อวี้หนานเฉิงพิงหมอน จ้องที่เธอด้วยดวงตาเย็นชา แล้วขึ้นถามว่า
“เรายังไม่แต่งงานกันเหรอ ?”
เซิ่งอันหรานตะลึง เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร
เขาจำไม่ได้จริงๆเหรอ ?
หลังจากความจำเสื่อมอวี้หนานเฉิงดูไม่ต่างจากเมื่อก่อน ยกเว้นว่าเขาไม่รู้จักใครเลย นิสัยพฤติกรรมและบุคลิกภาพของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เซิ่งอันหรานรู้สึกแทบเป็นบ้า
ในวันที่ออกจากโรงพยาบาล อวี้หนานเฉิงปฏิเสธที่จะกลับบ้านตระกูลอวี้คนเดียว เขาต้องการให้เซิ่งอันหรานกลับไปอยู่กับเขาด้วย
“คุณเป็นภรรยาของผม ทำไมถึงต้องแยกกันล่ะ ”
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เซิ่งอันหรานลังเลที่จะพูดถึง เรื่องในตอนนี้มันก็อธิบายได้ยาก สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อต้องการดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ดังนั้น เธอจึงต้องย้ายไปอยู่บ้านกับเขา
“อันหราน ก่อนที่ผมจะเกิดเรื่อง เราทะเลาะกันหรือเปล่า ?”
ในห้องนอน อวี้หนานเฉิงมองดูเธอขณะที่เธอกำลังจัดกระเป๋าเดินทาง
“ทำไมจู่ๆถึงได้ถามแบบนี้ล่ะ ?”
อวี้หนานเฉิงมองไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องด้วยท่าทางที่ซับซ้อน "ถ้าผมไม่ได้ทะเลาะกับคุณ ทำไมคุณต้องย้ายออกไปด้วยล่ะ"
เซิ่งอันหรานไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร เธอเงียบไปครู่หนึ่ง หยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางออกมาและเตรียมจะใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อเธอเปิดตู้เสื้อผ้า เธอก็ต้องตกตะลึง เสื้อผ้าเก่า ๆ ของเธอวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ภายในตู้
เมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากที่เธอจากไป อวี้หนานเฉิงยังเก็บสิ่งของทั้งหมดของเธอไว้เป็นอย่างดี ?
“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของอวี้หนานเฉิงดังมาจากด้านหลัง
“ไม่มีอะไรหรอก” เซิ่งอันหรานสูดน้ำมูก และวางเสื้อผ้าของเธอเข้าไปในตู้เสื้อผ้า “ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก แต่งานในโรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง ฉันจึงมักจะนอนในโรงพยาบาล ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน เพราะกลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของคุณ”
ขณะพูดอวี้หนานเฉิงก็กอดเธอจากด้านหลัง เขาวางคางไว้บนศีรษะของเธอ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ คุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณควรอยู่กับผม ต่อไปผมจะไปรับไปส่งคุณทุกวันเอง "
เซิ่งอันหรานหัวเราะออกมา
“คุณคิดอะไรน่ะ ? คุณต้องไปทำงานนะ เซิ่งถังกรุปเป็นบริษัทใหญ่โต คุณไม่อยากทำก็ไม่ทำอย่างนั้นเหรอ ?”
“เรามีลูกชายไม่ใช่เหรอ ?” อวี้หนานเฉิงก้มศีรษะลงและจูบที่ใบหูของเธอ น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขาดังนั้น “ให้ลูกชายเป็นคนรับผิดก็ได้จริงไหม ?”
เซิ่งอันหรานรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกเขาจูบ "จิ่งซี อายุแค่สิบเอ็ดปี คุณจำไม่ได้จริงๆเหรอ ? "
“แต่ผมไม่อยากไปทำงาน”
“แล้วคุณอยากทำอะไรล่ะ ?”
อวี้หนานเฉิงไม่ตอบ แต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซิ่งอันหรานนอนอยู่บนหมอน เธอถูกทรมานจบไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็ยังไม่ลืมอาการบาดเจ็บของอวี้หนานเฉิง เธอหอบ "ค...คุณระวังบาดแผล คุณเพิ่งจะถอดผ้าพันแผลนะ... "
เสียงต่ำของชายหนุ่มดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ และดูเหมือนเขาจะไม่พอใจ
"มีสมาธิหน่อยสิ"
ใบหน้าของเซิ่งอันหรานค่อยๆแดงขึ้น
ความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้เป็นเวลากว่าห้าปีได้ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ในขณะนี้ จนกระทั่งดวงอาทิตย์จากทางทิศตะวันออกเคลื่อนที่ไปยังทิศตะวันตก ทั้งสองยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียง
หลังเสร็จภารกิจ อวี้หนานเฉิงอุ้มเธอไปในห้องน้ำเพื่อล้างตัว
เมื่อพวกเขาออกมา ปรากฏว่าผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว และไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือของใคร คนรับใช้เข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนในขณะที่พวกเขากำลังอาบน้ำ
เซิ่งอันหรานหน้าแดงขึ้นทันที เธอห่อตัวเองไว้ใต้ผ้าห่ม
ภาพของเธอตอนนี้หาดูได้ยาก และแทบจะนับครั้งได้ ตอนแรกก็ดูยังปกติอยู่ แต่จู่ๆอวี้หนานเฉิงเก็เปิดผ้าห่มของเธอขึ้น
“ถ้าคุณยังไม่หยุดอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ ”เซิ่งอันหรานผลักที่หน้าอกของเขา
อวี้หนานเฉิงกอดเธอ "แค่นอนด้วยเฉยๆ ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น"
เธอถอนหายใจด้วยความโล่ง
ท้องฟ้ามืดแล้ว แต่เซิ่งอันหรานก็ยังไม่รู้สึกง่วง เสียงของอวี้หนานเฉิงดังอยู่ข้างๆหูของเธอ "คุณเก่งมาก ที่มีลูกให้ผมถึงสามคน ทำไมเราถึงยังไม่ได้แต่งงานกัน ทั้งๆที่ผมรู้จักกับคุณมาหลายปีแล้ว ?"
หลังจากจดทะเบียนสมรสเรียบร้อย ทั้งสองออกมาจากสำนักกิจการพลเรือน หลังฝนตกหนักในเมืองจินหลิงผ่านพ้นไป แดดเริ่มออก อากาศค่อนข้างดี และไม่ร้อนจนเกินไป
เธอมองดูตัวเองในทะเบียนสมรส อวี้หนานเฉิงดึงมือของเธอไปที่หลังรถและปิดตาเธอไว้
“คุณจะทำอะไรน่ะ ?มันดูเป็นความลับขนาดนั้นเชียวเหรอ ?”
"รอสักครู่ เดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว "
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อวี้หนานเฉิงค่อยๆเคลื่อนมือออก"ลืมตาได้"
เซิ่งอันหรานลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือดอกกุหลาบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักวางอยู่เต็มท้ายรถ พวกมันเป็นสีแดงและเป็นประกาย เหนือดอกกุหลาบมีการ์ดใบเล็กแปะอยู่ มันถูกวาดขึ้นด้วยดินสออย่างง่าย เรื่องราวของเต่าและกระต่าย
เริ่มจากทางด้านซ้ายมือ เต่าและกระต่ายนั่งหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งเป็นฉากของการสัมภาษณ์งานในตอนนั้น
เต่ากล่าวว่า "ทำไมผมต้องมาฟังคนที่โกหกแม้กระทั่งเรื่องประวัติการศึกษาของตัวเองด้วย ?"
กระต่ายไม่ยอมแพ้ เธอดูหงุดหงิด และพูดเรื่องประวัติของตัวเองขึ้นว่า "ฉันมีความสามารถและประสบการณ์ ซึ่งมันไม่แพ้ความสามารถด้านการศึกษา ทำไมคุณถึงมองคนอื่นแต่ด้านเดียวล่ะ"
รูปที่สอง กระต่ายปกป้องเต่าตัวเล็ก ด้วยการเอาตัวเองเข้าไปขวางแชนเดอเรียที่กำลังร่วงลงมา
รูปที่สาม...
รายละเอียดทั้งหมด คือตอนที่เซิ่งอันหรานพบกับอวี้หนานเฉิงหลังจากกลับมาที่ประเทศจีนในปีนั้น
“พวกนี้คุณเป็นคนเตรียมทั้งหมดเลยเหรอ ?”
“ผมจำไม่ค่อยได้ แต่ผมลองถามคนรอบๆ ตัว พวกเขาพูดอะไร ผมก็วาดอย่างนั้น เรื่องมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม ?”
เซิ่งอันหรานพยักหน้า “ถูกทั้งหมด มันเป็นแบบนั้นแหละ”
“มีอีกหลายเรื่องที่ผมยังจำไม่ค่อยได้ แต่ผมเชื่อว่าหลังจากผ่านไปนานกว่านี้ ผมน่าจะจดจำทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเราได้”
ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
"สุขสันต์วันแต่งงานครับ คุณนายอวี้ "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน