กู้อันจิบไวน์ พลางเอ่ยเสียงต่ำ
“พูดให้ถูก ฉันเป็นคนจูบเขา”
เซิ่งอันหรานจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตกใจ เธอช่ำชองในการดื่มจนดูเป็นผู้ใหญ่ ความใสซื่อและความเซ็กซี่ระหว่างเด็กหญิงที่กำลังแตกเนื้อสาว คงไม่มีชายใดต้านทานได้
“พวกเธอยังทำอะไรอีก?” เซิ่งอันหรานบังคับให้ตัวเองสงบลง แต่คำถามที่เอ่ยถามออกไปกลับไม่ใจเย็นเลยสักนิด
สีหน้าของกู้อันเจ็บปวด ผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็ส่ายศีรษะ
“ฉันไม่รู้ ฉันเมามาก”
คืนนั้นเป็นวันเกิดของคุณลุงกู้ เธอยังไม่เลิกเรียน จึงหนีเรียนกลับมา เพื่อมอบของขวัญวันเกิดให้ลุงกู้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ถูกลิเลียนลากไปที่ห้องนอน เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดก่อนถึงจะออกมาเจอผู้คนได้ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นาน ท้ายที่สุดลุงกู้ก็มัวแต่พูดคุยอยู่กับแขกของเขาตลอดเวลา เธอไม่อยากไปรบกวน จึงไปดื่มเครื่องดื่มอยู่ข้างๆ คนเดียว
แต่เพื่อนของลิเลียนกลับเข้ามาเชิญเธอดื่มเหล้า บอกว่าสาวน้อยโตพอที่จะดื่มได้แล้ว
เธอยังเด็กและหัวอ่อน เมื่อถูกคำพูดสองสามคำกระตุ้น ก็ดื่มจนเมามาย
เรื่องราวหลังจากนั้นเธอจำได้ไม่ปะติดปะต่อกันเท่าไหร่นัก จำได้เพียงแค่ว่าตอนที่ลุงกู้ปรากฏตัวขึ้นเธอก็เมาหัวหมุนแล้ว เขาจึงพาเธอขึ้นไปพักที่ชั้นบน...
“ลิเลียนเอาวิดีโอให้ฉันดูแล้ว ฉันเห็นแค่ตอนที่จูบกัน หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย เธอบอกว่าฉันไม่เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป เธอบอกว่าถ้าฉันไม่ไป เธอจะนำวิดีโอไปขึ้นศาล ฟ้องร้องลุงกู้ฐานร่วมประเวณีกับลูกบุญธรรม”
น้ำเสียงของกู้อันหนักแน่น เผยให้เห็นถึงความหัวรั้นของเธอ
“อะไรนะ?” เซิ่งอันหรานไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “เธอแค่ดื่มเหล้าจนเมา มันเป็นแค่การเข้าใจผิด หล่อนจะยื่นวิดีโอต่อศาลได้ยังไง? เป็นบ้าไปเหรอ?”
“แล้วถ้ายังมีอย่างอื่นอีกล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้” เซิ่งอันหรานปฏิเสธเสียงแข็ง “เธอเมา แต่กู้เจ๋อไม่ได้เมา เขารู้จักบันยะบันยัง เธอเป็นลูกสาวของเขา”
“ฉันไม่ใช่” กู้อันจ้องมองเธอด้วยความว่างเปล่า “พี่ ฉันรู้ว่าพี่ดูออก ฉันชอบลุงกู้ ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันแยกแยะได้ว่าอะไรคือความรักแบบหนุ่มสาว อะไรคือความรักแบบครอบครัว นอกจากลุงกู้ ฉันไม่เคยตกหลุมรักผู้ชายคนไหนอีกเลยในชีวิต”
“เธอบ้าไปแล้ว?” ความจริงนี้เซิ่งอันหรานไม่อาจยอมรับได้ “พวกเธอเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว?”
“ฉันหนีมาจากอเมริกาไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องนี้ตอนอายุสิบเจ็ด ยากที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับเขา ฉันเพียงแค่ไม่อยากให้เขาถูกฟ้องเพราะฉัน ถ้าลุงกู้หย่ากับคุณลิเลียน ถ้าความสัมพันธ์ที่ลุงกู้รับฉันมาเลี้ยงก่อนหน้านี้ยกเลิกสถานะต่อกันได้ ถ้าฉันไม่นำปัญหาอันไร้ศีลธรรมนี้ไปให้เขาอีก ฉันก็คงเดินหน้าต่อโดยไม่คิดถอยหลัง”
สีหน้าของกู้อันตั้งใจแน่วแน่ ความดื้อรั้นไม่เกรงกลัวสิ่งใดฉายอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซิ่งอันหรานตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่อาจสงบลงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอคิดเพียงว่ากู้อันยังเป็นแค่เด็กไม่ประสีประสา เพียงแค่มีบางสิ่งมารบเร้าเท่านั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เธอจึงนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง
“เธอทำให้ฉันคิดได้”
เมื่อห้าปีก่อนเธอต้องเจอกับความตัณหากลับของชายอ้วนคนนั้น และในตอนนั้นกู้อันอายุเพียงแค่สิบสองปี จึงพาเธอออกมาจากเกาะด้วย แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องสัญชาติ หากต้องการพาเธอไปต่างประเทศทางเลือกเดียวคือต้องรับเธอเป็นบุตรบุญธรรมเท่านั้น และเพราะตัวเองอยากไปเรียนที่ฝรั่งเศส ดังนั้นจึงต้องฝากเธอไว้กับกู้เจ๋อ
แต่ในตอนนั้น เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น กู้เจ๋อกับกู้อันอายุห่างกันตั้งยี่สิบปี และยังคั่นกลางด้วยสถานะทางสังคม ประสบการณ์ชีวิต ช่วงชีวิตการแต่งงานกระทั่งศีลธรรมจารีตที่คนธรรมดาที่ไม่อาจทนต่อการเสื่อมเสียได้
แม้ว่ากู้อันและกู้เจ๋อไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ยังยากที่จะหลุดพ้นจากการลงโทษของสังคม
เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาในอนาคต เซิ่งอันหรานก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
โคมไฟประดับประดาส่องสว่าง เมืองจินหลิงถูกฉาบไปด้วยความคึกคักในยามราตรี
ชั้นบนของห้องทำงานท่านประธานเซิ่งถังกรุป ‘ติ้ง’หลังจากสิ้นเสียงลิฟต์ เฉียวเซินรีบก้าวออกมาจากด้านใน เดินตรงไปยังห้องทำงานของอวี้หนานเฉิง
อยู่ดีๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากอวี้หนานเฉิงที่โทรหาเขาด้วยตัวเอง บอกว่ามีเรื่องด่วนให้รีบมาหา เขาจึงรีบวางมือจากเรื่องที่ทำอยู่และมายังบริษัททันที
เขาครุ่นคิดตลอดทาง คิดไม่ออกว่าที่บริษัทมีเรื่องด่วนอะไรจึงต้องเรียกเขากลับมากลางดึกแบบนี้
ด้านหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมยิ่งกว่าปกติ
“ครับ ผมจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
ขณะที่เดินจากไป สีเหลืองสดใสตรงมุมห้องดึงดูดสายตาของเฉียวเซิน เขาหยุดฝีเท้า หลังจากยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป รอยยิ้มของความจนใจก็ปรากฏขึ้นในแววตา
“ประธานอวี้วางใจได้ ผมจะจัดการคดีให้โดยเร็วที่สุดครับ”
หลังจากเฉียวเซินเดินจากไป อวี้หนานเฉิงทุบโต๊ะด้วยความโกรธเคือง เสียงดัง ‘ปั้ง’สนั่นไหวหวั่นไปทั่วทั้งห้องทำงาน
ภายในห้องกั้น โจวหลานเมื่อได้ยินการสั่นไหว จึงรีบร้อนออกมาพร้อมหมวกพิคาชู เพราะชุดไม่สะดวกที่จะถอด ดังนั้นท่อนล่างจึงยังสวมเป็นกางเกงพิคาชูอยู่ เวลาเคลื่อนไหวทำให้บิดไปมาแปลกๆ
ยิ่งเห็นแบบนั้นอวี้หนานเฉิงยิ่งหงุดหงิดใจ เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมยังใส่ชุดนี้อยู่อีก? มันเป็นความคิดที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย!”
โจวหลานตกใจจนตัวสั่น ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความน้อยใจ “ครั้งนี้เป็นความผิดพลาด เราก็ต่างคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณหมอเซิ่งและทนายเฉียวจะอยู่ด้วยกัน ทั้งที่ดึกดื่นขนาดนั้น”
“หุบปาก”
โจวหลานรีบปิดปากตัวเองทันที จับจ้องไปที่ใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของอวี้หนานเฉิง เพราะกลัวว่าเขาจะร้อนเกินไป จึงอดพูดเตือนขึ้นมาเสียไม่ได้
“ท่านประธานอวี้ อยากให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไหมครับ สวมชุดนี้เดี๋ยวจะร้อนเกินไป”
“ไม่ต้อง ออกไป!” อวี้หนานเฉิงจ้องเขาเขม็ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวหลานก็ใช้ฝ่าเท้าลื่นๆ ไถลไปอย่างรีบร้อน
รอให้เขาออกไปจากห้อง อวี้หนานเฉิงใช้มุมโต๊ะช่วยพยุงตัวลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นท่อนล่างที่ยังสวมกางเกงพิคาชูสีเหลืองสดใส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน