"เฉียวอันกรุป คงเสี่ยงขนาดที่ใช้โกดังของบริษัททำเรื่องแบบนี้ได้"
เสียงของอวี้หนานเฉิงดูแน่วแน่เป็นอย่างมาก"ผลกำไรประจำปีของบริษัทสายการบินมีมากกว่าการทำธุรกิจประเภทนี้เป็นไหนๆ หากเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆ จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่แอบทำเรื่องนี้อยู่ลับๆเป็นแน่"
“คุณกำลังหมายความว่าคนคนนั้นใช้ชื่อโกดังของกลุ่มบริษัทเพื่อลักลอบขนยาเสพติดเอาเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอง ?”เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ บ้าไปแล้วเหรอ ?”
“เมื่อกี้พี่บอกว่าคนขับมาผิดโกดัง ?” กู้เทียนเอินพูดแทรกขึ้นขัดจังหวะอย่างกะทันหัน “คนขับมาที่นี่เป็นครั้งแรก ?”
เซิ่งอันหรานชะงักไปครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“ของพวกนี้ เดี๋ยวผมจะนำกลับไปทดสอบ บางทีมันอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณคิดก็ได้ ” กู้เทียนเอินวางกระเป๋าลงบนโต๊ะกาแฟ “นี่เป็นครั้งแรกที่คนขับมาที่นี่อย่างเปิดเผย และไม่มีแม้แต่คนคอยนำทางเลยด้วยซ้ำ พวกเขากล้าขนาดนั้นเชียวหรือ”
เรื่องนี้มันดูแปลกจริงๆ เซิ่งอันหรานและฉินปัวครุ่นคิดกันอยู่ครู่หนึ่งตอนที่พวกเขาอยู่ที่โกดัง แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่า มันเป็นอย่างที่พวกเขาคิดหรือเปล่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะตามไปดูว่ามันคืออะไร
หลังจากคุยกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆ ฉินปัวจึงขอตัวกลับบ้าน ส่วนกู้เทียนเอินบอกว่าวันพรุ่งนี้เขามีเรียนในตอนเช้า ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปนอนที่หอพักของมหาวิทยาลัย บรรยากาศในคอนโดดูเงียบขึ้นมาในชั่วขณะ
เซิ่งอันหรานเก็บถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟไปล้าง และในขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวจะล้างถ้วยกาแฟ อวี้หนานเฉิงก็พูดขึ้นมาว่า
"เดี๋ยวผมล้างเอง "
เขาพูดขึ้นพลางยื่นมือออกไปหยิบถุงมือล้างจานสีเบจในมือของเซิ่งอันหราน
มีคนคอยช่วยงาน เซิ่งอันหรานก็ไม่ปฏิเสธ เธอเอนกายพิงกับโต๊ะหินอ่อนและเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทางสบายใจ เธอพูดคุยกับอวี้หนานเฉิงไม่หยุด
“ดูเหมือนว่าสองสามวันนี้เทียนเอินจะสอบปลายภาคแล้ว พอเขาไม่อยู่บ้าน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศมันดูเหงาๆยังไงไม่รู้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอวี้หนานเฉิงก็หยุดล้างจาน เขาหันกลับมามองที่เซิ่งอันหรานและถามขึ้นว่า
“คุณชอบบรรยากาศคึกคักอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ” เซิ่งอันหรานพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ และพูดอย่างเป็นกันเอง “ใครไม่ชอบความคึกคักบ้างล่ะ?บรรยากาศในบ้านคึกคักสักหน่อยถึงจะดูอบอุ่น”
อวี้หนานเฉิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“หลังจากแต่งงานกัน เราค่อยมีลูกอีกสักสองสามคนนะ”
จากนั้นเขาก็หันกลับไปล้างจานต่อ
เซิ่งอันหรานรีบลดเสียงในโทรศัพท์ลง เธอตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เดิมทีคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ? ” เธอถาม
อวี้หนานเฉิงคว่ำถ้วยกาแฟบนชั้นเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ในขณะที่ถอดถุงมือ เขาก็หันกลับมาตอบเธอว่า “ผมถามคุณว่า คุณชอบหรือไม่ชอบบรรยากาศที่คึกคัก?”
“ฉันก็ต้องชอบสิ”เซิ่งอันหรานตอบอย่างงงๆ คำถามนี้รู้สึกเหมือนเดจาวูยังไงไม่รู้ เมื่อกี้เธอไม่ได้ตอบเขาแล้วหรือ ?
คงเป็นเพราะเธอกำลังตั้งใจอยู่กับการเล่นเกม เลยทำให้เธอตอบสนองต่อคำถามของอวี้หนานเฉิงราวกับฟังเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา
อวี้หนานเฉิงล้างจานและทำความสะอาดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายกมือขึ้นมาบีบแก้มของเซิ่งอันหรานและจูบลงไปที่หน้าผากของเธอหนึ่งที
"นี่มันก็ดึกมากแล้ว กลับห้องไปนอนเถอะ"
เซิ่งอันหรานหน้าแดงก่ำ เธอจ้องที่แผ่นหลังของอวี้หนานเฉิงอย่างกระตือรือร้น
ในใจของเธอ ยังคงรู้สึกว่าได้ยินอวี้หนานเฉิงพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการแต่งงาน
——
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว สินค้าไม่มีปัญหาก็ดีแล้ว”
เสียงพูดคุยที่ระเบียงของวิลล่าสามชั้นดังชัดเจนเป็นพิเศษ
ผลิตภัณฑ์หลักของเซิ่งซื่อกรุป คือผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเซิ่งชิงซานได้เป็นคนริเริ่มทำเกี่ยวกับบริษัทท่องเที่ยว ตอนที่เริ่มทำมีรถบัสเพียงแค่สองคันเท่านั้น และเพราะรถบัสสองคันนี้จึงกลายมาเป็นบริษัทท่องเที่ยวในเวลาต่อมา จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆจนกลายเป็นกลุ่มท่องเที่ยวในปัจจุบัน
สามวันต่อมา
น่าน่าบังคับให้เซิ่งอันหรานไปยังสถานที่ถ่ายทำเพื่อเยี่ยมชมทีมถ่ายทำ เซิ่งอันหรานไม่ยินยอม "น่าน่านี่เป็นงานของแผนกโฆษณา ให้พวกเขาจัดการก็ดีอยู่แล้ว คุณจะลากฉันมาที่นี่ทำไม ?"
“เพราะงานนี้ต้องการคุณน่ะสิ คุณต้องรู้ว่าใครคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบริษัท อย่ารอให้ถึงเวลาที่โฆษณาถ่ายจนเสร็จ แล้วมารู้สึกทีหลังว่ามันไม่เหมาะสม ถ้าเป็นอย่างนั้นมันคงจะลำบากมากแน่ๆ”
“คุณเริ่มสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”เซิ่งอันหรานเหลือบมองน่าน่า “ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น น่าน่าจึงเม้มปากและพูดอย่างเขินอายขึ้นว่า
“ครั้งนี้ฝ่ายโฆษณาเลือกนายแบบลูกครึ่งมาทำการถ่ายทำ เขาหล่อ และมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เพื่อนร่วมงานของฉันขอให้ฉันไปขอรูปถ่ายพร้อมกับขอลายเซ็นด้วยสองแผ่น”
“เขาหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ ?”เซิ่งอันหรานไม่เชื่อ “ฉันไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องของศิลปินพวกนี้สักเท่าไหร่ ส่วนที่บอกว่าหล่อ ก็คงจะไม่…”
“ก็คงจะไม่ อะไรอย่างนั้นเหรอ? ” น่าน่าจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เซิ่งอันหรานหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เธอลังเลอยู่สักพัก
“ก็คงจะไม่เท่าแฟนของคุณ ”
น่าน่าพูดต่อประโยคครึ่งหลังแทนเซิ่งอันหราน "มันก็ใช่ เสน่ห์ของประธานอวี้ไม่สามารถมีใครเทียบเทียมได้ในช่วงปีแรกๆ เขาเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่โด่งดังมากๆ แต่ในช่วงนี้ผู้ชายแบบประธานอวี้เริ่มไม่เป็นที่นิยมแล้ว "
“จริงเหรอ ?”เซิ่งอันหรานรู้สึกว่าสุนทรียศาสตร์ของเธอได้รับผลกระทบจากกระแสความนิยมในปัจจุบัน ดังนั้นเธอจึงถามอย่างไม่ละอายใจขึ้นว่า
“แล้วตอนนี้เขานิยมแบบไหนกันล่ะ”
"ผู้ชายที่มีความน่ารักเอาใจกับผู้ชายที่ดูหยิ่งๆแต่อบอุ่น "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน