“เขาจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า ?”
ซูฮวนยังเด็ก และแม้ว่าผู้ใหญ่อย่างซูจิ้งและเกาจ้าน ยังไม่เข้าใจความหมายของการเกิด แก่ เจ็บ และ ตายอย่างถ่องแท้เลย
ทันทีที่เซิ่งเสี่ยวซิงได้ฟัง ดวงตาของเธอเริ่มหลายเป็นสีแดง “เป็นไปไม่ได้หรอก ป่าป๊าจะต้องฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“เช้าวันนั้น หนูบอกว่าหนูไม่ชอบเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งเสี่ยวซิงถึงกับตกตะลึง เธอหันไปมองน้องสาวของเธอด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าหนูไม่ได้พูดว่าไม่ชอบเขา เขาก็คงจะไม่ไปหรอก เช้าวันนั้นฝนตกหนักมาก”
ซูฮวนโทษตัวเอง แม้ว่าเธอจะเป็นคนพูดตรง และมักจะทำให้พี่สาวสองคนหรือแม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวโกรธอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็เป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่จิตใจดี เธอรับไม่ได้ที่คำพูดของเธอทำให้คนอื่นได้รับอันตราย
เซิ่งเสี่ยวซิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเช้าวันนั้น ดังนั้นเธอจึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย และไม่รู้ว่าจะปลอบใจน้องสาวของเธออย่างไร
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก” เสียงใสดังมาจากทางด้านหลัง
“พี่ชาย” เซิ่งเสี่ยวซิง เป็นคนแรกที่เห็นอวี้จิ่งซี
อวี้จิ่งซีพยักหน้าแล้วลูบศีรษะของซูฮวน"ไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ว่าพวกเราจะพูดอะไรไป มันยากที่จะเปลี่ยนความคิดของผู้ใหญ่ได้ มันเป็นเรื่องของพวกเขา อุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย"
ซูฮวนสงบลง“จริงเหรอ ?”
“เรื่องอารมณ์ความรู้สึกมันซับซ้อนมาก เธอยังเด็ก ดังนั้นจึงไม่เข้าใจ”
อวี้จิ่งซีมองไปที่ร่างในห้องไอซียู เขาพยายามปิดบังความกังวลในดวงตา"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังมีพี่อยู่"
คืนนั้น หลังการผ่าตัดผ่านไป 30 ชั่วโมง ข่าวมาจากห้องไอซียูว่า อวี้หนานเฉิงฟื้นแล้ว
เซิ่งอันหรานยืนอยู่ที่ประตูอย่างเหม่อลอย เธอเฝ้าดูกลุ่มแพทย์เดินเข้าๆออกๆ จนกระทั่งในที่สุด ฟ่านหลิงชวงได้เดินเข้ามาบอกกับเธอว่า อวี้หนานเฉิงถูกส่งตัวไปในหอผู้ป่วยทั่วไปแล้ว เซิ่งอันหรานรู้สึกโล่งใจขึ้นเป็นอย่างมาก
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันจะต้องบอกเธอ เธอควรจะเตรียมใจไว้”
"เรื่องอะไร ?"
“สมองของเขาเสียหาย เขาสูญเสียความทรงจำ”
การแสดงออกของเซิ่งอันหรานเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน "สูญเสียความทรงจำ?"
ณ หอผู้ป่วย แพทย์เพิ่งทำการตรวจร่างกายเสร็จ และปล่อยให้อวี้หนานเฉิงนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลคนเดียว ดวงตาของเขาดูล่องลอยและว่างเปล่า เขาจ้องมองที่เพดานด้วยความมึนงง
ภายใต้การเฝ้ามองของฟ่านหลิงชวง เซิ่งอันหรานเดินเข้าไปหาเขาอย่างลังเล
“หนานเฉิง...”
คนบนเตียงโรงพยาบาลมีปฏิกิริยาเล็กน้อย เขาหันศีรษะมาเพื่อมองเธอ แต่ดวงตาของเขายังดูว่างเปล่าราวกับจะถามเธอว่า 'คุณเป็นใคร'?
จู่ๆเซิ่งอันหรานก็แสบจมูกขึ้นมา น้ำตาเกือบจะร่วงลงมาอาบบนใบหน้า
“คุณจำฉันไม่ได้เหรอ ? ”
ปากของอวี้หนานเฉิงขยับ เขาพูดสองคำออกมาด้วยความยากลำบาก
"อันหราน......"
แพทย์ในวอร์ดทุกคนตกตะลึง พวกเขามองไปที่เซิ่งอันหรานด้วยความประหลาดใจ
“คุณจำฉันได้ ?” เซิ่งอันหรานรีบเดินเข้ามาใกล้เพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น “หนานเฉิง คุณจำฉันได้ใช่ไหม ?”
อวี้หนานเฉิงมึนงงเล็กน้อย “ใครคือหนานเฉิง ?”
"..."
"ความจำเสื่อมแบบเลือกจำ" ในห้องประชุมทีมวินิจฉัยของผู้อำนวยการจ้าว แห่งภาควิชาประสาทวิทยาชี้ไปที่แผ่น CT สมอง
“มีบางกรณีสามารถเป็นแบบนี้ได้เช่นกัน เพราะอาการลิ่มเลือดในสมองยังไม่สลายไปหมด มีการไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ผู้ป่วยควบคุมความคิดในสมองได้ยาก จึงอาจจะมีอาการลืมบางสิ่งบางอย่างไป เช่น คนหรือสิ่งของ จำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้ขอบเขตของสมอง แต่เป็นภาพสะท้อนของร่างกาย ซึ่งในทางการแพทย์เราเรียกว่าความจำเสื่อมแบบเลือกจำ ”
เซิ่งอันหรานรู้สึกสับสน และถามต่อไปว่า
“ตอนนี้มีการรักษาวิธีไหนที่สามารถช่วยได้ไหม? หรือต้องรอให้ลิ่มเลือดสลายไปเอง?”
ผู้อำนวยการจ้าวส่ายหัว "โดยทั่วไปแล้ว ความทรงจำของผู้ป่วยที่หายไป ผู้ป่วยจะต้องนึกขึ้นได้เอง ยาสามารถช่วยบรรเทาได้เพียงแค่อาการบางส่วนเท่านั้น"
“อย่ากังวลมากไปเลย นี่ไม่ใช่ความเสียหายของหน่วยความจำที่แก้ไขไม่ได้ ช่วยมาได้ถึงขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”
ฟ่านหลิงชวงปลอบโยนเธอจากด้านข้าง
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว ทุกคนออกไปหมดแล้ว แต่เธอยังคงก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ในห้องนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้เทียนเอินชะงัก "พี่สาว พ...พี่ ยกโทษให้เขาแล้วเหรอ?"
ท่าทางของเซิ่งอันหรานดูซับซ้อน
"ฉันคิดได้แล้ว"
กู้เทียนเอินดูดีใจอย่างออกนอกหน้า "ผมรับรองได้ว่า ถ้าครั้งนี้พี่บอกพี่หนานเฉิง ความทรงจำของเขาจะต้องฟื้นกลับมาในทันทีเลยล่ะ"
“คงไม่มหัศจรรย์ขนาดนั้นหรอกมั้ง อย่าเว่อร์เกินไปนักเลย?” เย่จื่อไม่เชื่อ
"ลองดูก่อน ลองดูมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร "
ภายใต้การแนะนำของกู้เทียนเอิน เซิ่งอันหรานเดินกลับไปที่ห้อง
อวี้หนานเฉิงเพิ่งล้มตัวลงนอน เมื่อเขาได้ยินการเคลื่อนไหว เขาจึงหันไปมองที่เซิ่งอันหราน "พวกเขาไปแล้วเหรอ ?"
ดวงตาของเซิ่งอันหรานเหลือบมองไปยังทั้งสองที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตู และกล่าวขึ้นว่า
"ไปแล้ว"
“ออกไปซะได้ก็ดี ผมไม่รู้จักพวกเขาสักหน่อย คราวหน้าอย่าพาคนแบบนี้มาที่นี่อีกนะ ผมไม่อยากเจอพวกเขา”
เซิ่งอันหรานเดินเข้าไปด้วยความลังเล
“คุณจำไม่ได้จริงๆเหรอ? นั่นคือน้องชายของคุณและคู่หมั้นของเขา”
อวี้หนานเฉิงหลับตาลง และพูดอย่างไม่ลังเล
“ผมจำไม่ได้ คิดไปมันก็ปวดหัว ผมง่วงแล้ว อยากจะนอนพักผ่อน”
"รอเดี๋ยว"
เซิ่งอันหรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกมาด้วยกล้าหาญ“เมื่อคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว เ ราไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนกันเถอะ”
“ไปทำอะไรที่นั่น”
“จดทะเบียนสมรส”
น้ำเสียงของเซิ่งอันหรานดูหนักแน่น เธอมองหน้าของอวี้หนานเฉิงอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน