“อดีตสามีหรือว่าคนปัจจุบันของเธอ?”
อวี้หนานเฉิงถามด้วยน้ำเสียงบีบคั้น
เขาจำการแต่งงานของเซิ่งอันหรานกับเขาได้ดี เธอเป็น ‘นางนกต่อ’ตั้งต้นจนจบ ต้นทางคือกู้เจ๋อ เส้นทางล่าถอยก็ยังเป็นกู้เจ๋อเช่นเดิม ไม่เคยมีเขาอยู่แม้เสี้ยวหนึ่งในระหว่างทางนั้น
น้ำเสียงของกู้เจ๋อในสายโทรศัพท์แฝงไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “ไม่ว่าฐานะอะไร ตราบใดที่เธอต้องการ ถามคำถามนี้ในเวลานี้เกรงว่าคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ เราอยากเจรจากับคุณ คุณควรมีความชัดเจน”
คำว่า ‘เรา’ ติดอยู่ในใจของอวี้หนานเฉิง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็หมองลง
“ได้ ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน พวกคุณคิดว่าจะใช้เงื่อนไขอะไรมาเจรจากับผมในสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกชายของผม”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ อวี้หนานเฉิงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเป็นเวลานาน
คนรับใช้เคาะประตูเรียกเขาไปรับประทานอาหาร ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแดงฉานราวกับถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงสู่ เขาตะโกนลั่น “ไปให้พ้น...”
คนรับใช้ตกใจกลัวจนแทบขยับตัวไม่ได้ ใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ ปิดประตูแล้วเดินจากไป
“เพล้ง!” เสียงของหล่นอึกทึกครึกโครม ทุกอย่างบนโต๊ะถูกกวาดลงบนพื้นห้อง เครื่องลายครามราคาแพงถูกทุบแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพียงไม่กี่นาที ทุกอย่างภายในห้องหนังสือก็กระจัดกระจายเละเทะไปหมด
เมื่ออารมณ์สงบลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มจึงนั่งลงบนโซฟา มือเรียวยาวสอดเข้าไปในกลุ่มเส้นผมอย่างน่าหงุดหงิดใจ
ผ่านไปเนิ่นนาน ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ความโกรธค่อยๆ บรรเทาลง กลายเป็นความเย้ยหยันที่ฉายออกมาจากแววตา
เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดู ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ต้องแย่งใคร!
เวลาสิบสี่นาฬิกาของวันถัดมา เซิ่งอันหรานและกู้เจ๋อมาถึงที่คลับส่วนตัวก่อนถึงเวลานัด แต่ยังต้องรอนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพราะอวี้หนานเฉิงมาถึงล่าช้า
หลังจากนั่งลง เขาเหลือบมองกู้เจ๋อ
“ในเมื่อต้องการเจรจากับผมเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูจิ่งซี ผมไม่อยากให้คนนอกอยู่ด้วย”
กู้เจ๋อขมวดคิ้ว กำลังจะตอบโต้กลับ แต่ถูกเซิ่งอันหรานห้ามเอาไว้
“คุณออกไปรอฉันก่อน”
เมื่อเห็นเซิ่งอันหรานยืนกรานเช่นนั้น กู้เจ๋อจึงไม่พูดอะไรมาก “มีอะไรก็เรียกผม”
“อืม”
เซิ่งอันหรานตอบกลับไปอย่างเฉยเมย มองตามหลังกู้เจ๋อเดินออกไปจากห้องส่วนตัว
ภายในห้องน้ำชาขนาดใหญ่เหลือเพียงเซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงสองต่อสอง
หลังจากวันฉูซี ถือเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่
เรื่องที่อวี้หนานเฉิงมาช้า เซิ่งอันหรานไม่ได้เอ่ยถึงสักคำ อวี้หนานเฉิงคงตั้งใจมาสาย หรือว่าอาจมีเรื่องอะไรมาถ่วงเวลา เธอไม่สนใจไล่ตามอีกต่อไป ขอเพียงแค่ได้เจรจาเรื่องของจิ่งซีเร็วๆ ก็เพียงพอ
ก่อนออกมาเธอตั้งใจแต่งหน้าเบาๆ ผิวหน้าในตอนนี้ถูกปกปิดด้วยแป้งบางๆ ดูงดงามสบายตา ไม่เห็นสีหน้าซีดเซียวและอ่อนแอของเธอ
รูปลักษณ์นี้ตรึงตราอยู่แววตาของอวี้หนานเฉิง แต่กลับยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้เขา
เขากวาดสายตามองเซิ่งอันหราน แล้วยิ้มเย้ย
“ไม่เจอกันหลายวัน ดูดีขึ้นมากขนาดนี้ คงรอวันนี้มานานแล้วสินะ?”
เซิ่งอันหรานวางถ้วยน้ำชาลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น
“ฉันไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับคุณ ในเมื่อคุณคิดว่าฉันเข้าหาคุณเพื่อจุดประสงค์อื่นตั้งแต่แรก งั้นฉันก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายไปมากกว่านี้ ฉันไม่ละอายใจในการตรวจสอบตัวเองอยู่แล้ว”
“ไม่ละอายใจในการตรวจสอบตัวเอง?” อวี้หนานเฉิงยิ้มเย้ย “ดูเหมือนว่าผู้หญิงอย่างคุณพูดอะไรออกมาก็ได้สินะ?”
เซิ่งอันหรานคิดไว้แล้วว่าการสนทนาครั้งนี้ต้องไม่ราบรื่น การยั่วยุของอวี้หนานเฉิงก็อยู่ในความคาดหวังของเธอเช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเงียบไปชั่วครู่ และถือโอกาสพูดเข้าประเด็น
เซิ่งอันหรานลุกขึ้นยืนทันที ความนิ่งสงบตั้งแต่มาเยือนที่นี่หายไปหมด รีบร้อนพูดขึ้น “เสี่ยวซิงซิงเป็นลูกสาวของฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผม?”
น้ำเสียงของอวี้หนานเฉิงเคร่งขรึม เงยหน้าขึ้นมองเซิ่งอันหรานอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ถ้าเช่นนั้นเมื่อหกปีก่อนคุณท้องด้วยตัวเองงั้นเหรอ? คุณมีความสามารถยอดเยี่ยมถึงขนาดให้กำเนิดลูกด้วยตัวเองได้เลยเหรอ?”
“อวี้หนานเฉิง!” เซิ่งอันหรานค่อยๆ นั่งลง หยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาด้วยความโกรธ และเตรียมตัวจะเดินออกไป “ได้ ในเมื่อคุณไม่อยากคุยกับฉัน ช่างมันซะเถอะ จิ่งซีได้รับการเลี้ยงดูจากคุณ ฉันไม่มีสิทธิ์แย่งคุณ แต่เสี่ยวซิงซิงคุณอย่าได้คิดเพ้อเจ้อ ฉันจะพาเธอกลับอเมริกาพรุ่งนี้ และก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
“ช้าไปแล้ว”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู น้ำเสียงเย็นชาของอวี้หนานเฉิงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “รู้ไหมทำไมผมเพิ่งมาถึง และสายไปตั้งหนึ่งชั่วโมง?”
หัวใจของเซิ่งอันหรานเต้นตุ้บๆ อยู่ข้างในอก ฝีเท้าก็หยุดลงเช่นกัน
“เจอมาว่าคุณกับกู้เจ๋อเป็นคู่รักที่เวลาไปไหนมาไหนข้างนอกมักไปด้วยกันตลอด ทิ้งลูกสาวตัวเองไว้ที่คอนโดคนเดียว ให้เพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยรอบคอบช่วยแลดูลูกให้ แม่อย่างคุณ ถึงแม้เป็นคำตัดสินของศาล เกรงว่าก็คงตัดสินได้ไม่ถึงหัวคิดของคุณหรอก”
ใบหน้าของเซิ่งอันหรานขาวซีด “คุณทำอะไรกับเสี่ยวซิงซิง?”
“ลูกสาวของผม คุณหนูคนโตของตระกูลอวี้ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรเธอล่ะ?”
อวี้หนานเฉิงลุกขึ้นยืนช้าๆ
“แน่นอน ผมพาเธอกลับไปที่ยังตระกูลอวี้ ให้เธอกลับไปสู่ตัวตนแท้จริงที่เธอควรมี”
“ไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ” สมองของเซิ่งอันหรานตีกันให้วุ่น ก่อนออกมาเธอเพิ่งคุยโทรศัพท์กับถานซูจิ้ง ถานซูจิ้งบอกว่าเสี่ยวซิงซิงนอนกลางวันไปแล้ว ทุกอย่างเป็นปกติดี
“งั้นคุณก็ตรวจดูเองสิ”
อวี้หนานเฉิงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ แล้วค่อยๆ ก้มมองพร้อมกับสายตาเต็มที่ไปด้วยความอาฆาต
“ถ้าตรวจสอบชัดเจนจนรู้แน่ชัดแล้ว ยินดีให้ไปหาผมได้ตลอดเวลา ทั้งหมดที่คุณมาหาผมเพื่อคุยเรื่องปัญหาสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกชาย ผมจะปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่เขาทำกับผม ฉะนั้นผมก็จะเจรจากับคุณเหมือนกัน เรื่องปัญหาสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกสาว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน