง่างามของตระกูลอวี้ไปทำงานในองค์กรขนาดเล็กของแฟนสาว หากเรื่องนี้ได้ยินถึงหูชายชรา เขาคงไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน
ในคฤหาสน์เก่าตระกูลอวี้ ชายชราได้ทุบแท่นหมึกทั้งหมดบนโต๊ะหลังจากรู้ข่าว
“เจ้าเด็กนี่จงใจยั่วโมโหฉัน ! เขาไปที่เซิ่งซื่อกรุปเพื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินเหรอ? มันทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ท่านครับ” พ่อบ้านโจวให้คนรับใช้ทำความสะอาดบ้านและช่วยอวี้หนานเฉิงพูด “ท่านอย่าตำหนิคุณชายเลยนะครับ ท่านอยากให้คุณชายออกไปก็เพื่อหาเลี้ยงตนเองได้ไม่ใช่เหรอครับ? ไม่เช่นนั้นวันๆเขาจะไม่ทำอะไรเลย แบบนี้น่าเป็นห่วงมากกว่าอีกนะครับ ท่านคงไม่ทราบว่าตอนนี้ผู้คนด้านนอกพูดถึงคุณชายว่ายังไง..."
“ว่ายังไง?” ชายชราเลิกคิ้ว
“ก็ว่าท่านไม่ไว้ใจคุณชาย ท่านยอมให้คนอื่นดูแลงาน แทนที่มอบให้คุณชายสืบทอดต่อ ท่านคิดดูสิครับว่าเมื่อก่อนคุณชายมีนิสัยยังไง และตอนนี้อยู่ในภาวะสิ้นหวัง มีกี่คนที่ตกกระไดพลอยโจนไปด้วย”
"พวกตาต่ำ"
ชายชราตบโต๊ะอย่างแรง เดินไปรอบๆ ห้องหนังสือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
"เหล่าโจว นายออกไปตามหาหนานเฉิง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน