ฟ่านหลิงชวงดูงุนงง
“เธอกำลังบอกว่าเธอเป็นลมก่อนถึงการผ่าตัดอย่างนั้นเหรอ?”
เซิ่งอันหรานพยักหน้าด้วยความอึดอัด
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ฟ่านหลิงชวงจึงถอนหายใจ และเหลือบมองไปที่เซิ่งอันหรานด้วยความจำใจ "เธอมากับฉัน"
ที่ประตูห้องไอซียูฟ่านหลิงชวงและเซิ่งอันหราน เปลี่ยนชุดปลอดเชื้อ ประตูอัตโนมัติเปิดเพื่อให้ทั้งสองเดินเข้าไป
“ที่เธอกำลังพูดหมายถึงเขาใช่ไหม”
ฟ่านหลิงชวงชี้ไปยังชายบนเตียงที่ตามร่างกายเต็มไปด้วยท่อ
“เดิมทีมีใบแจ้งการเสียชีวิตออกมาแล้ว เป็นเรื่องยากสำหรับผู้อำนวยการจ้าวที่ต้องขึ้นผ่าตัดในครั้งนี้ ดังนั้นท่านผู้อำนวยการจึงไม่ยอมปล่อยให้เขาไปทั้งแบบนี้ สุดท้ายมีการฉีดยาเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งเข็ม จริงๆแล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ใครจะคิดว่าเขาจะดวงแข็งขนาดนี้ เพราะยาเข็มเดียว เขาจึงรอดกลับมาได้”
หน้ากากออกซิเจนปกคลุมใบหน้าเกือบทั้งหมด เนื่องจากการผ่าตัดปิดกะโหลก ทำให้เขาต้องโกนผมทั้งศีรษะ
ในขณะนี้ ศีรษะของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล และแทบจะจำหน้าตาเดิมของเขาไม่ได้เลย
เซิ่งอันหรานเดินเข้ามาช้าๆ และทุกๆย่างก้าวของเธอมันหนักราวกับว่าขาของเธอถูกพันไว้กับเหล็กปอนด์
“เขาเป็นอะไรกับเธออย่างนั้นเหรอ ?”
ฟ่านหลิงชวงยืนอยู่ข้างหลังเธอและถามด้วยความสงสัย
ในห้องอันเงียบสงบ ที่มีแสงสลัวๆและอุณหภูมิปานกลาง เซิ่งอันหรานสำลักออกมาสองคำ
"คนรัก"
ความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นมานานกว่าห้าปีได้ปะทุขึ้นในขณะนี้ เธอร้องไห้อย่างขมขื่น และในที่สุด เธอก็ยอมรับ ว่าเวลาไม่สามารถทำให้เธอลืมผู้ชายคนนี้ได้เลย เมื่อต้องเผชิญกับชีวิตและความตาย เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ทำไมต้องมายุ่งกับตัวเธอด้วย ต่างคนต่างแยกกันอยู่ไม่ได้หรือยังไง?
“ไม่รู้ว่าผู้ป่วยจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะประสบความสำเร็จ ที่เหลือเราแค่ต้องใส่ใจกับการดูแลหลังผ่าตัด”
“ขอบคุณมากค่ะ ผู้อำนวยการจ้าว”
เซิ่งอันหรานขอบคุณหมอที่เป็นหัวหน้าชุดการดูแลรักษาอวี้หนานเฉิง ความรู้สึกหนักๆที่ทับอยู่บนอกของเธอค่อยๆบางเบาขึ้น
ในห้องไอซียู อวี้หนานเฉิงยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย เธอยืนรอที่หน้าประตูครู่หนึ่ง เป็นเพราะแผนกฉุกเฉินต้องการคุณหมอไปดูแล ดังนั้นเธอจึงต้องไปทำงานก่อน แต่ก่อนที่เธอจะจากไปเธอได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาโจวฟัง
“เขาปลอดภัยแล้ว การผ่าตัดสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องไอซียู หลังจากสังเกตอาการสองวัน หากว่าเขาฟื้นแล้ว เขาจะถูกส่งตัวไปที่หอผู้ป่วยทั่วไป”
“อย่างนั้นก็ดี รบกวนคุณแล้ว คุณเซิ่ง ”
“ไม่เป็นไร” เซิ่งอันหรานลังเล “จิ่งซีเป็นอย่างไรบ้าง? เขารู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ผมยังไม่ได้บอกคุณชายน้อย ใช่แล้ว คุณท่านยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องนี้คุณห้ามบอกท่านเป็นอันขาดนะ”
"ฉันรู้"
“คุณเซิ่ง คุณผู้หญิงต้องการจะพูดอะไรกับคุณสักสองสามคำ คุณสะดวกไหม”
เซิ่งอันหรานหยุดชะงัก“ได้สิ”
ปลายสายอีกด้านเงียบไปครู่หนึ่ง และในไม่นานเสียงของคุณผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น "อันหราน ฉันเองนะ"
“ค่ะ คุณป้า”
เสียงของอวี้เฟิ่งหยาฟังดูเป็นกังวล และมันไม่ยากที่จะจินตนาการเลยว่าวันนี้เธอจะรู้สึกตกใจและกลัวแค่ไหน “ไม่คิดเลยว่าจะได้ติดต่อกับเธออีกด้วยวิธีนี้ เรื่องหนานเฉิง รบกวนเธอด้วยนะ”
“มันเป็นหน้าที่ของฉัน คุณป้าไม่ต้องห่วง การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ”
คำว่า 'ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ' ประโยคนี้น้ำเสียงของเธอดูหนักแน่นมาก ไม่เพียงแต่พูดให้กำลังใจอวี้เฟิ่งหยา แต่มันเป็นการพูดปลอบใจตัวเองด้วย
“ถ้าหากว่าเธอไม่รังเกียจล่ะก็ ต่อไปเธอมาเป็นลูกสาวของฉันได้ไหม ฉันจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน นี่เป็นโอกาสสำหรับฉันที่จะได้ตอบแทนเธอบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานตะลึงครู่หนึ่ง คำพูดนั้นช่างคาดไม่ถึง เธอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการอยู่กับหนานเฉิงแล้ว แต่จะหลบหน้ากันไปแบบนี้มันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา อย่างไรก็ยังมีลูกอีกสามคน ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเราควรจะประนีประนอม ฉันเองก็ไม่มีลูกสาว เธอมาเป็นลูกสาวของฉันได้ไหม ? ”
การแสดงออกของอวี้เฟิ่งหยาจริงจังมาก
"คุณป้า……"
เซิ่งอันหรานลังเล เธอยังไม่ได้ให้คำตอบ
“เธอไม่ต้องการเหรอ ?” ดวงตาของอวี้เฟิ่งหยาดูเศร้าเป็นอย่างมาก “เธอยังโกรธหนานเฉิงอยู่ใช่ไหม? แม้จะเป็นการทำเพื่อจิ่งซี เธอก็ยังไม่อยากมาอยู่กับครอบครัวของเรา…”
“ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ” เซิ่งอันหรานอธิบายอย่างรวดเร็ว “รอให้อวี้หนานเฉิงฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะคะ ตอนนี้ฉันยังรู้สึกสับสนอยู่หน่อยๆ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้โกรธใครเลย"
อวี้เฟิ่งหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นก็ดี”
“ฉันจะพาคุณไปเยี่ยมเขา”
"ได้ ขอบใจมาก"
อวี้เฟิ่งหยาเข้าไปดูอาการของอวี้หนานเฉิงในห้องไอซียูครู่หนึ่งแล้วก็จากไป ส่วนเซิ่งอันหรานทำงานในโรงพยาบาลต่อ ในตอนบ่าย จิ่งซีมาที่โรงพยาบาล ประจวบเหมาะกับที่ถานซูจิ้งและเก้าจ้านมาโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของอวี้หนานเฉิง ทั้งสองรับ เซิ่งเสี่ยวซิงและซูฮวนมาด้วย
ในช่วงบ่าย ทางด้านนอกของห้องไอซียูแน่นไปด้วยผู้คน
แม้ว่าใบหน้าของจิ่งซีจะไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่เขาจับมือของเซิ่งอันหรานไว้แน่นมาก
“ไม่เป็นไร” เซิ่งอันหรานแตะมือของเขา “เมื่อเขาพื้นขึ้นมาแล้ว เขาจะถูกย้ายไปที่หอผู้ป่วยทั่วไป อีกไม่นานก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จิ่งซีไม่ต้องกังวลนะ”
ซูฮวนเป็นน้องคนสุดท้อง เธอยืนนิ่งดูไม่เด่นท่ามกลางกลุ่มคน เธอลูบไปที่กระจกเย็น ๆ นอกห้องไอซียู และมองชายข้างในที่ร่างกายเต็มไปด้วยท่อช่วยชีวิตต่างๆ ความรู้สึกเป็นห่วงปรากฏบนใบหน้าที่อ่อนโยนของเด็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน