ปริศนารักนัดบอด(จบ) นิยาย บท 3

ไป๋ชิงหันหน้ากลับไปมอง พลางฉีกยิ้มนิดๆ “คุณน้าหวาง หนูไม่อยากทำให้น้าเดือดร้อนค่ะ” สิ้นเสียงเธอก็เดินออกไปด้านนอก

น้ำตาหวางชิงเมิ่งหยดติ๋งๆ ลงบนพื้น

มารดาของไป๋ชิงคืออาจารย์ผู้มีพระคุณของตน แต่ตนกลับไม่มีความสามารถปกป้องไป๋ชิง ทำให้เธอรู้สึกผิดต่ออาจารย์ผู้มีพระคุณยิ่ง

ไป๋ชิงเดินออกจากแผนกสูตินรีเวชแล้ว จากนั้นก็โบกผลตรวจให้จ้าวเถิงดู “ดูให้ดีเลยนะ ฉันไม่ได้ท้อง นายกลับไปรายงานเจ้านายได้แล้ว”

จ้าวเถิงอึดอัดใจ

“คุณนายครับ คุณจะไปที่ไหนครับ ผมขอไปส่งนะครับ” จ้าวเถิงพูดเนิบๆ “อันนี้เป็นคำสั่งจากท่านประธานครับ”

“ฉันไม่ชอบให้ใครตาม นายบอกโม่เซียวได้เลยว่าฉันจะไปหาคุณย่า แต่ตอนนี้ฉันมีธุระอย่างอื่นต้องทำก่อน” ไป๋ชิงทำหน้าหงุดหงิด

“ครับ” จ้าวเถิงพยักหน้าหงึกๆ

ไป๋ชิงหมุนกายเดินออกไปด้านนอก

ทว่าพึ่งเดินได้สองก้าว เธอก็ฉุกคิดได้ว่าลืมมือถือ จึงย้อนกลับไปเอา

เมื่อเธอได้ของที่ต้องการแล้วก็เดินออกมา ทว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนอื่นเรียกชื่อของตน

“ไป๋ชิง” เสียงหยุนชีชีลอยเข้ามากระทบหูเธอ

ร่างกายไป๋ชิงแข็งค้าง โลกกลมดีแท้ มาเจอกันที่แบบนี้ด้วย!

เธอหันกลับไปอย่างแช่มช้า จากนั้นก็จ้องหยุนชีชี

หยุนชีชีใส่เสื้อผู้ป่วยใน สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงสวยเหมือนเดิม

ถึงแม้ไป๋ชิงกับหยุนชีชีจะมีใบหน้าคล้ายกัน แต่ราศีของทั้งสองแตกต่างกันอย่างลิบลับ

ไป๋ชิงสวยทรงเสน่ห์แต่แรกเกิด เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา ส่วนหยุนชีชีนั้นดูมีมาดตามแบบฉบับของผู้ดี พวกเธอจึงมีออร่าในแบบฉบับของตัวเอง

ไป๋ชิงหน้านิ่ว “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”

หยุนชีชีจ้องเธอเย็นเยียบ ก้นบึ้งนัยน์ตาสะท้อนแสงริษยาชั่ววูบ “ตอนนี้ฉันกำลังแอดมิทโรงพยาบาลด้วยโรคลูคีเมีย”

ไป๋ชิงชะงัก “ลูคีเมีย?”

“โม่เซียวให้ฉันแอดมิทโรงพยาบาลนี้” มุมปากหยุนชีชียกโค้งขึ้น “ใช่แล้ว ได้ยินว่าพ่อแม่คุณเป็นคนจัดระบบการรักษาโรคลูคีเมียของที่นี่”

ไป๋ชิงรู้สึกสะอิดสะเอียน

ใช้เทคนิคของพ่อแม่รักษาศัตรูหัวใจของเธอ มันทำให้สะอิดสะเอียนจริงๆ

“งั้นคุณก็รักษาตัวดีๆ เถอะ” ไป๋ชิงเอ่ยเสียงเย็นชา

กล่าวจบเธอก็จะเดินจากไป

“ไป๋ชิง” เสียงเนือยๆ ของหยุนชีชีดังขึ้นอีกครั้ง “คืนโม่เซียวให้ฉันเถอะ”

ไป๋ชิงชะงัก

“ไป๋ชิง ถ้าตอนนั้นคุณไม่แย่งเขาไป คนที่ควรแต่งงานกับเขาเมื่อสามปีก่อนก็คือฉัน เพราะคุณ จึงทำให้พวกเราพลาดเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันไปหลายปี ตอนนี้ร่างกายฉันเป็นถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังอยากยึดตัวเขาไว้อีกหรือ? เขาไม่ได้รักคุณเลยนะ” หยุนชีชีกล่าวเสียงเคร่งขรึม

ใบหน้าไป๋ชิงเรียบเฉย “ตลกละ เขาอยากหย่าก็ให้เขามาคุยกับฉันเองสิ ทำไมถึงให้คุณมาล่ะ? เขาปอดแหกหรือไง ขี้ขลาดขนาดนั้นเชียว?”

ไป๋ชิงรู้ว่าหยุนชีชีจงใจพูดเช่นนี้

อีกฝ่ายอยากพูดกระทบกระเทือนจิตใจเธอ

บอกให้เธอรู้ว่าโม่เซียวแคร์หยุนชีชีแค่ไหน

ทว่าแม้จะรู้เต็มอก แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี

เพราะอย่างไรเสีย เธอก็รักผู้ชายคนนี้มาหลายปี

“โม่เซียวไม่กล้าทำร้ายจิตใจคุณไงละ” หยุนชีชีขบฟันเอ่ย “คุณใช้เรื่องที่ตัวเองเป็นเด็กกำพร้า และใช้ความเอ็นดูจากคุณย่าโม่ แต่งงานกับโม่เซียว แต่คุณลืมไปว่าโม่เซียวไม่ได้รักคุณเลยสักนิด”

ไป๋ชิงพูดเชิงเสียดสี “คุณรู้ได้ไงว่าไม่รักแม้แต่นิดเดียว?”

หยุนชีชีอึ้ง

“ถ้าไม่รักฉัน ทำไมเขาถึงเอากับฉันล่ะ?” ไป๋ชิงถามเสียงเย็นเยียบ

ร่างกายหยุนชีชีสั่นระริก พร้อมกันนั้น เธอเหลือบไปมองด้านหลังของไป๋ชิง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “โม่เซียว”

ไป๋ชิงชะงัก ต่อด้วยยิ้มเยาะ ตัวเองตกหลุมพรางจนได้

เธอหันหน้ากลับไป พลางเห็นใบหน้าหล่อที่ปกคลุมไปด้วยความเย็นชาของชายหนุ่ม

“ฉันมาตรวจสุขภาพ ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว” ไป๋ชิงทำท่าจะจากไป

“จะเก็บท้องไว้กินข้าวเที่ยงกับหยุนชีชีเหรอ ฉันเข้าใจ” ไป๋ชิงโบกมือเรียกบริกร “รบกวนของโจ๊กปลาเค็มหนึ่งถ้วย แล้วก็เกี๊ยวนึ่งไส้เนื้อวัวหนึ่งที่ ขอบคุณค่ะ”

“รับทราบค่ะ” บริกรพยักหน้า จากนั้นก็เดินไป

โม่เซียวเลิกคิ้ว “กินเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขารู้ว่าปกติไป๋ชิงกินได้มากน้อยแค่ไหน

กระเพาะเธอเหมือนกระเพาะนก กินนิดหน่อยก็อิ่มแปล้แล้ว

“อะโม่ ขนาดนั้นเลยหรือ แค่โจ๊กทะเลกับเกี้ยวนึ่ง คุณก็หาว่าฉันกินเยอะแล้วเหรอ?” “ไป๋ชิงทำหน้าน่าสงสาร “บริษัทจะล้มละลายเหรอ คุณไม่มีเงินแล้วใช่ไหม?”

“คุณกินไปเถอะ” โม่เซียวพูดเสียงเรียบ

บางครั้ง เวลาเธอซุกซนขึ้นมาก็น่ารักเอาการ

แต่บางทีก็น่าโมโหยิ่งนัก

ทว่า เหนือสิ่งอื่นใด โม่เซียวยอมรับว่า สามปีมานี้ เขามีไป๋ชิงร่วมเรียงเคียงหมอน ช่วงเวลาที่รอคอยหยุนชีชีกลับมา จึงไม่ได้ทุกข์ใจมากนัก

เมื่อบริกรมาเสิร์ฟอาหาร

ไป๋ชิงก็เริ่มกินอย่างไม่รีรอ

เธอหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แล้วจริงๆ

และไม่ใช่แค่เธอ ลูกในท้องก็หิวแล้วเช่นกัน

เธอทำแก้มป่องแล้วเป่าโจ๊กในช้อนให้คลายร้อน จากนั้นก็ส่งเข้าปากตัวเอง ท่าทางน่ารักราวกับกระรอกน้อยตัวหนึ่ง

“คุณอยากคุยกับฉันเรื่องอะไร?” เสียงบางเบาของไป๋ชิงดังขึ้น

“เมื่อกี้ชีชีบอกกับอะไรคุณบ้าง?” โม่เซียวถามเสียงเฉยชาตามเคย

ไป๋ชิงย่นคิ้ว เขาจะคิดบัญชีกับเธองั้นหรือ?”

“เธอบอกว่าเป็นลูคีเมีย” ไป๋ชิงตอบ

“ใช่” โม่เซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อกี้ผมไปดูเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกของเธอมา ไม่คิดว่าในโรงพยาบาลนี้จะมีผู้บริจาคที่กรุ๊ปเลือดตรงกับเธอ คุณทายดูสิว่าเป็นใคร?”

เปลือกตาไป๋ชิงเขม่น “คนที่คุณว่าคือ...ฉัน...งั้นเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปริศนารักนัดบอด(จบ)