เซิ่งอันหรานค่อยๆขยับตัวไปด้านหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากสือหมิงเฉียง
"คุณหมายความว่าอะไร?"
สือหมิงเฉียงยิ้มอย่างดูถูก มืออีกข้างหนึ่งคลำหาบางสิ่งที่อยู่ข้างหลังเขา เขาหยิบมีดทหารออกมา และวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เสียงของเขาเย็นชามาก
"ฆ่าผมสิ"
เซิ่งอันหรานสั่นไปทั้งตัว เธอทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ใบหน้าของเธอซีดเผือด
"คุณมันบ้าไปแล้ว?"
ปฏิกิริยาของเซิ่งอันหรานเป็นไปอย่างที่สือหมิงเฉียงคาดเอาไว้ เขาเปลี่ยนอิริยาบถไป โดยหันหลังให้เธอและขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ หยิบมีดออกมาจากฝัก ใบมีดคมๆสะท้อนแสงไฟในห้อง เขาหันหน้ากลับมามองเธอ
“ลองนึกถึงชายชราคนนั้นสิ ผมได้ยินมาว่าตอนที่เขาป่วยคุณดูแลเขาเป็นอย่างดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะผม เขาคงจะหายดีและมีโอกาสได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าของคุณแล้ว ไม่อยากจะล้างแค้นแทนเขาเหรอ?”
เซิ่งอันหรานกำลังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ การยั่วยุของสือหมิงเฉียงมันเกินขอบเขตที่เธอจะทนไหว
“ยังมีครอบครัวและเพื่อนๆ คนอื่นๆของคุณอีก ถ้าหากว่าผมคิดจะทำจริงๆ โอกาสมันมีเยอะแยะไป และตอนนี้คุณก็มีโอกาสที่จะตัดไฟแต่ต้นลม—”
เขากล่าวพร้อมกับหันมีดขึ้น นิ้วของเขาค่อยๆสัมผัสลงบนมีดเล่มนั้น และหันด้ามมีดไปที่ เซิ่งอันหรานด้วยแววตาแห่งการรอคอย
มือของเซิ่งอันหรานหยิบมีดเล่มนั้นด้วยความสั่นสะท้าน เธอควบคุมมือของตัวเองไม่ได้ จู่ๆ มีแสงสว่างแวบเข้ามาในดวงตาของเธอ อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ถูกหยุดด้วยหลักการของเหตุและผล เธอเอามีดใส่กลับเข้าไปในฝัก แล้ววางลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เดิมทีฉันมีความคาดหวังอันริบหรี่สำหรับคุณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลานจิงจิงจะตาบอด ฉันจะคิดเสียว่าตัวเองเป็นคนไร้เดียงสา คุณออกไปได้แล้ว”
เธอพูดขึ้นพลาง เผชิญหน้ากับสายตาอันเย็นชาของเขา
สือหมิงเฉียงเลิกคิ้วขึ้นและพยักหน้าครุ่นคิด จากนั้นไม่นานเขาหยิบมีดบนโต๊ะ และหันหลังเดินไปหยิบแจ็กเกตหนังบนโซฟา ราวกับว่าเขาต้องการจะจากไปจริงๆ
แต่สุดท้ายเสียงฝีเท้าของเขาก็เดินไปหยุดเพียงแค่ที่หน้าประตู เขาหันกลับมาราวกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“อ้อ มีอีกอย่างที่ผมเกือบจะลืมบอกคุณไป—”
เขาพูดพลางดึงภาพถ่ายออกมาจากด้านในของกระเป๋าแจ็กเกตหนัง และหันกลับมาที่เซิ่งอันหราน
“เด็กคนนี้ คุณก็รู้จักสินะ ?”
เซิ่งอันหรานจ้องไปที่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ซึ่งยิ้มแย้มอยู่ในรูป ดวงตาของเธอเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ผมจะบอกคุณให้นะ เด็กคนนี้เขาชื่อหลวนหล่วน เป็นเด็กที่เกิดจากเกาหย่าเหวินเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่เธอไปอยู่เวียดนาม”
"อะไรนะ ?"
เรื่องนี้กะทันหันเกินไปสำหรับเซิ่งอันหราน รูม่านตาของเธอสั่นสะท้าน
หวานหว่านคนนั้นที่แท้เป็นลูกชายของเกาหย่าเหวิน
จู่ๆ ใบหน้าของสือหมิงเฉียงก็เข้าขยับเข้ามาใกล้
“ตอนนี้ลูกชายคนนี้เป็นเพียงความกังวลเดียวของเกาหย่าเหวินแต่เจ้าตัวเล็กนั่นก่อนหน้านี้ดันแอบหนีออกมาจากสถานสงเคราะห์ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราว คุณลองคิดดูสิว่า หากเกาเหย่าเหวินรู้ว่าลูกชายของตัวเองตอนนี้อยู่ที่คฤหาสน์บนภูเขาจือเฟิง และถูกรับเลี้ยงโดยเด็กสาวมหาวิทยาลัยที่ชื่อกู้อัน เกาหย่าเหวินจะทำยังไง ?”
เขาหยุดครู่หนึ่ง แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความอาฆาต
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอรู้ว่า คุณกับกู้อันมีความเชื่อมโยงกันอย่างไรกัน —”
"ต่ำช้า!"
เซิ่งอันหรานโกรธจนแทบจะระงับอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ และกำลังจะเดินออกจากสำนักงาน
ความวิตกกังวลที่ควบคุมไม่ได้ทำให้เธอตื่นตระหนก เลือดในร่างกายของเธอพุ่งไปถึงสมอง เธอเกือบจะสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เซิ่งอันหรานยื่นมือออกไปเปิดประตูสำนักงาน แต่พบว่าลูกบิดประตูขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อเธอลองบิดดูอีกครั้งก็พบว่ามันไม่ขยับ
เธอแทบจะเป็นบ้า จนกระทั่งเสียงอันแผ่วเบาของซือหมิงดังมาจากด้านหลัง
“อย่ามาทำตัวไร้สาระ ผมล็อกประตูแล้ว”
เขาพูดขึ้นพลางหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และโยนมันออกไปทางหน้าต่างข้างหลังเขาอย่างแม่นยำ
เซิ่งอันหรานหันหลังกลับ ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง มันบดบังดวงตาคู่นั้นของเธอเกือบมองไม่เห็น
เธอหลับตาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรวบรวมกำลังทั้งหมด ยกเท้าขวาขึ้นและกระทืบไปที่เท้าทางด้านหลังอย่างรุนแรง
ปลายรองเท้าส้นสูงกระแทกลงตรงๆกับเท้าของเขา สือหมิงเฉียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด เขาก้มตัวลงไปจับที่เท้าของตัวเอง มีดหลุดออกจากมือของเขาโดยตรง เซิ่งอันหรานผลักมืออีกข้างหนึ่งของเขาออกไป เธอตะโกนขึ้นว่า "ช่วยด้วย" พลางก้มลงหยิบมีดที่อยู่พบพื้นขึ้นมา
เธอใช้มือทั้งสองจับประคองมีด ยืนหลังพิงกับประตูสำนักงาน ใบหน้าดูตื่นตระหนก และตะโกนขอความช่วยเหลือ
"ช่วยด้วย รีบเปิดประตู!"
ทางด้านนอกสำนักงานเกิดความวุ่นวายขึ้นในทันที กลุ่มคนมายืนออกันที่หน้าประตู และพบว่าพวกเขาไม่สามารถหมุนลูกบิดและเปิดประตูห้องได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเอาตัวพังประตูเข้ามา
เซิ่งอันหรานย้ายไปด้านข้าง ในขณะที่สือหมิงเฉียงค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เซิ่งอันหรานวางแผนที่จะทำลายตาข่ายความกลัว เธอยกมีดเพื่อหยุดฝีเท้าของอีกฝ่าย
แต่คาดไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะแสยะยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่ง เขากระตุกมุมปากและมองมาที่เธอ
หรือจะพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ เขาพุ่งเข้าหามีดในมือของเธอ
เซิ่งอันหรานร้องอุทานขึ้น ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว และปล่อยอาวุธในมือลงโดยไม่รู้ตัว
สายตาของเธอดูหมดหวังในตอนที่สือหมิงเฉียงกำลังเข้ามาใกล้ เข้ายื่นมือออกไปคว้ามีดเล่มนั้นที่ยังไม่ตกลงถึงพื้น และนำมาใส่ไว้ในมือของเธอ
เธอถือมันโดยหันปลายมีดชี้ตรงไปข้างหน้า จากนั้นคนๆนั้นก็เอาตัวพุ่งเข้ามา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนที่เซิ่งอันหรานได้สติกลับมา เธอพบว่าร่างหนักๆของชายคนนั้นได้ค่อยๆกดทับมาที่ร่างของเธอแล้ว
กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วห้อง เซิ่งอันหรานสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นและความชื้นที่ฝ่ามือของเธอ เสื้อกันลมสีเหลืองเปื้อนไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ยืนอยู่ในแอ่งของเลือด
"ทำไมกัน ทำไม?"
เซิ่งอันหรานยืนตัวสั่นและควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตาของเธอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอไม่ได้ชักมือออกจากมีด และพูดประโยคนี้ซ้ำๆ
ปากของสือหมิงเฉียงยังคงพยายามฝืนยิ้ม เขารวบรวมกำลังทั้งหมดและมองมาที่เธอเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณได้แก้แค้นแล้ว ส่วนผมเองก็หลุดพ้นแล้วเหมือนกัน”
เขาหายใจพะงาบๆ น้ำเสียงแผ่วเบา แต่คำพูดทุกๆคำของเขามันได้ถูกตอกเข้าไปในส่วนลึกสุดของหัวใจเซิ่งอันหรานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน