ปล่อยใจให้รักเธอ(จบ) นิยาย บท 3

 ตอนที่ 3 ฉันควรแต่งงานกับคุณ

 เมื่อสวมชุดเสร็จเรียบร้อย รินลดาแอบเหล่มองไปที่ห้องทางซ้ายมืออีกครั้งขณะที่เดินออกจากห้องลอง แต่ห้องนั้นยังคงปิดสนิทอยู่ 

“มันเหมาะกับคุณมากเลยค่ะ”

พนักงานขายมีเทสต์ในการแต่งตัว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับลูกค้า เดรสยาวสีฟ้าอ่อนที่รินลดาสวมใส่ช่วยขับให้ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งขึ้น ริบบิ้นที่กลางลำตัวเน้นช่วงเอวที่คอดกิ่วของเธอ แม้ว่าเธอจะดูผอมไปสักหน่อย แต่ใบหน้าที่บอบบางของเธอก็ช่วยส่งให้เธอดูสวยสง่าในชุดนี้ 

จตุเทพมองดูรินลดาอีกครั้งด้วยความพึงพอใจแล้วจึงเดินนำไปที่แคชเชียร์ ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าชุดนี้ราคาสูงถึง 30,000 เหรียญ แต่เมื่อคิดได้ว่านี่จะเป็นชุดที่เธอจะใส่ไปพบกับครอบครัววิสุทธิภักดิ์ เขาก็ยอมจ่าย “ไปกันเถอะ” เขาพูดอย่างเย็นชา

รินลดาเคยชินกับกริยาที่ไม่แยแสนี้ดีอยู่แล้ว แต่ความเยือกเย็นในน้ำเสียงของเขาก็ยังคงทำให้เกิดคลื่นแห่งความเศร้าในใจเธอได้อยู่ดี

รินลดาเดินตามเขาเข้าไปในรถด้วยใบหน้าเรียบเฉย 

ไม่นาน พวกเขาก็มาอยู่ที่หน้าคฤหาสถ์ของครอบครัวโชคอนันต์

คนขับเปิดประตูให้จตุเทพ รินลดาเดินตามเขาไป

เธอยืนนิ่งอยู่หน้าคฤหาสน์ เขาและภรรยาใหม่คงมีความสุขกับชีวิตที่นี่ ขณะที่เธอและแม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อดูแลน้องชายที่ป่วย 

เธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

"ยืนทำอะไรอยู่?" จตุเทพหันกลับไปมองเมื่อเห็นว่ารินลดาไม่ได้เดินตามเขาเข้ามา เธอยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ทางเข้า

รินลดาหลุดออกจากภวังค์และรีบเดิมตามเขาเข้าไป เมื่อพวกเขามาถึงด้านใน สาวใช้รายงานว่าแขกยังไม่มา จตุเทพจึงบอกให้เธอรอในห้องนั่งเล่น

ใกล้ ๆ กับหน้าต่างทรงฝรั่งเศสมีเปียโน Seidl & Sohn ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีตั้งตระหง่านอยู่ มันเป็นของขวัญราคาแพงจากแม่ของเธอเมื่อเธออายุได้ห้าขวบ

รินลดารักเปียโนหลังนี้มาก เธอเริ่มหัดเล่นเปียโนตั้งแต่อายุสี่ขวบครึ่ง แต่ก็ต้องหยุดเล่นไปเมื่อเธอถูกส่งตัวไปต่างประเทศ เธอไม่มีโอกาสได้แตะเปียโนอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เธอเอื้อมมือไปสัมผัสเปียโนโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความคุ้นเคยที่ทำให้เธอตื่นเต้น

นิ้วชี้ของเธอกดเบา ๆ ลงบนแป้น ‘พลิ้ง’ เสียงใสก้องกังวานดังไปทั่วห้อง นิ้วของเธอแข็งเพราะขาดการฝึกฝน

“เปียโนของฉัน! ใครอนุญาตให้เธอแตะต้องมัน?” เสียงแหลมปรี๊ดดังมาจากด้านหลัง เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูไม่พอใจ

เปียโนของเธองั้นเหรอ?

รินลดาหันกลับมาและเห็นเยาวดียืนอยู่ข้างหลังเธอ รินลดาเกือบจะเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากหูของหญิงสาว เยาวดีอายุสิบเจ็ดปี เธออายุน้อยกว่ารินลดาเพียงปีเดียว รินลดายอมรับว่าเยาวดีสวยไม่ต่างจาก ‘มนฤดี’ แม่ของเธอ 

เยาวดีโกรธจัดจนต้องกัดฟันแน่นและจ้องมาที่รินลดา

“ของเธองั้นเหรอ?”

พวกนี้ทำลายชีวิตครอบครัวของแม่และยังเอาเงินของแม่ไป แล้วตอนนี้แม้แต่ของขวัญที่แม่มอบให้เธอก็ยังตกเป็นของเยาวดีอีกเหรอ?

เธอกำหมัดแน่นและบอกตัวเองให้นิ่งไว้ เธอยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องทรัพย์สมบัติของเธอและแม่ในตอนนี้

เธอจะประมาทไม่ได้!

เธอไม่ใช่เด็กน้อยขี้แยที่พ่อของเธอส่งไปอยู่ต่างประเทศเมื่อแปดปีก่อนอีกต่อไป เธอโตแล้ว

“เธอคือรินลดา!” เยาวดีนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ครอบครัววิสุทธิภักดิ์จะมาดูตัวเจ้าสาว พ่อของเธอพากานดาและรินลดากลับมาจากต่างประเทศเพื่อการนี้โดยเฉพาะ 

เยาวดียังคงจำใบหน้าที่น่าสมเพชของรินลดาได้ดีในวันที่จตุเทพไล่เธอและแม่ของเธอออกจากบ้าน รินลดาคุกเข่าอ้อนวอนพ่อไม่ให้ส่งเธอไป

“คงดีใจมากสินะที่พ่อพาเธอกลับมา” เยาวดียกแขนขึ้นกอดอกและมองดูรินลดาด้วยสายตารังเกียจ “อย่าผยองไปนักเลย เธอกลับมาเพื่อแต่งงานกับผู้ชายจากครอบครัววิสุทธิภักดิ์นี่ ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้น—”

พูดยังไม่ทันจบประโยค เยาวดีก็หัวเราะอย่างสะใจ

เยาวดีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเมื่อนึกว่ารินลดาจะต้องแต่งงานกับผู้ชายพิการที่ไร้สมรรถภาพ

การแต่งงานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้ชีวิตของรินลดาก็เหมือนถูกทำลายเพราะต้องแต่งงานกับผู้ชายไร้ความสามารถ

รินลดาขมวดคิ้ว

ขณะนั้นเอง สาวใช้เข้ามารายงานว่า “ครอบครัววิสุทธิภักดิ์มาแล้วค่ะ”

จตุเทพเดินไปต้อนรับผู้มาเยือนถึงหน้าประตูและเชิญเข้ามาด้านใน 

เมื่อรินลดาหันกลับมา เธอเห็นชายบนรถเข็นถูกเข็นเข้ามาในบ้าน เขามีใบหน้าที่นิ่งสุขุมและสง่างาม แม้จะนั่งรถเข็น เธออดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีใครกล้าดูถูกเขาไหม

จตุเทพสัญญากับเธอว่าตราบใดที่เธอแต่งงานเข้าไปในครอบครัววิสุทธิภักดิ์ เขาจะคืนทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้กับแม่ของเธอ ต่อให้เธอแต่งงานแค่เพียงวันเดียวและหย่าในวันรุ่งขึ้น ก็ยังถือว่าเธอได้แต่งงานตามสัญญาแล้วอยู่ดี 

หลังจากใช้เวลาสักครู่ในการปะติดปะต่อเรื่องราว รินลดาก็เข้าใจทุกอย่าง ธีรสิทธิ์ยืนได้ แต่เขามาที่บ้านโชคอนันต์ด้วยรถเข็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานสักเท่าไหร่ เขาคงให้คำหมั้นสัญญากับผู้หญิงคนนั้นไว้แล้ว และเขาก็คงหวังว่าครอบครัวโชคอนันต์จะเป็นฝ่ายขอยกเลิกการแต่งงาน

สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ จตุเทพเต็มใจที่จะยกลูกสาวที่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญให้กับครอบครัววิสุทธิภักดิ์เพื่อทำตามสัญญา

ธีรสิทธิ์เหล่ตามาที่เธอ

รินลดารู้สึกตัวสั่นและเย็นวาบไปตามแนวสันหลังเมื่อเธอเห็นว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนของครอบครัววิสุทธิภักดิ์เช่นกัน

แต่ถ้าเธอไม่แต่ง เธอก็จะไม่สามารถกลับมาที่นี่และเรียกร้องสิ่งที่เป็นของเธอโดยชอบธรรมได้

เธอยิ้มที่มุมปากอย่างขมขื่น “เราหมั้นกันตั้งแต่ยังเด็ก ฉันควรจะแต่งงานกับคุณไม่ว่าตอนนี้คุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม”

สีหน้าของธีรสิทธิ์ยิ่งมึนตึงมากขึ้น ผู้หญิงคนนี้รู้จักพูดจริง ๆ 

ในขณะที่จตุเทพไม่สนใจอะไร นอกจากคิดไปไกลถึงวันแต่งงาน เขาจึงถามขึ้น “กำหนดวันแต่งงาน...”

ความรู้สึกของธีรสิทธิ์คุกรุ่นไปด้วยหลากหลายอารมณ์ ก่อนที่เขาจะสงบลง “ครับ เราจะทำตามที่ได้ให้คำหมั้นสัญญากันไว้ ผมยึดมั่นในคำสาบานเสมอ”

รินลดาก้มหน้าลง พยายามกักเก็บอารมณ์ของเธอไว้ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้

แต่เธอก็แค่ทำตามสัญญา

“เยี่ยมเลย” จตุเทพพอใจมาก ในที่สุดเขาก็สามารถยกลูกสาวที่เขาไม่ได้อุ้มชูให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัววิสุทธิภักดิ์ได้สำเร็จ มันเป็นเรื่องน่ายินดีเสียเหลือเกิน

แม้ว่าครอบครัวโชคอนันต์จะรวย แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความมั่งคั่งของครอบครัววิสุทธิภักดิ์ ถ้าเปรียบวิสุทธิภักดิ์เป็นฉลาม โชคอนันต์ก็เป็นเพียงกุ้งตัวเล็ก ๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรเท่านั้น 

เทียบกันไม่ติดเลย!

จตุเทพผายมือเชิญธีรสิทธิ์ “ผมให้ที่บ้านเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว เชิญร่วมรับประทานมื้อนี้กับเรานะครับ”

ธีรสิทธิ์ขมวดคิ้วเครียดด้วยความรังเกียจจตุเทพ จิ้งจอกเฒ่าที่ชอบตีสองหน้า 

“ผมไม่สะดวก ยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก” ธีรสิทธิ์ปฏิเสธ ระหว่างเข็นรถผ่านรินลดา ธีรสิทธิ์ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ยิ่งยศหยุด เขาเงยหน้าขึ้นถาม “คุณรินลดาสะดวกออกไปคุยกับผมหน่อยไหม” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปล่อยใจให้รักเธอ(จบ)