เวลาสิบเจ็ดนาฬิกา เป็นเวลาเลิกงานของพนักงานส่วนใหญ่ในบริษัทเซิ่งซื่อกรุป และเซิ่งอันหรานเองก็ออกงานเวลานี้ในทุกๆ วัน ทางฝ่ายการเงินของบริษัทมีปัญหา อวี้หนานเฉิงจึงต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาที่บริษัท
“ไม่ให้ฉันรอจริงๆ เหรอ?” เซิ่งอันหรานยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องทำงานเขาเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน
อวี้หนานเฉิงเงยหน้าขึ้นจากด้านหลังจอคอมพิวเตอร์แล้วมองไปทางหญิงสาว เมื่อเห็นหน้าเธอ แววตาที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนในคราแรกพลันสว่างขึ้นมาทันใด “ไม่เป็นไร ดูรายการบัญชีสักหน่อยผมก็กลับแล้ว”
“ทำแบบนี้ฉันเกรงใจแย่เลย คุณอยากให้ฉันขึ้นเงินเดือนให้ไหม?”
“ท่าทางคุณดูไม่เหมือนกำลังเกรงใจผมเลยนะ”
สายตาเย็นชาของอวี้หนานเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่เธอ “มานี่สิ"
“เสียใจแล้วเหรอ?”
เซิ่งอันหรานค่อยๆ เปิดประตู แล้วเดินเข้ามา เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานเธอโน้มตัวลงเข้าไปหาชายหนุ่มเล็กน้อย
“จะบอกว่าเสียใจก็ยังทันนะ ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ได้”
ทันทีที่สิ้นเสียงหวาน ฝ่ามือใหญ่ของอวี้หนานเฉิงก็ยกขึ้นมา ประคองศีรษะและใบหน้าของเธอโน้มเข้าหาตนเอง ก่อนที่หญิงสาวจะตอบโต้ได้ ริมฝีปากอุ่นๆ ก็ประจบลงมาบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอทันที
“อืม...” เธอดิ้นหนี สายตาทอดมองไปด้านหลัง พลางบ่นพึมพำ “ประตูยังไม่ปิดเลย คุณทำอะไรของคุณ?”
เดิมทีก็มีการซุบซิบกันหนาหูเกี่ยวกับเรื่องที่ให้อวี้หนานเฉิงมาจัดการฝ่ายการเงินของทางบริษัทอยู่แล้ว ถ้าทั้งคู่ทำอะไรในห้องทำงานแล้วมีใครผ่านมาเห็น จนเรื่องถึงหูชายชราเข้า เช่นนั้นคงต้องได้อธิบายกันยืดยาวแน่
ใบหน้าอวี้หนานเฉิงไม่สะทกสะท้าน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอเค คุณไปได้”
“ทำไม โกรธเหรอ?”
อวี้หนานเฉิงชำเลืองมองเธอ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ผมแค่คิดว่าต้องการชาร์จแบตสักหน่อย หรือว่าคุณคิดไปไกลกว่านั้น”
เซิ่งอันหรานเข้าใจได้ทันที สิ่งที่เขาทำเพียงแค่ต้องการชาร์จพลัง ใบหน้าของเธอค่อยๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อ “ใครเขาจะไปคิดแบบนั้น คุณนั่นแหละที่คิดไปไกล ฉันไปแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกมาจากห้องทำงานโดยไม่หันกลับไปมองเขาอีก
อวี้หนานเฉิงมองตามแผ่นหลังของเซิ่งอันหรานด้วยรอยยิ้มลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในแววตา
หลังจากออกมาจากลิฟต์ เซิ่งอันหรานเดินวนอยู่ในลานจอดรถ เมื่อเจอรถของตัวเอง เธอกดรีโมตปลดล็อก ทันใดนั้นร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลังของเธอ ด้วยท่าทางสุขุม
“คุณหนูเซิ่ง”
“พ่อบ้านโจว?” เซิ่งอันหรานหันกลับไปมองทันที ชายชราคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเองคือพ่อบ้านโจว เธอชะงักไปชั่วครู่ “คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ? มาหาหนานเฉิงหรือคะ?”
พ่อบ้านโจวพยักหน้าอย่างอ่อนโยน “คุณผู้ชายให้ผมมาหานายน้อยพูดคุยธุระกันนิดหน่อยครับ”
“เขาอยู่ชั้นบน คุณขึ้นลิฟต์ไปชั้นสิบเมื่อออกจากลิฟต์เดินตรงไปก็ถึงแล้วค่ะ”
เซิ่งอันหรานชี้ไปยังลิฟต์ที่อยู่ไกลออกไปด้วยท่าทางเคารพ
“ครับ แต่ก่อนอื่น ผมคิดว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูเซิ่งสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณหนูเซิ่งว่างหรือเปล่า”
ท่าทีของพ่อบ้านโจวคาดเดาได้ยาก แต่เมื่อเขาเป็นคนที่คอยอยู่ใกล้ชิดชายชรา คงไม่ทำให้ตัวเองต้องมีภัย เซิ่งอันหรานจึงไม่คิดอะไรมาก
“ได้ค่ะ พ่อบ้านโจวยังไม่ได้ทานข้าวเย็นมาใช่ไหมคะ? แถวนี้มีร้านชาอยู่ใกล้ๆ รสชาติไม่เลวเลย”
ต้นเดือนพฤศจิกายนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว พยากรณ์อากาศแจ้งเตือนว่าคลื่นลมหนาวกำลังมา ใบไม้บนต้นไม้ที่อยู่ระนาบตามข้างถนนมีบ้างหร็อมแหร็ม รอคอยการร่วงโรยครั้งสุดท้าย
“จิ่งซีอาจเป็นเรื่องเกินความคาดหมายในชีวิตของนายน้อย”
พ่อบ้านโจวเล่าด้วยความอดกลั้น “เมื่อสามปีก่อนความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไปจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น เกรงว่าตอนนี้จิ่งซีคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของตัวเองหน้าตาเป็นยังไง”
“สามปีก่อน?”
เซิ่งอันหรานเริ่มได้กลิ่นทะแม่งๆ
เป็นอย่างที่คิดไว้ พ่อบ้านโจวเล่าต่อว่า
“เมื่อสามปีก่อน ปีนั้นนายน้อยป่วยหนักจนเกือบเสียชีวิต และยังเป็นปีที่เซิ่งถังกรุปทำการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใหม่ภายในบริษัท ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน คนนอกคงไม่ทราบ แต่เมื่อคุณหนูเซิ่งได้พัฒนาความสัมพันธ์กับนายน้อยมาจนถึงจุดนี้ ผมคิดว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะรู้”
เซิ่งอันหรานถือแก้วชานมไข่มุก จงใจค่อยๆ ดื่มอย่างใจเย็น แต่เธอลืมเพิ่มน้ำตาล จึงขมไปหน่อย
เหล่าโจวเคยพูดว่าอย่างไร เธอคิดว่าควรฟังผลการตรวจสอบของกู้เทียนเอินใหม่อีกรอบ ซึ่งตรงกันพอดี เดิมทีเธอไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ แต่ที่รู้สึกแปลกก็คือ เรื่องของจิ่งซีในตอนนั้น คนที่รู้ข้อเท็จจริงมีมากกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้
แม้แต่ชายชราเองก็รู้ แต่เขากลับปล่อยให้อวี้หนานเฉิงได้รับตำแหน่งตามที่เขาต้องการ สนองความปรารถนาของเขา ไม่มีใครต้องการความยุติธรรมเพื่อจิ่งซีมาตั้งแต่ต้น
สามปีของการถูกปรนเปรอและรักอย่างทะนุถนอมเป็นการชดเชยให้แก่จิ่งซีใช่ไหม?
เด็กอายุเพียงแค่ห้าหกขวบเท่านั้น การชดเชยทางวัตถุเหล่านี้สำหรับเขา จะเทียบกับความไร้เดียงสาที่สูญเสียไปกับการดิ้นรนต่อสู้ภายในตระกูลอย่างไร?
หลังจากที่ได้ฟังเหล่าโจวเล่า ภายในใจของเซิ่งอันหรานหลงเหลือเพียงความเศร้ารันทดและอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง
“ถ้าอย่างนั้น พ่อบ้านโจว คุณพูดเรื่องนี้กับฉันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่คะ?”
เธออดทนต่อความรู้สึกไม่สบาย กัดฟันเอ่ยถามออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน